ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 646
“ข้าสงสัยว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิ!” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาตามตรง
จื่ออันตกตะลึงไป “ทว่า นี่มันไม่ถูกต้องไม่ใช่หรือ? เป็นตามที่ท่านว่า หากองค์จักรพรรดิต้องการจะคัดค้านแล้ว ทำไมถึงได้ยกเลิกงานอภิเษกกับองค์รัชทายาทต้าเหลียงกัน? หลังจากที่ยกเลิกแล้ว ก็ยังมาคัดค้านจ้วงจ้วงกับเซียวเซียวอีก ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากถึงเพียงนี้?”
มู่หรงเจี๋ยเล่นกับแหวนหยกในมือ แสงในดวงตาค่อย ๆ มืดมนลง “มีเรื่องหนึ่งที่เจ้ามองข้ามไป นั่นก็คือ พระราชโองการของจักรพรรดิฮุ่ยนั้น เป็นเสด็จแม่ที่ประกาศออกมาต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก องค์จักรพรรดิจะไม่ทำตามพระราชโองการของจักรพรรดิฮุ่ยได้หรือ? พระราชโองการของจักรพรรดิฮุ่ยเขียนเอาไว้ชัดเจนว่า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจบีบบังคับให้จ้วงจ้วงทำสิ่งที่นางไม่อยากทำได้ จ้วงจ้วงไม่อยากอภิเษกกับองค์รัชทายาทของต้าเหลียง ดังนั้นงานอภิเษกในครั้งนี้ จะต้องยกเลิกเสีย เขาจึงจำทำได้เพียงแต่เป็นลูกหลานที่กตัญญู แต่นี่ไม่ใช่หมายความว่าเขาจะยอมให้จ้วงจ้วงแต่งงานกับเซียวเซียว”
“เพราะอะไรกัน? ในเมื่อเขาสามารถยกเลิกงานอภิเษกได้ ทำไมถึงไม่ยอมให้จ้วงจ้วงแต่งงานกับเซียวเซียวกัน?” จื่ออันประหลาดใจเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าในเมื่อมู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาเช่นนี้จะต้องมีหลักฐาน และความสามารถในการวิเคราะห์เรื่องราวของเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก
มู่หรงเจี๋ยมองยังนาง “องค์จักรพรรดิในตอนนั้นเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ รากฐานยังไม่มั่นคง ส่วนจิ้งกั๋วโหวนั้นเป็นเหมือนพระอาทิตย์บนท้องฟ้า ตระกูลเซียวเป็นทหาร มีอำนาจทางทหารอยู่ในมือ หากว่าเซียวเซียวแต่งงานกับจ้วงจ้วงอีก แล้วนี่จะหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ท่านจะบอกว่า องค์จักรพรรดิไม่ต้องการให้จ้วงจ้วงแต่งงานกับเซียวเซียว เพราะกลัวว่าเมื่อตระกูลเซียวได้สถานะขององค์หญิงใหญ่ของจ้วงจ้วงคอยช่วยเหลือแล้ว จะเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งองค์จักรพรรดิของเขา?”
“ข้าก็ยังไม่แน่ใจ ในตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นนั้น ข้าเพิ่งจะมีอายุสิบสี่ปีเท่านั้น รู้เรื่องราวในราชสำนักยังไม่มากนัก เพียงแต่ว่าหลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว เซียวเซียวก็ปิดปากเงียบ ข้าคิดมานานหลายปี ถึงได้คิดถึงจุดนี้ได้”
จื่ออันนึกถึงที่เขาเคยเอ่ยเอาไว้ว่า เดิมทีเขาไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องของทั้งสองคนมากนัก และก็ไม่คิดที่จะสนใจ ถึงได้เอ่ยออกมาว่าไม่รู้เรื่องราวมากนัก อันที่จริงแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องเท็จ เขาสนใจ มิฉะนั้นแล้วก็คงจะไม่คิดถึงเรื่องนี้มาตลอด
อันที่จริงแล้ว หากว่าจะทำให้เซียวเซียวยอมจำนนได้นั้น ก็คงจะมีเพียงแต่องค์จักรพรรดิ
“ทว่า ทำไมถึงได้ลากหานชิงชิวมาเกี่ยวข้องกัน? และยังมีเหยาจื่อ ตายไปได้อย่างไรกัน?”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ย “ไม่รู้เช่นกัน เหยาจื่อตายไปในคูเมือง ไม่มีใครเห็นว่านางตายอย่างไร?”
จื่ออันไม่เข้าใจ “คูเมืองไม่ใช่สถานที่ลับตา เมื่อเกิดคดีขึ้นก็คงจะมีคนเห็น คดีนี้เป็นใครที่ตรวจสอบ?”
“องค์จักรพรรดิสั่งให้กรมอาญาเป็นคนตรวจสอบ เป็นจ้วงจ้วงที่ร้องขอให้เสนาบดีกรมอาญาเป็นคนตรวจสอบดีนี้ด้วยตนเอง
“เป็นเสนาบดีกรมอาญาในตอนนี้หรือ?”
“ไม่ เป็นคนก่อนหน้านี้ เขาตายไปแล้ว มีอาการป่วยจนตายไป” มู่หรงเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดไม่ออกถึงข้อสงสัยอื่นใดอีก “ในตอนนั้น ข้าอายุยังน้อยอยู่ รู้เรื่องนี้ไม่ชัดเจนนัก”
จื่ออันรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา วิเคราะห์ไปวิเคราะห์มา ดูเหมือนว่าจะไม่มีเงื่อนงำอะไรที่ชัดเจน เหมือนอยู่ในเมฆหมอก
องค์จักรพรรดิเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด แต่แล้วเรื่องของหานชิงชิวนี่เล่า? องค์จักรพรรดิคงจะไม่ถึงขั้นช่วยเหลือหานชิงชิวหรอกกระมัง?
“หรือว่าความลับนี้จะถูกเซียวเซียวฝังลงไปในโลงศพนั้นจริงหรือ? ช่างน่าวุ่นวายจริง ๆ” จื่ออันเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเคือง
มู่หรงเจี๋ยมองมายังนาง “เจ้าคิดจะช่วยฟื้นคืนความสัมพันธ์ของพวกเขา หรือว่าเพียงแต่ต้องการจะเข้าใจเรื่องนี้?”
จื่ออันเอ่ย “ข้าเพียงแต่หวังว่าจ้วงจ้วงจะมีความสุข”
มู่หรงเจี๋ยพยักหน้า “หากว่าเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าสามารถลงมือกับหานชิงชิว เรื่องที่เซียวเซียวรู้มา หานชิงชิวเองก็จะต้องรู้ อย่าได้ลืมไป ข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นนางกับเซียวเซียวที่ตกลงกัน”
จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “แต่ท่านคิดว่าหานชิงชิวจะเอ่ยออกมาหรือ?”
ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยฉายแววหลักแหลมออกมา “นางไม่มีทางที่จะบอกออกมากับเจ้า แต่จะบอกออกมากับคนคนหนึ่ง”
“ใคร!” จื่ออันเบิกตากว้างขึ้น
“เหยาจื่อ!”
จื่ออันตื่นตกใจ “เหยาจื่อยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?”