ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 661

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 661

คืนนี้จื่ออันกระสับกระส่ายอยู่ตลอดทั้งคืน พลิกกายไปมาอยู่บนเตียงอย่างนอนไม่หลับ

มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป? ใกล้จะเวลาจื่อแล้ว ทำไมถึงยังไม่นอนอีก?”

จื่ออันลุกขึ้นนั่ง กอดผ้าห่มแล้วเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวล “ข้าไม่รู้ ในใจรู้สึกสับสน”

“เป็นเพราะว่าเรื่องของจ้วงจ้วงหรือ?” มู่หรงเจี๋ยเองก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วมองยังนาง

“ใช่แล้ว ข้ามักจะรู้สึกว่า คืนนี้ในตอนที่จ้วงจ้วงมาคืนเชือกบ่วงบาศนั้น เหมือนจะมีความรู้สึกสิ้นหวังอยู่”

มู่หรงเจี๋ยตะลึงไป “เจ้าหมายความว่าจ้วงจ้วงอาจจะคิดไม่ตก?”

“ข้าไม่รู้”

มู่หรงเจี๋ยส่ายศีรษะออกมา “เป็นไปไม่ได้ ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว นางไม่มีทางคิดไม่ตกเพราะว่าเรื่องนี้ ในปีนั้น นางคิดว่าเป็นเพราะเซียวเซียวหักหลังนาง นางยังฝืนอดทน มาตอนนี้รู้แล้วว่าเซียวเซียวไม่ได้หักหลังนาง ยังคงรักนางดังเดิม ทำไมถึงจะคิดไม่ตกกัน? เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

จื่ออันรู้สึกว่าที่เขาเอ่ยออกมานั้นก็มีเหตุผล ในตอนนั้นยากลำบากถึงเพียงนั้น ยังอดทนผ่านมาได้ แล้วทำไมถึงจะได้มาคิดไม่ตกเอาตอนนี้? ความต้านทานต่อความเครียดของจ้วงจ้วงไม่ได้ด้อยเพียงนั้นหรอกกระมัง?

นางเอนกายลงอีกครั้ง “หวังว่าเป็นเพราะข้าที่คิดมากเกินไป”

มู่หรงเจี๋ยกอดนางเอาไว้ “หลับเถิด ไม่มีอะไรหรอก”

จื่ออันหลับตาลง ทว่าก็ไม่อาจจะนอนหลับได้ลง ไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย

นางพยายามที่จะลองเป็นจ้วงจ้วงดู หากว่านางเป็นจ้วงจ้วงแล้ว เมื่อมาถึงจุดนี้นางจะทำอย่างไรกัน?

ทว่า นางพบว่าการแทนที่ความรู้สึกของผู้อื่นนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน นางไม่ใช่จ้วงจ้วง ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจมาก่อน

จ้วงจ้วงกลับไปยังจวนองค์หญิง เรียกฉินจือและฉยงหวาเข้ามา “ตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้าวังมา ก็ติดตามข้ามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้ชื่อว่านายบ่าว แต่ก็ดูสนิทชิดเชื้อกันเสียยิ่งเสียกว่าพี่น้อง พวกเจ้าปฏิบัติกับข้าอย่างไร ในใจข้ารู้ดี ข้าปฏิบัติกับพวกเจ้าอย่างไร ในใจของพวกเจ้าเองก็รู้ดี”

ฉินจือรู้สึกว่าท่าทีของนางดูแปลกประหลาดออกไป จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “องค์หญิง ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เอ่ยเรื่องพวกนี้ออกมา? เมื่อครู่นี้ท่านไปที่ใดมา?”

“ข้าพบกับเซียวเซียวแล้ว” จ้วงจ้วงไม่ได้ปิดบังทั้งสองคน

“ท่านไปพบกับแม่ทัพใหญ่มา?” ฉินจือและฉยงหวามองสบตากัน ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ

จ้วงจ้วงยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ข้าไปพบเขามา พูดคุยกับเขาอยู่นาน”

“เช่นนั้น…” ฉินจือมองมายังนาง “พวกท่านพูดคุยอะไรกัน?”

“ไม่มีอะไรมาก นอกจากไปเสียกว่าเรื่องก่อนหน้านั้น เพียงแต่คำพูดที่ทำให้เข้าใกล้กันอีกครั้งในสิบเอ็ดปี ทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าชีวิตคนเรามันไม่เที่ยง เพราะฉะนั้น คืนนี้ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามา อยากจะสำทับกับเจ้าสักกี่ประโยค ข้าไม่รู้ว่าข้าจะยังมีชีวิตอีกนานเพียงใด แน่นอนข้าหวังว่าข้าจะมีอายุยืนนานถึงร้อยปี ดังคำที่ข้าเคยเอ่ยเอาไว้ก่อนหน้านี้ โลกนี้ไม่เที่ยง เป็นตายก็ยากจะเอ่ยออกมาได้ หากว่าข้าจากไปก่อนพวกเจ้า พวกเจ้าก็เอาเงินจากจวนไปก้อนหนึ่ง ข้าได้บอกกับห้องบัญชีเอาไว้แล้ว ไปแต่งงานก็ดี ไปทำการค้าก็ดี ขอเพียงแค่พวกเจ้าต้องการ ก็ทำไปเถิด ไม่จำต้องใส่ใจอะไรมากนัก”

ฉยงหวาเมื่อได้ยินคำนี้ ทั่วทั้งกายก็ขนลุกชันขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ “นี่ พูดจาไร้สาระ ไร้สาระอย่างมาก อยู่ดีๆ เอ่ยถึงเรื่องนี้ออกาชมาเพื่ออะไรกัน? หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิง ข้าฉยงหวาจะขอตามท่านไปเป็นคนแรก”

จ้วงจ้วงน้ำตาไหลนอง “เจ้าน่ะสิที่พูดจาไร้สาระ หากว่าข้าตายไป พวกเจ้ายังจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อฝังศพให้ข้า”

“ห้ามเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว มันทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หรือว่าแม่ทัพใหญ่เอ่ยอะไรออกมากับท่านออกมา?” ฉินจือเอ่ยออกมาด้วยความโกรธ

“ไม่ใช่ อย่าได้กล่าวโทษเขา เขาดีมาก ข้ากับเขาเพียงแต่ไม่มีวาสนาต่อกัน” จ้วงจ้วงยังคงมีรอยยิ้มที่สงบนิ่งดังเดิม ปกปิดหัวใจที่ปวดร้าวเอาไว้

“เช่นนั้น ท่านก็อย่าได้เอ่ยอะไรออกมาอีก รีบไปนอนเสีย ดีหรือไม่? อย่าทำให้พวกเราตื่นตกใจอีก!” ฉินจือเอ่ยออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ

จ้วงจ้วงจับมือของทั้งสองคนเอาไว้ เอ่ยออกมาเสียงเบา “ฟังข้านะ หากว่าข้าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ พวกเจ้าช่วยบอกเซียวเซียวแทนข้า ให้เขามีชีวิตให้ดีต่อไป หาหญิงสาวดี ๆ สักคน แต่งงานมีบุตร ใช้ชีวิตสงบอย่างที่เขาต้องการ”

ฉยงหวาลุกกระโดดขึ้นมา “ท่านอย่าได้เอ่ยอีกต่อไปแล้ว พอแล้ว บ่าวไม่อยากฟัง คำพูดที่ดูคลุมเครือเช่นนี้ ไม่อยากฟังแล้ว”

จ้วงจ้วงยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ดูเจ้าสิ ร้อนรนไปได้ ข้าเพียงแต่เอ่ยออกไปเผื่อล่วงหน้าก็เท่านั้น”

“เอ่ยเผื่อล่วงหน้าก็ไม่ควรเป็นคำเหล่านี้ นี่ไม่ใช่เท่ากับว่าทำพวกเราตื่นตกใจหรอกหรือ?” ฉินจือเอ่ย

“ตกลง ไม่พูดแล้ว ข้าเองก็ง่วงแล้ว คืนนี้ดื่มเหล้าเข้าไปเล็กน้อย ใช่แล้ว คืนนี้พวกเจ้าเองก็นอนกันเร็วเสียหน่อย ไม่จำต้องคอยเฝ้า พรุ่งนี้ให้ลุกขึ้นมาเช้าเสียหน่อย พวกเราไปที่แห่งหนึ่งกัน”

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท