ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 690
จื่ออันเอ่ยออกมา “เจ้าเห็นนางเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นไปได้หรือไม่ที่จะจำนางผิดได้? เพราะอย่างไรแล้วเจ้าเพียงแค่เห็นจากแผ่นหลังว่านางขึ้นรถม้าไป”
เดิมทีเซียวท่านั้นก็ไม่ค่อยจะแน่ใจอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อจื่ออันเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็ยิ่งแน่ใจว่าคนผู้นั้นไม่ใช่อี๋เอ๋อร์ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในตอนนั้นเพียงมองออกไปก็รู้สึกว่าเป็นอี๋เอ๋อร์
อ๋องเหลียงเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้ายิ่งไม่อยากจะไปยั่วยุคนผู้นั้น เจ้าก็ยังจะมองพลาดไปอีก วันนี้วุ่นวายเช่นนี้ ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้ก็อาจจะต้องเข้าวังไปทูลเสด็จแม่แล้ว”
จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย “ท่านจะกลัวเขาไปทำไมกัน? ท่านก็ไม่ได้ติดค้างอะไรเขาเสียหน่อย”
นางยังคงรู้สึกไม่พอใจที่อ๋องเหลียงไม่ยินยอมรับการรักษา รู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งไม่พอ
อ๋องเหลียงรู้ว่าในใจของนางยังคงกรุ่นโกรธอยู่ จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
จื่ออันเมื่อเห็นท่าทีของเขาเช่นนี้ ก็ไม่อยากจะเอ่ยว่าเขา “เอาล่ะ ท่านส่งคนไปถามหาบ้านของอี๋เอ๋อร์ ดูว่านางกลับไปแล้วหรือไม่ พร้อมทั้งดูว่าเขาละมั่งของมารดานางมีสีโลหิตหรือไม่”
อ๋องเหลียงตะลึงไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่รู้ว่านางพักอยู่ที่ใด”
“ท่านไม่รู้ว่านางพักอยู่ที่ใด” จื่ออันใช้สายตาราวกับมองสัตว์ประหลาดมองมายังเขา “ท่านชื่นชอบนางถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่รู้ว่านางพักที่ใด? เช่นนั้นก่อนหน้านั้น ท่านหานางพบจากที่ใดกัน”
“ก่อนหน้านั้นนางขายปิ่นที่ตนเองทำอยู่ในตลาดบนจัตุรัสทางตะวันตกเฉียงใต้ ทว่าภายหลังนางกลับไม่ได้ไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะไปเปิดแผงอยู่ที่ใด ข้าเคยเดินไปที่นั่นตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบนาง” อ๋องเหลียงเอ่ยออกมาอย่างเขินอาย
จื่ออันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยอมแพ้ขึ้นมา การแอบรักนี้ช่าง…
นางเอ่ยถามเซียวท่า “ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
“ยัง!” เซียวท่าดูค่อนข้างเหม่อลอย เหมือนราวกับว่ายังคงคิดถึงเรื่องของอี๋เอ๋อร์
“มีข่าวอะไรบ้างหรือไม่?”
“ไม่มี ทว่าท่านอ๋องกวางตุ้งกลับมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็คงจะเข้าวังแล้ว” เซียวท่าเอ่ย
จื่ออันรู้ว่าท่านอ๋องกวางตุ้งนั้นเป็นพี่ชายของจ้วงจ้วง ที่รักจ้วงจ้วงเป็นอย่างมาก
ได้ยินมาว่าเขาค่อนข้างจะอารมณ์ขี้หงุดหงิด ไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยวเมื่อเข้าวังไปจะก่อเรื่องอะไรขึ้น
จำต้องรู้ว่า คนผู้นั้นบ้านนางเองก็อารมณ์ร้อนเป็นอย่างยิ่ง
ฟ้าเริ่มมืดสีลง ก็ยังไม่พบว่ามู่หรงเจี๋ยจะออกจากวัง จื่ออันเริ่มจะนั่งไม่ติดแล้ว ต้องการจะให้เซียวท่าเข้าไปสืบข่าวจากในวังมา
เซียวท่ายังไม่ทันได้ออกไป ก็พบฉยงหวานำหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามา ดูท่าทางนางอายุราวสามสบเจ็ดสามสิบแปดปี สวมชุดสีเขียว บนหัวไม่มีเครื่องประดับใด มีเพียงแค่มวยผมเรียบง่าย บนกายนั้นสวมใส่เพียงแค่ลูกปัดเส้นใหญ่บนข้อมือเท่านั้น
นางไม่ถือว่างดงามมากนัก ทว่ารูปหน้าค่อนข้างจะเด่นชัด เป็นใบหน้าประเภทที่ทำให้คนมองเห็นได้เพียงแค่ชั่วแวบเดียว บวกกับคิ้วหนาดำเข้ม ทำให้นางมองดูแล้วช่างกล้าหาญอย่างยิ่ง
แต่ความเคลื่อนไหวของนางนั้นดูสง่างามอย่างยิ่ง ก้าวเท้าเข้ามาเหมือนราวกับดอกบัว ฉินจือนำนางเข้ามา นางพบคนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูช่างอ่อนโยนยิ่งนัก
“พระชายา ฮูหยินท่านนี้บอกว่ามาตามหาบุตรสาว บุตรสาวของนางก็คือหวังอี๋เอ๋อร์ ที่มาเมื่อเช้านี้เพคะ” ฉินจือเอ่ย
อ๋องเหลียงลุกกระโดดขึ้นมา มองไปยังหญิงสาวคนนั้น “ท่านคือมารดาของอี๋เอ๋อร์? นางยังไม่กลับไปอีกหรือ?”
หญิงสาวจ้องมองยังอ๋องเหลียง ปลดลูดปัดออกมาไว้ในมือแล้วเริ่มหมุนมัน เอ่ยตอบเสียงเบา “ใช่แล้ว ข้าเป็นมารดาของอี๋เอ๋อร์ วันนี้นางออกไปยังไม่กลับมา ก่อนที่นางจะออกไป ได้บอกกับเพื่อนบ้านเอาไว้ บอกว่านางจะมายังจวนองค์หญิง ข้าเลยอยากถามว่าวันนี้นางได้มาหรือไม่?”
เซียวท่าอึ้งตะลึงไป “สวรรค์ วันนี้คนที่ขึ้นรถม้าขององค์รัชทายาทเป็นอี๋เอ๋อร์จริง ๆ”
หญิงสาวหันกลับไปมองเซียวท่า เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านบอกว่าอี๋เอ๋อร์ขึ้นรถม้าขององค์รัชทายาท? นี่มันเรื่องอะไรกัน? นางไปขึ้นรถม้าขององค์รัชทายาทได้อย่างไรกัน?”
ลูกปัดที่นางหมุนวนอยู่นั้นยิ่งเร็วขึ้น
“ฮูหยิน ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป พวกเราจะไปตามหาองค์รัชทายาทกันเดี๋ยวนี้ เพื่อนำอี๋เอ๋อร์กลับมา” เซียวท่ารีบร้อนเอ่ยออกมา
อีกด้านหนึ่ง อ๋องเหลียงกำหมัดขึ้นแน่น จนเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมา “เซียวท่า ไป!”
จื่ออันเกรงว่าพวกเขาจะหุนหันพลันแล่นจนเกินไป แล้วตามหาอี๋เอ๋อร์ไม่พบ จึงได้เอ่ย “ช้าก่อน ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย”
แต่หญิงสาวกลับห้ามทุกคนเอาไว้ “ในเมื่อองค์รัชทายาทเป็นคนนำตัวไป ข้าจะตรงไปหาองค์รัชทายาทเองเถิด ไม่รบกวนทุกท่านแล้ว”