ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 702
จนกระค่ำคืนแล้วมู่หรงเจี๋ยถึงได้กลับมา จื่ออันคอยเขาพร้อมกับเฝ้าจ้วง ๆ อยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงของหนี่หรงแล้ว นางก็รีบเดินออกไป
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” จื่ออันถอดเสื้อคลุมให้เขา เมื่อเห็นใบหน้าของเขาซีดขาว ก็รู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ “เสด็จแม่ตั้งใจที่จะตามหาสามีให้กับจ้วงจ้วง อีกทั้งยังได้ความเห็นชอบจากท่านอ๋องกวางตง เรื่องนี้ข้าในฐานะที่เป็นผู้น้อยจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะมิใช่เรื่องในราชสำนัก โต้เถียงกันทั้งคืน เสด็จลุงก็ไม่ยอมล่าถอยให้แม้แต่น้อย เขากำลังจะมาถึงแล้ว ต้องการจะพบกับจ้วงจ้วง”
จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวล “แม้แต่ท่านเองก็ยังจัดการกับท่านอ๋องกวางตงไม่ได้หรือ?”
“ผู้ใดจะจัดการกับเขาได้บ้าง?” มู่หรงเจี๋ยยังคงโมโหอย่างมาก
จื่ออันเอ่ยออกมา “วันนี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ท่านพบอ๋องเหลียงแล้วหรือยัง?”
“ไม่ เกิดอะไรขึ้น?” มู่หรงเจี๋ยหันกลับมาถาม
จื่ออันนำเรื่องที่องค์รัชทายาทจับตัวอี๋เอ๋อร์ไปเล่าออกมา
มู่หรงเจี๋ยส่งยิ้มเย้ยหยันออกมา “เศษสวะนี่รนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ”
“ทว่าก็ดีเช่นกัน อย่างนั้นอ๋องเหลียงก็จะไม่ยินยอมล่าถอยให้” จื่ออันเอ่ย
“ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง” มู่หรงเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เขาคงจะไปหารัชทายาท ส่งคนตามไปดูเขาแล้วหรือยัง? อย่าได้ปล่อยให้เขาทุบตีจนตายไปเสียเล่า”
“ส่งเซียวท่าตามออกไปแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี เซียวท่าถึงแม้ว่าจะโง่เขลา แต่ก็รู้จักความเหมาะสม” มู่หรงเจี๋ยโล่งใจออกมาเล็กน้อย
ด้านนอกประตูเกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้น คงจะเป็นท่านอ๋องกวางตงที่มาถึงแล้ว
จื่ออันเดินออกไป มองเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดราชวงศ์มังกรทองปักเล็บดำสี่เล็บนำคนเข้ามา อายุของเขาราวหกสิบกว่า ก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง ใบหน้าแล้วอารมณ์เป็นเหมือนกับมู่หรงเจี๋ย ดำครึ้มอย่างชัดเจน เห็นได้ว่า ทั้งสองคนนั้นทะเลาะกันมาจากในวังจริง
จื่ออันย่อกายลง “เซี่ยจื่ออันคารวะท่านอ๋องกวางตง!”
ท่านอ๋องกวางตงกวาดตามองทางด้านมู่หรงเจี๋ยอย่างเย็นชา ก่อนจะมองไปยังจื่ออัน เอ่ยออกมาอย่างดื้อดึง “ข้าไม่กล้ารับมัน ท่านอ๋องของเจ้ายังไม่มองเห็นข้าอยู่ในสายตา เขาที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ มีอำนาจล้นฟ้า เจ้าที่เป็นพระชายาของเขา ก็มีบารมีตามไปด้วย”
มู่หรงเจี๋ยส่งเสียงดังออกมา “ไร้เหตุผล!”
“มู่หรงเจี๋ย เป็นใครที่ไร้เหตุผลกัน?” ท่านอ๋องกวางตงอารมณ์รุนแรงจริง ๆ เพียงแค่ประโยคเดียวก็ระเบิดออกมาแล้ว “ในสายตาของเจ้ายังมีเสด็จลุงของเจ้าอยู่อีกหรือไม่? ยังมีเสด็จแม่ของเจ้าอีกหรือไม่? แล้วยังจะเป็นท่านอาเล็กของเจ้า? นางอายุยังน้อย เจ้าก็จะให้นางตายไปโดยที่ไร้สามีอย่างนั้นหรือ? หรือว่าคิดจะให้นางจากไปเสียก่อน แล้วค่อยจัดงานมงคลให้หลังความตายอย่างนั้นหรือ?”
“ตอนนี้ท่านอาเล็กยังไม่ตายไป” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยด้วยความโกรธจัด “เช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเป็นการสาปแช่งนางอย่างนั้นหรือ?”
“ใครสาปแช่งนาง? ข้าจะสาปแช่งนางอย่างนั้นหรือ? นางเกิดเรื่องขึ้น ข้าเป็นคนที่จะเสียใจมากที่สุด ในใจของพวกเจ้าไหนเลยจะมีนางอยู่? นางใช้ชีวิตผ่านมาเนิ่นนานหลายปี พวกเจ้ามีใครที่จะเป็นห่วงนางกันบ้าง? แต่ละคนล้วนแต่ไม่สนใจนางกัน!” ท่านอ๋องเอ่ยก่นด่าออกมาน้ำเสียงขุ่นมัว
จื่ออันรู้ว่าเขาใช้ความโมโหเพื่อปิดบังความเศร้าเสียใจ คำพูดของเขานั้นหมายถึงตนเอง เขารู้ว่าจ้วงจ้วงใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่ใจจ้วงจ้วง ตอนนี้นางกำลังจะตายไป เขาถึงได้ต้องการจะทำบางอย่างเพื่อมาชดเชย
“ข้าไม่อยากจะใส่ใจท่านแล้ว ท่านอาเล็กมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ท่านกลับหาคนส่งเดช เพื่อจับคู่ให้กับนาง นางจะยินดีอย่างนั้นหรือ?” มู่หรงเจี๋ยหันหลังไป แล้วก็หันกลับมาอย่างกะทันหัน “ท่านมันเป็นหินในห้องส้วม ทั้งแข็งทั้งเหม็น!”
ท่านอ๋องกวางตงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ลุกกระโดดขึ้นมาเพื่อจะทุบตีมู่หรงเจี๋ย “ข้าจะไม่ตีเจ้า เจ้าเด็กบ้า เจ้าช่างไม่รู้จักเคารพลุงของเจ้าเอาเสียเลย”