ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 703
จื่ออันถอนหายใจออกมาเบา ๆ หมุนกายเดินเข้าไป ปล่อยให้ทั้งสองลุงหลานทะเลาะกันตามใจชอบ
ก่อนจะนั่งลงบนหัวเตียวของจ้วงจ้วง มองสีหน้าที่สงบนิ่งของนาง เป็นเพราะกินแมลงเจ็ดส่วนเข้าไปดูดซับพิษภายในกายของนาง นางดูเหมือนกับคนที่นอนหลับไปอย่างนั้น
สองวันมานี้สามารถป้อนน้ำข้าวให้นางได้บ้างเล็กน้อย แน่นอนว่าสารอาหารไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นหลายวันมานี้ ร่างกายของนางจึงผอมลงไปมาก
เมื่อกุมมือของนางแล้ว ก็ผอมบางราวกับไร้กระดูก ก่อนจะเปิดแขนเสื้อของนางขึ้น ก็มองเห็นรอยแผลมากมายบนข้อมือของนาง ไม่ลึก แต่ก็มีจำนวนมาก ทำให้คนรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
ไม่รู้ว่านางรอดพ้นจากค่ำคืนอันมืดมิดและยาวนานนั้นมาได้อย่างไร เมื่อพลิกเปิดดูใบสั่งยาที่หมอหลวงจัดให้นางก่อนหน้านั้นแล้ว โดยมากเป็นชาเพื่อสงบสติอารมณ์ นางจำต้องใช้ชาสงบอารมณ์เหล่านี้ถึงจะนอนหลับลงไปได้
มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ จื่ออันฟังออกว่าคือท่านอ๋องกวางตง
จื่ออันถอนหายใจออกมาเบา ๆ “จำได้ว่าจ้วงจ้วงเคยเอ่ยกับข้าเอาไว้ นางไม่ดื่มเหล้า ไม่กล้าดื่มเหล้า เพราะเมื่อดื่มเหล้าไปแล้วก็ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ นางต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดชีวิต”
น้ำเสียงอันหยาบกระด้างของอ๋องกวางตงดังมาจากด้านหลังของนาง “หวงไท่โฮ่วบอกว่าเจ้าเป็นหมอ ทักษะการแพทย์สูงส่ง ทำไมเจ้าถึงไม่มีทางช่วยนางเอาไว้?”
จื่ออันดึงแขนเสื้อของนางลงมา นางรู้ว่าท่านอ๋องกวางตงมองเห็นแล้ว
“ทุกคนล้วนแต่คิดที่จะช่วยเหลือนาง นางไม่อาจทำให้คนเกิดความเกลียดชังและอิจฉาได้ ความงดงามของนางเป็นเหมือนกับเทพธิดา ข้าคิดว่าคนธรรมดาในโลกนี้ล้วนแต่ไม่คู่ควรกับนาง”
ท่านอ๋องกวางตงไม่ได้โง่เขลา ฟังความหมายที่แอบแฝงอยู่ในนั้นออก จึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “คิดจะช่วยเจ้าเด็กมู่หรงเจี๋ยนั่นหรือ? ในเมื่อเจ้าหวงแหนจ้วงจ้วงถึงเพียงนี้ ก็คงจะรู้ว่า หากว่านางจากไปเช่นนี้ก็จะกลายเป็นวิญญาณที่ไร้คู่ครองโดดเดี่ยว”
“ข้าไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น นางเป็นข้อยกเว้น” จื่ออันเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังท่านอ๋องกวางตงที่เดินไปยังข้างกายของนาง “นางมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ให้นางแต่งไปกับใครก็ไม่รู้ สำหรับนางแล้วก็ถือเป็นการดูหมิ่น”
ท่านอ๋องไม่ส่งเสียงใดออกมา แต่ใบหน้าก็ยังคงเย็นชาดังเดิม
จื่ออันลุกขึ้นยืน “ท่านอ๋องอยู่กับองค์หญิงสักครู่เถิด”
ในใจของจื่ออันรู้สึกลังเลเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีเบาะแสของเขาละมั่งโลหิตแล้ว แต่นางไม่มีความเชื่อมั่นที่จะได้มันมา หากว่าจ้วงจ้วงตายไปแล้วจริง ๆ ตามธรรมเนียมของต้าโจวแล้ว จ้วงจ้วงจะต้องจัดพิธีแต่งงานหลังความตายขึ้น
นางรู้สึกมาโดยตลอด ในยุคสมัยนี้ และยุคสมัยของนาง เป็นช่วงเวลาคู่ขนานกัน ความเชื่อทางไสยศาสตร์แทบจะถูกยึดถือเป็นประเพณีปฏิบัติ
ก็เท่ากับโลกสังคมในยุคของนางก่อนหน้านั้น ที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการผสมผสานวัฒนธรรมจากภายนอกมาไม่น้อยแล้ว แต่สิ่งที่ฝังรากลึกมาหลายพันปีก็ยังคงซึมอยู่ในสายเลือด แยกออกจากกันไม่ได้
หวงไท่โฮ่ว ท่านอ๋องกวางตงกับไท่หวงไท่โฮ่วนั้นแตกต่างกัน ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อจ้วงจ้วงอย่างลึกซึ้ง ทว่าจะให้จ้วงจ้วงจะกลายเป็นวิญญาณที่ไร้คู่ครองแล้วนั้น พวกเขาไม่มีทางที่จะยินยอม เพราะว่าสำหรับพวกเขาแล้ว หากว่าเป็นการดีต่อจ้วงจ้วง เป็นการรักจ้วงจ้วงจริง จะต้องหาวิธีที่ดีที่สุดให้กับนาง
ปัญหาของค่านิยม ยากที่จะใช้วิธีการสื่อสารเพื่อเปลี่ยนแปลงได้
ในตอนที่จื่ออันเดินออกมานั้น ก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของอ๋องกวางตงดังออกมา ในใจของจื่ออันดูหนักอึ้ง ชายหนุ่มร้องไห้กับหญิงสาวร้องไห้นั้นแตกต่างกัน การร้องไห้ของหญิงสาวนั้นอาจจะไม่ทำให้คนตื้นตันได้ ทว่าเสียงร้องไห้ที่แข็งกร้าว กลับเป็นเหมือนกับค้อนที่กระแทกลงบนหัวใจ
อ๋องเหลียงไม่ได้ออกตามหาองค์รัชทายาทไปทุกแห่งหน แต่รอคอยรัชทายาทกลับมาอยู่ที่วังบูรพา เซียวท่าเองก็คอยอยู่ข้างกาย
เซียวท่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เป็นเพราะว่าอ๋องเหลียงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขารู้จักกับอ๋องเหลียงมานาน ไม่เคยพบกับใบหน้าที่ดูน่าสะพรึงกลัวของอ๋องเหลียงมาก่อน
เขาเป็นเหมือนกับระเบิดที่เดินได้ รู้สึกได้ว่าหากส่งเสียงเอ่ยออกมาดังเพียงน้อยนิด ก็จะทำให้เขาระเบิดขึ้นมาได้