ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 718
หลังจากที่ซ่งรุ่ยหยางจากไปแล้ว ฮองเฮาถึงได้ตอบคำของหวงไท่โฮ่ว “เขาเป็นลูกชายของหม่อมฉัน หากว่าไม่ใช่เพราะว่าทำความผิดร้ายแรงแล้ว หม่อมฉันเองก็คงจะทำใจไม่ได้ที่ต้องทุบตีเขา”
“เขาทำความผิดอะไรกัน?” หวงไท่โฮ่วไม่ได้สงสัยในความรักของฮองเฮาที่มีต่ออ๋องเหลียง ทว่ามีความผิดอะไรถึงได้ทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้?
ฮองเฮาตรัสออกมา “เมื่อวานนี้เขาพาเซียวท่าบุกเข้าไปในวังบูรพา ทำร้ายรัชทายาท อีกเพียงนิดก็เกือบจะทำให้องค์รัชทายาทไร้ผู้สืบสกุลแล้ว ตอนนี้รัชทายาทยังไม่อาจลงจากเตียงได้ ราชครูก็สั่งคนให้มาสอบถามแล้ว หมายความว่าต้องการจะสืบหาคนร้ายด้วยตนเอง”
หวงไท่โฮ่วตื่นตกใจขึ้นมา รีบตรัสถามออกมา “ทำไมเขาถึงได้ทุบตีรัชทายาทกัน?”
ฮองเฮาตกตะลึงไป เรื่องนี้ยังไม่เคยถามถึงมาก่อน “นี่…คงจะมีคนยุแยงมากระมั่งเพคะ? ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกเขาดีมากมาตลอด”
“ความสัมพันธ์ดี? คงจะมีเพียงแค่ฮองเฮาที่คิดเช่นนี้” หวงไท่โฮ่วเย้ยหยันออกมา “เจ้าแม้แต่เหตุผลที่เขาทุบตีคนอื่นก็ยังไม่ถามออกมาให้ชัดเจน ก็ลงโทษเขาหนักถึงเพียงนี้ เจ้านี่ช่างเป็นเสด็จแม่ที่ดีจริง ๆ”
“ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร นั่นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเขา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ควรจะใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้” ฮองเฮาตรัสออกมา
หวงไท่โฮ่วเมื่อเห็นว่าอ๋องเหลียงที่ลมหายใจกำลังจะขาดช่วงไป ในใจก็เจ็บปวดอย่างยิ่ง ไม่มีใจที่คิดจะโต้เถียงกับฮองเฮาอีก สั่งให้คนหามอ๋องเหลียงเข้าไปก่อน ทว่าอ๋องเหลียงกลับฟื้นขึ้นมาก่อน เอ่ยออกมาอย่างงุนงง “ท่านย่า ข้าอยากจะกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่นี่อีก”
คำว่าท่านย่า เรียกออกมาราวกับว่าในใจมีเข็มทิ่มแทง และเขายังบอกว่าไม่ยินยอมที่จะอยู่ยังวังจิ้งหนิงต่อ เห็นได้ชัดว่าในใจของเขานั้นรู้สึกผิดหวังน้อยเนื้อต่ำใจเพียงใด
“ตกลง กลับ ไปยังวังของย่า” หวงไท่โฮ่วปลอบโยนออกมา สั่งให้คนยกอ๋องเหลียงไปยังวังโซ่วอัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาใช้สายตาอันแหลมคมดั่งคมมีดมองไปยังฮองเฮา “ทุบตีก็ทุบตีไปแล้ว โทษก็รับไปแล้ว เจ้าเองก็ควรจะไปตรวจสอบสักเล็กน้อย ว่าทำไมเขาถึงได้ลงมือกับน้องชายตนเองอย่างโหดร้าย”
ฮองเฮาโต้แย้งกับตนเอง “รัชทายาทถึงแม้ว่าจะดื้อรั้น แต่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักขอบเขตเช่นนั้น คงจะเป็นเพราะว่าซินเอ่อร์ถูกคนยุแยงเข้า…”
หวงไท่โอ่วส่งเสียงตะโกนออกมา ขัดคำของนาง “พอแล้ว คนที่เอ่ยไม่ละอายใจ แต่คนฟังกลับละอาย เจ้าไม่ตรวจสอบ ข้าจะสั่งให้คนไปตรวจสอบเอง”
เมื่อตรัสออกมาจบแล้ว ก็โบกมือออกมา ก็ให้คนส่งอ๋องเหลียงออกไป
ฮองเฮาถอนหายใจยาวออกมา บอกไม่ถูกถึงความโศกเศร้าและหวาดกลัว มองไปยังรอยเลือดบนม้านั่งยาวลงโทษนั้น ในใจเกิดความเจ็บปวดขึ้นเป็นระลอก นางจะมีวิธีอะไรกัน? นางที่เป็นมารดา พยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องก็เท่านั้น
มันสงบเงียบไม่มีเรื่องขึ้นมาโดยตลอด จะต้องมีคนที่คอยยุแยง
เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ นางจึงเอ่ยสั่งออกมา “รีบไปตรวจสอบดูว่าระหว่างอ๋องเหลียงและรัชทายาทมีความคับข้องใจอะไรเกิดขึ้น”
ทหารองค์รักษ์ก้าวเข้ามาแล้วเอ่ย “ทูลฮองเฮา เรื่องที่เกิดขึ้นกระหม่อมเองก็พอรู้มาบ้าง ได้ยินทหารองค์รักษ์ของแม่ทัพเซียวบอกว่า องค์รัชทายาทสั่งให้คนไปจับตัวแม่นางอี๋เอ๋อร์คนที่อยู่ในใจของอ๋องเหลียงไป พาไปยังวัดของราชวงศ์ทางนอกเมือง ยังให้คนทำให้นางมีมลทินอีกด้วย พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนเซี่ยจื่ออันนำคนไปตามหาในวัด ช่วยชีวิตแม่นางอี๋เอ๋อรืเอาไว้ได้ แล้วแจ้งไปยังอ๋องเหลียง เมื่ออ๋องเหลียงรู้เรื่องนี้เข้า ก็เข้าวังไปหารัชทายาท เรื่องราวก็น่าจะเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“อี๋เอ๋อร์? หญิงสาวชาวบ้านคนนั้นน่ะหรือ?” ฮองเฮาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “เพื่อหญิงสาวคนหนึ่ง เขากลับทำกับน้องชายของตนเองอย่างโหดร้ายเช่นนี้? เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้กล่าวโทษเขาผิดไป ยังมีเซี่ยจื่ออัน นางคงจะกลัวว่าโลกนี้ยังไม่วุ่นวายพอ หญิงสาวเช่นนี้ จิตใจชั่วร้าย ในวันนั้นข้าไม่ควรตัดสินใจให้นางแต่งงานกับมู่หรงเจี๋ย ทำให้นางหยิ่งผยองยิ่งขึ้นจนทำร้ายทั้งตระกูลของมหาเสนาบดี ยังมีผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย ดีชั่วไม่แยกแยะ ถูกเป่าหูข้างหมอนจนลืมสถานะผู้สำเร็จราชการแทนของตนเองไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะกระทำการใหญ่ได้”
ฮองเฮากระทำการต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ระมัดระวังอย่างที่สุด แต่อย่างน้อยก็น้อยนักที่จะถูกคนจับข้อบกพร่องได้ คำพูดก็น้อยนักที่จะผิดพลาด ทว่าการดุด่าวันนี้ กลับเจตนาที่จะเอ่ยออกมา เห็นได้ชัดว่านางนั้นโมโหอย่างขีดสุดแล้ว
“ฮองเฮาเพค
ะ เรื่องในวัดนั้นเกรงว่าจะมีลับลมคมในอยู่ ได้ยินมาว่าพระสนมอี๋เองในวันนั้นก็อยู่ด้วย เช่นนั้น ไปเชิญพระสนมอี๋มาสอบถามให้ชัดเจนดีหรือไม่เพคะ?” หงเย่ว์เอ่ย
“สนมอี๋เองก็อยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นฮองเฮาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อเช้าของสองวันก่อนพระสนมอี๋มาเพื่อขอพระราชเสาวนีย์ เพื่อไปยังวัดของราชวงศ์ขอพรให้กับมู่หรงจ้วงจ้วง เดิมทีจะต้องไปเจ็ดวัน แต่จู่ ๆ ก็กลับมาเสีย ดูเหมือนว่านางจะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่พระสนมอี๋รู้แล้วกลับไม่มารายงาน เกรงว่าคงจะมีลับลมคมในอะไรจริง ๆ
เมื่อคิดจนถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยออกมา “เรียกตัวสนมอี๋!”