ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 727
นางสูดจมูกเข้า ก่อนจะเอื้อมมือออกไปยีผมของเขา ค่อย ๆ ดึงผมที่ยุ่งเหยิงออกมาทีละน้อย จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปกวาดยังคิ้วและดวงตาของเขา ราวกับว่าต้องการจะแน่ใจว่าเขาคือคนนั้นที่นางรู้จัก
“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านก็ไม่ควรไปหาองค์รัชทายาท ไปหารัชทายาทมาจนลำบากให้ตนเองต้องถูกทุบตีเข้าอีก โง่จริง ๆ” อี๋เอ๋อร์เอ่ยออกมา เพราะว่าที่แห่งนั้นมีคนอยู่มาก นางจึงดูค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ น้ำเสียงเองก็ค่อนข้างสั่นไหว
นางหยุดลงครู่หนึ่ง หันไปเอ่ยถามจื่ออัน “ข้าจะต้องเอ่ยอะไรบ้าง?”
จื่ออันเช็ดตรงหางตา “จะเอ่ยอะไรมาก็ได้ทั้งนั้น”
อี๋เอ๋อร์ส่งเสียงรับออกมา หันกลับไป จับมืออ๋องเหลียงเอาไว้ ทว่าก็กลัวจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายแล้วจึงปล่อยให้มือของเขากดทับลงบนหลังมือของนาง เอ่ยออกมาเสียงเบา “ตอนนี้ข้าไม่ได้ทำการค้าแล้ว ท่านแม่บอกว่าข้าทำเงินไม่ได้ และยังมักจะถูกคนหลอกลวงอีก ก็เลยไม่ทำเสีย ตอนนี้ข้าอยู่บ้านทุกวัน คอยดูแลสี่ตา ช่วงเช้าก็พามันออกไปเดินเล่นครั้งหนึ่ง เที่ยงก็พามันออกไปเดินเล่นอีกครั้ง ตอนค่ำก็ต้องพามันออกไปเดินเล่น ในตอนที่ข้าพาสี่ตาออกไปนั้น ข้าก็คิดถึงท่านขึ้นมา ข้ายังเคยลองไปตามหาท่าน แต่ก็ไม่รู้ว่าท่านพักอยู่ที่ใด เมืองหลวงใหญ่โตมาก ข้าสอบถามคนไปมากมาย ถามว่าพวกเขารู้จักท่านหรือไม่ พวกเขาต่างก็บอกว่าไม่รู้จักคนที่ชื่อหัวโต แต่ก็มีคนคนหนึ่งที่บอกว่ารู้จัก จะพาข้าไปหาท่าน แต่ต้องใช้เงินห้าตำลึง ข้ากลับไปขโมยเงินของท่านแม่ไปให้คนนั้น เขากลับไม่ยอมนำข้าไป เมื่อได้เงินแล้วก็วิ่งหนีไป สุดท้ายข้ายังถูกท่านแม่ตีอีกด้วย”
“ท่านแม่ของข้าเองก็ดุร้ายมาก เห็นอะไรเข้าก็หยิบขึ้นมาตี ครั้งนั้นข้าบอกกับนางว่าข้าขโมยเงินไปห้าตำลึง นางหยิบไม้กวาดขึ้นมาได้ก็ตีทันที ช่างโหดร้าย…แต่ว่า หลังจากนั้นนางก็จะใส่ยาให้ข้า และยังปลอบใจข้าอีกด้วย ท่านอย่าได้เสียใจไป ท่านแม่ของท่านเองก็จะปลอบใจด้วยเช่นกัน”
เมื่ออี๋เอ๋อร์เอ่ยออกไป ก็ไม่รู้ที่จะเอ่ยอะไรต่ออีก อันที่จริงแล้วนางไม่มีเรื่องอะไรให้เอ่ยถึงมากนัก ชีวิตของนางธรรมดาเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หันกลับไปมองยังจื่ออัน เอ่ยถามเสียงเบา “ข้าจะถามคำถามเขาได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าทำได้” จื่ออันเอ่ย
สีหน้าของอี๋เอ๋อร์แดงก่ำเล็กน้อย “แต่คำถามที่ข้าจะถามเขาข้าไม่อยากจะให้ทุกคนได้ยิน”
“เช่นนั้นจะให้พวกเราออกไปกันก่อน หรือไม่เจ้าก็เอนไปถามข้างหูของเขา” จื่ออันเอ่ยออกมา
อี๋เอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าให้พวกจื่ออันออกไปคงจะไม่ดี เพราะอย่างไรแล้วทุกคนก็ล้วนแต่เป็นกังวลกับเขา จะต้องต้องการคอยมองเขา
เพราะฉะนั้น นางย่อกายลงไปข้างหูของเขาเอ่ยถามออกมากี่ประโยค คนอื่นไม่ได้ยินมัน จื่ออันเองก็ไม่ได้ยิน ทว่าหลังจากที่ถามคำนี้ออกไปแล้ว เปลือกตาของอ๋องเหลียงก็กระตุกขึ้น นิ้วมือเองก็เคลื่อนไหวขึ้นหนึ่งครั้ง
ทุกคนต่างก็มองลมหายใจนี้อย่างไม่กล้าส่งเสียงใดออกมา
สีหน้าของอี๋เอ๋อร์ร้อนราวกลับเปลวเพลิงแผดเผา คนอื่นต่างก็พากันสงสัยว่านางเอ่ยถามอะไร
“เจ้าเอ่ยออกมาอีก เจ้าเอ่ยกับเขาอีก” จื่ออันเอ่ยกระตุ้น
อี๋เอ๋อร์ส่งเสียงตอบรับ แต่กลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไร เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมา “เช่นนั้นหากว่าท่านตอบตกลงแล้ว ก็ต้องไปบอกกับท่านแม่ของข้า ท่านจะต้องดีขึ้นมา”
ในที่สุดอ๋องเหลียงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาดำขลับจ้องมองไปยังอี๋เอ๋อร์ ส่งเสียงแหบแห้งออกมา “ตกลง!” จากนั้น ทุกคนก็เห็นว่าดวงตาของเขาเปียกชื้นขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
อี๋เอ๋อร์ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา “ท่านฟื้นแล้ว? ข้าตกใจแทบตาย”
จื่ออันรีบสั่งออกมา “เร็วเข้า รีบยกยาเข้ามา”
เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ยานี้ก็คงจะเทลงไปได้
เมื่ออ๋องเหลียงดื่มยาลงไป จากนั้นก็ฝืนเอื้อมมือออกมา ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอี๋เอ๋อร์ แล้วยิ้มออกมาจาง ๆ “เด็กโง่!”
“ท่านจะดีขึ้นหรือไม่?” อี๋เอ๋อร์กุมมือเขาเอาไว้ ใบหน้าเล็กรูปไข่ห่อย่นขึ้น ทั้งกังวลทั้งจริงจัง “แม่ทัพเซียวบอกว่า ครั้งนี้ท่านจะต้องอาศัยตนเอง ท่านจะต้องดีขึ้น”
อ๋องเหลียงเอ่ย “ตกลง”
เขาล้มกายลงอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนท่าได้ ทำได้เพียงนอนคว่ำอยู่เช่นนี้ต่อไป เขาพยายามที่จะหันหน้าไปทางอี๋เอ๋อร์ คอยมองยังนางอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา และก็ไม่ยอมให้นางได้ปล่อยมือ
“ที่เจ้าบอกกับข้า!” อ๋องเหลียงเอ่ยออกมาเสียงแหบแห้ง เปลือกตาราวกับว่าไม่อาจควบคุมได้
“บอกว่าอะไร? ท่านอยากจะฟังอะไร?” อี๋เอ๋อร์รีบร้อนเอ่ยถาม