ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 733

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 733

ซ่งรุ่ยหยางไม่เอ่ยอะไรออกมา ก็ดึงหลิวเย่ว์เดินจากไป สี่ตาเมื่อเห็นเข้า ก็พุ่งกระโดดกระโจนเข้าหาซุ่งรุ่ยหยางทันที

“สี่ตา!” อี๋เอ๋อร์ร้องตะโกนออกมา สี่ตาจึงหมอบลงอย่างเชื่อฟัง อี๋เอ๋อร๋รู้สึกว่าท่านแม่กับลุงคนนี้ดูประหลาดไป เพราะฉะนั้นจะต้องให้พวกเขาได้พูดกันให้ชัดเจน นางคิดว่าคนที่มีความคับแค้นใจ ทุกคนนั้นควรจะพูดเรื่องที่เข้าใจผิดกันออกมาก็จะไม่มีอะไรแล้ว

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องด้านข้างของเรือนปีก ซ่งรุ่ยหยางปิดประตูลงเสียงดังจนหนวกหู

อ๋องหลี่เมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้าไปแล้ว ก็ดึงมู่หรงเจี๋ยและจื่ออันไปอีกด้านหนึ่ง “หลิวเย่ว์บอกว่า ขอเพียงข้ายอมรับว่าเป็นพ่อของอี๋เอ๋อร์แล้ว คืนนี้นางก็จะมอบเขาละมั่งโลหิตให้ พวกเจ้าอย่าช่วยเหลือจนวุ่นวายเสีย จะต้องยืนกรานคำเดียวกันว่าอี๋เอ๋อร์เป็นบุตรสาวของข้า”

หลังจากที่อ่ยจบแล้ว เขาก็ฝืนยิ้มให้กับอี๋เอ๋อร์ที่มองมายังเขาตลอดเวลา เขาคิดว่ารอยยิ้มนี้ของเขาดูใจดีมาก ทว่าอี๋เอ๋อร์กลับหวาดกลัวเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมา ดูโหดเหี้ยมจนเกินไป

จื่ออันและมู่หรงเจี๋ยลอบมองหน้ากัน ในใจของจื่ออันรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นน่าขบขันเช่นนี้? ก่อนหน้านั้นเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่จริงจังและเคร่งเครียดอย่างยิ่ง

จื่ออันเอ่ย “ต่อให้ท่านจะไม่ยอมรับ นางก็จะต้องนำเขาละมั่งโลหิตมอบให้ ก่อนหน้านั้นที่นางไม่นำมันออกมา ก็เป็นเพราะกลัวว่าซ่งรุ่ยหยางจะรู้ว่านางอยู่ที่นี่ ตอนนี้เมื่อพบหน้ากันแล้ว นางก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอีก นางจะต้องช่วยจ้วงจ้วง ถึงนางจะดูแข็งแกร่ง แต่ในใจดูอ่อนโยน มิฉะนั้นแล้วก็คงจะไม่ยอมให้อี๋เอ๋อร์มาที่นี่ ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะว่าไปหานางแล้ว บอกว่าอ๋องเหลียงต้องการจะพบกับสี่ตา นางถึงขั้นที่นำมันมาด้วยตนเอง” อ๋องหลี่เบิกตากว้าง เอ่ยอย่างโมโห “คนพวกนี้ ทำไมถึงได้มักมีเล่ห์กลอยู่เสมอกัน? ข้ารังเกียจยิ่งนัก”

เมื่อเอ่ยจบแล้ว ก็วิ่งตามพระชายาออกไป

จื่ออันและมู่หรงเจี๋ยมองสบตากันอย่างรู้สึกหมดแรง

มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมา “เขาน่ะ หนึ่งก็คือหนึ่ง สองก็คือสอง ไม่ยอมโค้งงอแม้แต่น้อย วันนี้ยอมรับว่าอี๋เอ๋อร์เป็นบุตรสาวของเขา ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแล้ว เขาใส่ใจจ้วงจ้วง ใส่ใจเสียจนวุ่นวายไปหมด”

แน่นอนว่าจื่ออันย่อมเข้าใจดี ในใจก็ถือได้ว่าผ่อนคลายลง อย่างนั้นทางด้านของจ้วงจ้วงก็มีทางช่วยเหลือแล้ว ขอเพียงแค่จ้วงจ้วงยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีงานแต่งงานหลังความตายอะไรนั่น ถือได้ว่าคลี่คลายปัญหาสำคัญแล้ว

เพียงแต่ว่า เรื่องงานแต่งงานหลังความตายในครั้งนี้ กลับทำให้การต่อสู้แย่งชิงค่อย ๆ ปรากฏออกมา

ส่วนซ่งรุ่ยหยางและหลิวเย่ว์เข้าไปในห้องแล้ว เมื่อหลิวเย่ว์พบว่าเขาปิดประตูลงอย่างแรง ทั้งกรุ่นโกรธและตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ว่าจนเองเป็นคนที่ถูกต้องชอบธรรม จึงได้เอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านอย่าคิดนะว่าข้าจะกลัวท่าน ที่นี่คือต้าโจว ไม่ใช่ต้าเหลียงของท่าน ลูกน้องของท่านเหล่านั้น หากว่าจะต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าก็เป็นได้”

“มานี่!” สายตาของซ่งรุ่ยหยางจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของนาง ความโกรธเองก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

“้ข้าไม่กลัวท่าน” หลิวเย่ว์เดินเข้ามา จ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง

ซ่งรุ่ยหยางกุมมือของนางเอาไว้ ม้วนแขนเสื้อขึ้นไป เมื่อมองเห็นรอยแผลเป็นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง สุดท้ายแล้ว ทำเพียงเอ่ยถามออกมาเบา ๆ “เจ็บไหม?”

หลิวเย่ว์รู้สึกประหลาดใจ เดิมทีนั้นคิดว่าเขาจะลงมือ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถามนางเพียงว่าเจ็บหรือไม่ นางเก็บมือกลับมา โบกออกไป ไม่เจ็บ พวกเราเป็นคนท่องยุทธภพ ทุกวันล้วนแต่ผ่านชีวิตที่เต็มไปด้วยรอยดาบเลือดไหลซึม นี่ถือว่าเป็นอะไรกัน?”

ขณะที่นางเอ่ยออกมานั้น ก็คิดที่จะม้วนเสื้อขึ้น แต่เมื่อคิดว่าไม่เหมาะสม จึงวางลงอีกครั้ง “ทว่ากงซุนเยี่ยนของท่านนั้นช่างโหดร้ายจริง ๆ ดาบนี้ถึงแม้จะถือว่าเบา แต่ดาบนั้นที่ฟันลงตรงลำคอนั้น อีกเพียงนิดก็จะเอาชีวิตของข้าและอี๋เอ๋อร์แล้ว”

สายตาของซ่งรุ่ยหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นั่นเป็นเรื่องเมื่อใดกัน?”

“ตั้งแต่ที่ข้าออกจากต้าเหลียงมา ก็ไล่ฆ่าข้าโดยไม่หยุดหย่อน ภายหลังเมื่อข้าคลอดอี๋เอ๋อร์ออกมา ข้าหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองเย่ ถึงได้ถือว่าหยุดลงได้” หลิวเย่ว์เอ่ย

นางไม่ได้พบว่าตนเองนั้นได้เปิดเผยสถานะของอี๋เอ๋อร์ออกมาแล้ว

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท