ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 741
และแน่นอนว่า ไม่ถึงหนึ่งเค่อ เซียวท่าก็กลับมาแล้ว เอ่ยออกมา “สารภาพแล้ว เพียงแค่นิ้วเดียวก็สารภาพแล้ว เขาบอกว่า คนที่ให้เขาไปขโมยเขาละมั่งโลหิตนั้นคือจางเฉวียนหลง ญาติผู้พี่ของตน เข้าวังนานแล้ว ตอนนี้รับใช้อยู่ในวังบูรพา”
มู่หรงเจี๋ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นคนของนาง “อืม นำตัวกลับศาลาว่าการ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หน่วยหน้าหน่วยรับคำสั่งแล้วออกไป
จื่ออันเองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน “ที่แท้ก็เป็นคนของรัชทายาท?”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย “เขาถูกคนหลอกใช้เข้า หลิวเย่ว์เข้าพักโรงเตี้ยมมาสองวันแล้ว ทว่าจางฉีเพิ่งจะมาในวันนี้ พิสูจน์ได้ว่าคนผู้นี้เพิ่งจะรู้ว่าเขาละมั่งโลหิตนี้มีประโยชน์อะไร”
“รัชทายาทไม่มีเหตุผลอะไรให้ทำเช่นนี้ ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทำไมเขาถึงยังต้องทำร้ายจ้วงจ้วงอีก? นี่มันไม่ส่งผลดีต่อเขาเลย”
มู่หรงเจี๋ยส่ายศีระษะออกมา “เกรงว่าเขาไม่ได้ต้องการทำร้ายจ้วงจ้วง แต่ต้องการทำร้ายอาซิน หากว่าข้าทายไม่ผิดแล้ว คนที่ให้เขาลงมือนั้น จะต้องบอกเขาว่า มีเพียงเขาละมั่งโลหิตเท่านั้นที่จะช่วยอาซินได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงเอามันไป อีกทั้ง เขาเอาเขาละมั่งโลหิตไป จะต้องทำลายมัน เขาไม่มีทางปล่อยให้อาซินยังมีโอกาสมีชีวิตรอดอยู่ได้อีก”
จื่ออันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ว่า ที่เขาเอ่ยออกมานั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ในใจก็รู้สึกเย็นชาขึ้นมา
กุ้ยไท่เฟยคอยให้คนจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา นางคงรู้มานานแล้วว่าเขาละมั่งโลหิตสามารถช่วยเหลือจ้วงจ้วงได้ ทว่าไม่ได้ลงมือแย่งชิง เพราะนางรู้ถึงความเก่งกาจของหลิวเย่ว์ หากว่าไม่สำเร็จแล้ว ก็อาจจะถูกเปิดเผยตัวเข้า นางในตอนนี้ไม่อาจเปิดเผยตนเอง เพราะอย่างไรแล้ว อ๋องหนานหวายยังไม่กลับมา หากว่านางเปิดเผยตนเองเร็วจนเกินไป ก็จะเป็นผลเสียกับแผนการของนางได้
เพราะฉะนั้น นางจะต้องให้คนไปบอกแก่รัชทายาทว่า เขาละมั่งโลหิตสามารถช่วยเหลืออ๋องเหลียงได้ รัชทายาทโกรธเกลียดอ๋องเหลียงเป็ยอย่างมาก แล้วจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? เพราะฉะนั้น เขาจึงส่งคนมาลงมือทันที
หากว่าเขามีแผนการมานานแล้ว ก็คงจะส่งคนไปอยู่ข้างกายของหลิวเย่ว์นานแล้ว ทว่าไม่ได้ทำ จางฉีเพิ่งจะไปวันนี้
แต่อีกคนหนึ่งที่คืนห้องพักไป แล้วมีหนังสือรับรองนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนของกุ้ยไท่เฟย เพราะว่าในตอนที่หลิวเย่ว์เข้าพักนั้น ก็ตามติดหลิวเย่ว์เข้าไป หลังจากที่เขารู้ว่าหลิวเย่ว์ออกไปแล้ว ก็รีบแจ้งแก่กุ้ยไท่เฟย กุ้ยไท่เฟยก็รีบลงมือ หากว่ารัชทายาททำไม่สำเร็จแล้ว เขาก็สามารถขโมยเขาละมั่งโลหิตไปได้ เพราะหนังสือรับรองของเขานั้นเป็นของจริง จะไล่ตามตรวจสอบก็คงจะไม่ยาก เพราะฉะนั้นหากไม่เกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่ลงมือ
นางนำความคิดนี้ออกมาบอกแก่มู่หรงเจี๋ย มู่หรงเจี๋ยเอ่ยขึ่น “ที่เจ้าว่ามา ข้าเองก็คิดเช่นกัน เจ้ากลับไปจวนอ๋องเหลียงก่อน ข้ามีเรื่องจะหารือกับขุนนาง”
“ท่านคิดจะทำอะไร?” ในใจของจื่ออันตึงเครียด
มู่หรงเจี๋ยเหลือบมองนาง “ทำเรื่องที่ข้าต้องการจะทำนานแล้ว”
จื่ออันดึงเขาไปอีกด้านหนึ่ง “ข้ารู้ว่าท่านคิดจะทำอะไร ทว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก เกรงว่าท่านคงไม่อาจจะตัดสินใจได้”
มู่หรงเจี๋ยส่ายศีรษะ “ก่อนหน้านั้นข้าเคยเอ่ยมาแล้วว่า องค์จักรพรรดิเคยมอบอำนาจในการถอดถอนรัชทายาทให้แก่ข้า ไม่ใช่เรื่องที่เอ่ยออกมาเพียงปากเปล่า องค์จักรพรรดิออกเป็นพระราชโองการมาแล้วจริง”
“มีพระราชโองการอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มี เป็นคำสั่งที่ตรัสออกมา”
“เช่นนั้นเหล่าขุนนางก็อาจจะไม่ได้เชื่อ นอกเสียจากว่าหวงไท่โฮ่วจะทรงตรัสออกมาพร้อมกับท่าน”
มู่หรงเจี๋ยยิ้มออกมาจาง “เจ้าคิดว่าข้าจะจัดการกับรัชทายาทในเวลานี้อย่างนั้นหรือ?”
“หมายความว่าอย่างไรกัน?” จื่ออันมองยังเขาอย่างไม่เข้าใจ
มู่หรงเจี๋ยเอ่ย “รัชทายาทไร้ประโยชน์ ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาปลดเขา ข้าเพียงแต่อยากจะเตือนฮองเฮาและรัชทายาท พวกเขาควรจะสงบเสงี่ยมลงบ้าง”
จื่ออันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจขึ้นมา รัชทายาทและฮองเฮาสงบเสงี่ยมลง เขาก็สามารถใจจดใจจ่อตั้งรับกับอันตรายที่จะตามเข้ามาได้ วิกฤตอันตรายในครั้งนี้ก็คือ อ๋องหนานหวาย และเสด็จแม่ของเขา