ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 749
ฮองเฮาตรัสออกมา “ท่านอ๋องเป่าอันเอ่ยออกมามีเหตุผล ข้าจะจัดการเรื่องนี้อีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะลำเอียงไปจริง ๆ ทว่าข้าไม่ได้มีใจที่คิดจะลำเอียง หากว่าเข้าใจเหตุและผลแล้ว ถึงได้รู้ว่าหวังอี๋เอ๋อร์จงใจยั่วยุรัชทายาทก่อน รัชทายาทถึงได้โมโหจนจับตัวนางไป และไม่ได้มีใจจะทำร้าย เพียงแต่ต้องการจะเตือนนางสักเล็กน้อย มิฉะนั้นแล้ว คงจะไม่จับตัวนางไปยังวัดของราชวงศ์ วัดของราชวงศ์นั้นมีพระผู้ทรงศีลอยู่มากมาย รัชทายาทเพียงแต่เห็นว่าหวังอี๋เอ๋อร์หยิ่งผยอง นำนางไปยังวัดของราชวงศ์เพื่อฟังคำสอน ให้นางสงบเสงี่ยมสำรวมลง ถึงแม้จะมีความผิด แต่ไม่ได้ผิดร้ายแรง อีกทั้งหลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว อ๋องเหลียงยังคงทุบตีเขาไปยกใหญ่ เพราะฉะนั้นข้าจึงคิดว่า ลงโทษกักบริเวณสามเดือน ก็ไม่ได้เป็นการลำเอียงอันใด”
นางยอมรับก่อนว่าตนเองลำเอียง จากนั้นก็บอกว่าไม่ได้ลำเอียง ถึงแม้จะพลิกกลับไปมา แต่กลับทำให้คนมองเห็นความอ่อนน้อมในภาพลวงตาของฮองเฮา ได้รับความเห็นชอบจากขุนนางไม่น้อย อันที่จริงแล้ว หากเพียงแค่หญิงสาวร้ายกาจที่พูดจายั่วยุต่อหน้าของรัชทายาทแล้ว รัชทายาทจะลงโทษก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ อีกทั้ง หากเป็นตามคำพูดของฮองเฮาแล้ว หญิงสาวคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ยิ่งไม่มีอะไรเสียหาย เพียงแต่นำไปสงบจิตสงบใจฟังคำสอนของพระพุทธศาสนาเท่านั้น การกักบริเวณสามเดือน หากบอกว่าผิดแล้วก็ออกจะเกินไป
ดังนั้นอ๋องเป่าอันจึงเอ่ยออกมา “หากว่าเป็นดังคำของฮองเฮาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เพียงพอให้กำหนดโทษได้”
มู่หรงเจี๋ยยิ้มเย็นออกมา “ใช่แล้ว หากเป็นดังคำของฮองเฮา คงจะไม่เพียงพอให้กำหนดโทษ แต่ความจริงเป็นเช่นนี้จริงหรือ? หวังอี๋เอ๋อร์เป็นธิดาของรัชทายาทต้าเหลียง เป็นองค์หญิงต้าเหลียง นางไปยังจวนองค์หญิง เพื่อมาแจ้งเบาะแสของเขาละมั่งโลหิต แล้วจะไปยั่วยุรัชทายาทได้อย่างไร? ข้าถามคนของจวนองค์หญิงมาแล้ว สิ่งที่เรียกว่ายั่วยุนี้ไม่มีอยู่จริง เป็นเพราะว่ารัชทายาทกับอ๋องเหลียงนั้นมีความคับข้องใจกันเป็นการส่วนตัว เมื่อรู้ว่าอ๋องเหลียงพึงใจในองค์หญิง ก็เลยเกิดคิดแก้แค้น สั่งให้คนจับตัวนางไปวัดของราชวงศ์ ขังไว้ในห้องเก็บฟืน อีกทั้งยังสั่งให้คนล่วงละเมิดองค์หญิง ตรงจุดนี้ พระชายาของข้า เซี่ยจื่ออัน รวมทั้งพระในวัดต่างก็เป็นพยานได้”
คำพูดนี้ของมู่หรงเจี๋ย ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นพากันตื่นตกใจ แม้แต่หวงไท่โฮ่วเองก็ทรงโกรธเกรี้ยว นางรู้จักนิสัยของมู่หรงเจี๋ยดี ไม่มีทางใส่ร้ายรัชทายาท เขาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ จะต้องเป็นเรื่องจริง อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เซี่ยจื่ออันเท่านั้นที่เป็นพยาน ยังมีพระสงฆ์ในวัดของราชวงศ์ที่เป็นพยานอีกด้วย
ฮองเฮายิ้มอกมาช้า ๆ “ข้ารู้มาโดยตลอดว่าท่านอ๋องไม่ชื่นชอบองค์รัชทายาท ในอดีตยังเคยใช้อำนาจคุกคามข้าว่าต้องการจะปลดรัชทายาท ในเมื่อองค์จักรพรรดิมอบอำนาจให้ท่านแล้ว หากท่านอยากปลดรัชทายาทจริงก็ลงมือเถิด ทำไมจะต้องพูดจาโกหกใหญ่โตเช่นนี้? และยังบอกว่าหวังอี๋เอ๋อร์เป็นองค์หญิงต้าเหลียง ช่างเหลวไหลสิ้นดี ส่วนเรื่องที่ให้พระเป็นพยานนั้น ท่านอ๋องมีการเตรียมการมาแล้ว เกรงว่าแม้แต่พระสงฆ์เองก็คงต้องยอมจำนนให้กับการข่มขู่ของท่านอ๋อง ช่วยท่านอ๋องเติมเต็มคำเท็จก็เท่านั้น”
“จะเป็นคำโกหกใหญ่โตหรือเรื่องจริงนั้น ภายหลังจะได้รู้” เขาออกคำสั่ง “มาสิ เชิญรัชทายาทออกมา”
ฮองเฮาตรัสห้ามเอาไว้ “ท่านอ๋อง รัชทายาทยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ เกรงว่าคงไม่อาจจะออกมาได้ รัชทายาทถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่น แต่ก็คงทนรับคำใส่ร้ายจากเสด็จลุงของเขาไม่ได้ หากว่าเพราะเหตุนี้ไปกระตุ้นให้อาการบาดเจ็บเขาเพิ่มมากขึ้น ท่านอ๋องจะทนได้อย่างนั้นหรือ? ท่านอ๋องเองก็เองเป็นเสด็งลุงของเขา ทำไมถึงได้เร่งรีบเช่นนี้กัน?”
มู่หรงเอ่ยออกมา “ในเมื่อมีความผิด เขาก็ต้องออกมา นี่ก็เป็นการให้โอกาสเขาได้อธิบายเช่นกัน หากว่าฮองเฮาละทิ้งโอกาสนี้แทนเขาแล้ว ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้”
ฮองเฮากัดฟันตรัสออกมา “ท่านอ๋องพ่นคำบีบบังคับคน คงจะกำหนดแล้วว่ารัชทายาทมีความผิดสินะ? หากว่าไม่กำหนดโทษไปสักวัน เขาก็ยังคงบริสุทธิ์อยู่ ท่านอ๋องกลับมาดุด่าเขาต่อหน้าของเชื้อพระวงศ์และขุนนางมากมาย ข้าสงสัยเสียแล้ว ท่านอ๋องซักถามเช่นนี้ ก็คงจะไม่มีความยุติธรรมอยู่”
ใบหน้าของมู่หรงเจี๋ยเคร่งขรึมลง “ฮองเฮา นี่เป็นการการหารือราชกิจ เดิมทีวังหลังก็ไม่ควรจะก้าวก่าย หากว่าฮองเฮามีข้อโต้แย้งแล้ว หลังจากนี้ค่อยเสนอข้ามา”
ขณะที่เอ่ย เขาก็ออกคำสั่ง “บอกคำสั่งข้าไป ให้เชิญรัชทายาทมา หากรัชทายาทไม่อาจเดินได้ ก็ให้ยกมา”
ทหารองค์รักษ์รับคำสั่งจากไป
ฮองเฮาใบหน้าซีดขาว “ท่านอ๋องจะยโสเกินไปแล้ว หวงไท่โฮ่วเองก็ทรงประทับอยู่ หรือแม้แต่หวงไท่โฮ่วเองก็จะไม่อาจก้าวก่ายได้?”
มู่หรงเจี๋ยหันหน้าไปมองยังหวงไท่โฮ่ว “เสด็จมาเพื่อทรงฟังอยู่ข้าง ๆ?”
หวงไท่โฮ่วเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของพระสนมอี๋ออกมาแล้ว ในใจก็ผ่อนคลายไปมาก นางรู้สึกว่าตนเองเมื่อครู่นี้วู่วามจนเกินไปแล้ว ถึงกลับสงสัยเขา เมื่อได้ยินเขาถามออกมาเช่นนี้ หวงไท่โฮ่วจึงตรัสออกมา “หากว่าเป็นเรื่องสำคัญในราชสำนัก ข้าย่อมเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ และไม่ควรปรากฏกายออกมา เพียงแต่เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับรัชทายาทแล้ว ข้าที่เป็นเสด็จย่าของเขาก็เลยมาฟังด้วย ทว่าข้าเองก็จะไม่เสนอแนะสิ่งใดออกไป”