ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 752
หนี่หรงเอ่ย “ท่านอ๋องทุกท่าน ใต้เท้าทุกท่าน หนังสือผ่านด่านแผ่นนี้ ค้นหาออกมาจากกายของจางฉี และเขายังใช้หนังสือผ่านด่านแผ่นนี้ลงทะเบียนเข้าพักโรงเตี้ยม จากที่เถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อร์จำได้นั้น เขาและคนเข้าพักนั้นคือคนเดียวกัน”
มู่หรงเจี๋ยส่งเสียงเย็นออกมา “จางเสวียนหลง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยสั่งให้จางฉีไปขโมยเขาละมั่งโลหิตมาก่อน เช่นนั้น เจ้ามอบบัตรผ่านด่านและเงินหนึ่งร้อยตำลึงเพื่ออะไรกัน?”
จางเฉวียนหลงกลอกตาไปมาหลายครั้ง ปิดบังความตื่นตระหนกในใจ “นี่ นี่ บ่าวเคยมอบหนังสือผ่านด่านให้เขาจริง ๆ ทว่า เป็นเขาที่ร้องขอให้บ่าวทำ บอกว่าเขาทำความผิดในเมืองหลวง เกรงว่าครอบครัวของศัตรูจะมาหาเรื่องถึงที่ ไม่กล้าจะพักอยู่ที่บ้าน เพราะฉะนั้นจึงให้บ่าวช่วยทำหนังสือผ่านด่านแผ่นหนึ่ง ให้เขาหาโรงเตี้ยมเข้าพัก ส่วนเงินหนึ่งร้อยตำลึงนั้น เป็นบ่าวมอบให้เขาใช้ในยามฉุกเฉิน”
มู่หรงเจี๋ยเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “สารเลว คำพูดก่อนหน้าไม่สมเหตุกับตอนท้าย เจ้าเพิ่งจะบอกว่าตั้งแต่ที่เข้าวังมา ก็ไม่ได้พบเขามานานแล้ว เขาจะไปร้องขอเจ้าได้อย่างไร? ยังมีเงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ของเจ้า ได้มาอย่างไรกัน?
“ตั๋วเงินที่ออกโดยทางคลังรัฐ แล้ววังได้มอบให้เป็นเงินเดือนของเจ้า สามปีรวมกันแล้วยังไม่ถึงหนึ่งร้อยตำลึง ต่อให้ถึง เจ้าจะสามารถนำไปฝากคลังรัฐได้อย่างนั้นหรือ? แล้วยังจะมือเติบมอบให้ญาติผู้น้องที่ไม่ได้พบกันมานานอีก?”
คำพูดที่ดูเข้มงวดของมู่หรงเจี๋ย ทำให้จางเฉวียนหลงตื่นตกใจเข้า คำโกหกที่เขาเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเมื่ออยู่ต่อหน้าของมู่หรงเจี๋ย ก็ดูเหมือนจะอ่อนแรงลง เขามองไปยังองค์รัชทายาท ก่อนจะมองไปยังราชครู ไร้ซึ่งสติไปชั่วคราว
“ว่ามา!” มู่หรงเจี๋ยจะปล่อยให้เขายืดยื้ออีกต่อไปอย่างนั้นหรือ? ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงกรุ่นโกรธออกมาในทันที
ทั่วทั้งกายจางเฉวียนหลงสั่นสะท้าน แล้วเอ่ยว่า “บ่าว เป็นบ่าวที่ให้เขาไปขโมยมาเองพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงเจี๋ยยังคงไล่บี้บีบบังคับถามต่อไป “จุดประสงค์ที่รัชทายาทให้เจ้าไปขโมยเขาละมั่งโลหิตคืออะไร?”
“บ่าวไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ บ่าวเพียงแต่ไปทำตามรับสั่งเท่านั้น”
ราชครูเกลียดเสียจนแทบจะตบเขา เขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็ไม่เท่ากับว่ายอมรับแล้วว่ารัชทายาทให้เขาไปขโมยมาหรอกหรือ? อยู่ในวังมานานหลายปี แม้แต่น้ำเสียงกับดักของมู่หรงเจี๋ยก็ยังฟังไม่ออก
ทุกคนต่างก็พากันตื่นตะลึงไป เป็นรัชทายาทที่ขโมยเขาละมั่งโลหิตไปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขาละมั่งโลหิตสามารถช่วยเหลือองค์หญิงได้
มาตอนนี้รัชทายาทก็ยังคงไม่รู้ เขายังคงเอ่ยออกมาอย่างดื้นรั้น “ไม่ผิด เป็นข้าที่ให้เขาไปขโมยมา ทว่าต่อให้ข้าจะกระทำความผิด แต่จะเอ่ยว่าข้าอกกตัญญูต่อองค์หญิงใหญ่ได้อย่างไรกัน?”
มู่หรงเจี๋ยเก็บความกรุ่นโกรธที่มีบนใบหน้าไป แล้วเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรมากยิ่งขึ้น “ดี รัชทายาท เจ้าบอกข้า จุดประสงค์ที่เจ้าขโมยเขาละมั่งโลหิตไปคืออะไร?”
แน่นอนว่ารัชทายาทย่อมรู้ว่าคงจะไม่อาจจะใช้ข้ออ้างเล่นสนุกนั้นมาหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เป็นเพราะว่าข้ารู้มาว่าจวนอ๋องเหลียงกำลังตามหาเขาละมั่งโลหิตกันอยู่ เขาเป็นเพราะว่าเรื่องของหญิงชาวบ้านถึงได้ทุบตีข้าเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังแทงดาบมาบนกายข้าถึงสามสิบแปดดาบ ความแค้นนี้ข้าลืนมันลงไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงได้วางแผนขโมยเขาละมั่งโลหิตเพื่อทำให้เขาตื่นตกใจ”
“ไม่ เพราะว่าเจ้าได้ยินมาว่าอ๋องเหลียงต้องการเขาละมั่งโลหิต ถึงจะช่วยเหลือให้รอดชีวิตไปได้ เจ้าไม่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เพราะฉะนั้นเจ้าจึงได้ขโมยเขาละมั่งโลหิตไป ใช่หรือไม่? เจ้าตัดทางถอยหนีของอ๋องเหลียง ตัดโอกาสเหลือรอดชีวิตเพียงทางเดียวของเขา ใช่หรือไม่?”
รัชทายาทเอ่ยอธิบายออกมา “ไม่ ไม่ใช่เช่นนี้ ข้าเพียงแต่จะแอบซ่อนเอาไว้ก่อน ไม่ได้คิดที่จะให้เขาตายไป”
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเขาละมั่งโลหิตเล่า? ในเมื่อซ่อนเอาไว้เพียงเพื่อข่มขู่เขา เช่นนั้นแล้วท้ายที่สุดเจ้าก็ต้องมอบมันออกมาสินะ?” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยถาม
รัชทายาทเคร่งขรึมไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยออกมา “พวกบ่าวสารเลวพวกนั้นกระทำการไม่เรียบร้อย เขาละมั่งโลหิตนั้นไม่ทันระวังก็ตกหน้าผาไปเสียแล้ว”
มู่หรงเจี๋ยยืดกายขึ้น เก็บรอยยิ้มที่มี ท่าทีดูเฉยเมย จับจ้องไปยังเขาด้วยสายที่เฉียบคม
ฮองเฮาได้ยินคำนี้เข้า สีเลือดบนใบหน้าค่อย ๆ หายไป สุดท้ายแล้วก็ซีดขาวจนราวกับกระดาษ
ในใจนางมีความเจ็บปวดที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ นางรู้ว่าที่มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมานั้นบางทีอาจจะเป็นความจริง เขาต้องการจะฆ่าอาซินจริง ๆ
เชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางต่างก็ได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ล่วงรู้ได้ รัชทายาทต้องการฆ่าอ๋องเหลียง ทว่า อ๋องเหลียงทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้? ได้ยินมาว่าอ๋องเหลียงถูกฮองเฮาลงโทษเข้า แต่ก็เพียงแต่โบยด้วยไม้เท่านั้น แล้วทำไมถึงได้อันตรายจนถึงชีวิตกันเล่า?