ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ – บทที่ 768

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 768

มู่หรงเจี๋ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเลือกพระสนมอี๋ก่อน”

ไม่มีใครอื่นแล้วนอกจากสนมอี๋ พระสนมอี๋ร้ายกาจเจ้าเล่ห์ แต่กลับซ่อนกายอยู่ในที่ลับมาตลอด ถึงเวลาแล้วที่จะให้นางออกมาแสดงกายภายใต้แสงสว่าง ได้รับการเฝ้ามองและการกราบไหว้จากทุกคน

คนคนหนึ่งหากว่ามีตำแหน่งสำคัญแล้ว ก็จะต้องมีคนคอยจับจ้องอยู่ พระสนมอี๋ไปมาหาสู่กับใคร แต่ละวันนั้นทำอะไรบ้าง กินอะไรเข้าไป เข้าห้องน้ำกี่ครั้ง ล้วนแต่จะต้องมีคนคอยสังเกตการณ์อยู่

อีกทั้งพระสนมอี๋และพระสนมเหมยทั้งสองคนนั้น ถึงแม้จะกล่าวได้ว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ทว่าในใจของพระสนมอี๋นั้นไม่ได้ชื่นชอบพระสนมเหมย ในใจของพระสนมเหมยเองก็มีระแวดระวังพระสนมอี๋อยู่เล็กน้อย อีกทั้งตระกูลของพระสนมอี๋นั้นค่อนข้างจะโดดเด่น พระสนมเหมยเองก็มีแผนการของนางอยู่ในใจ จึงไม่มีทางที่จะสานสัมพันธ์กันอย่างจริงใจ

จื่ออันเมื่อเห็นว่ามู่หรงเจี๋ยยังคงยิ้มอยู่ อีกทั้งยังยิ้มได้อย่างน่ากลัวอย่างยิ่ง จึงได้เอ่ยถาม “ท่านยังมีแผนการอื่นใดอยู่อีกหรือ?”

“เจ้าไม่รู้สึกว่าจะต้องเพิ่มอีกหนึ่งคนเข้าไปถึงจะสนุกหรอกหรือ?” มู่หรงเจี๋ยเอ่ยออกมาอย่างชั่วร้าย

จื่ออันเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ข้าหรือ?”

“เจ้าที่เป็นพระชายาผู้สำเร็จราชการแทน คอยช่วยแบ่งเบาภาระเสด็จแม่ ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปหรอกหรือ? แน่นอนว่า เจ้าทำได้เพียงแต่ยืนอยู่ข้างเดียวกับเสด็จแม่ ตำแหน่งกลางเท่านั้น”

จื่ออันถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ข้าเป็นเพียงชายาอื่น จะไปก้าวก่ายเรื่องในวังหลังได้อย่างไร?”

“เพราะฉะนั้น จึงให้เจ้าคอยช่วยเสด็จแม่จัดการบัญชีเท่านั้น บัญชีของวังหลังนั้นวุ่นวายยิ่งนัก กิจการภายในรายงานมาว่า หลายปีมานี้วังหลังมีค่าใช้จ่ายสูงถึงแปดแสนตำลึง เฉพาะเพียงแค่ค่าใช้จ่ายในวังเท่านั้น”

จื่ออันตื่นตกใจขึ้นมา “แปดแสนตำลึง? เป็นไปไม่ได้กระมัง?”

นางแต่งเข้าจวนท่านอ๋องมา เคยดูสมุดบัญชีของจวนอ๋องมาแล้ว ค่าใช้จ่ายของจวนอ๋องนั้นทุกปีจะอยู่ที่สามพันตำลึงโดยประมาณ แน่นอนว่าภายในวังหลวงและจวนอ๋องนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ อันดับแรกเลยคือ จำนวนของคนที่ไม่อาจเปรียบเทียบได้ คนทั่วจวนอ๋องนั้นรวมกันแล้วมีห้าสิบคน ค่าใช้จ่ายสามพันตำลึงหนึ่งปีในจวนอ๋องนั้น ถือว่าเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย ในวังใช้เงินไปแปดแสนตำลึงได้อย่างไรกัน?

อีกทั้งนางจำได้ว่าในประวัติศาสตร์นั้น จักรพรรดิของราชวงศ์หมิงใช้เงินฟุ่มเฟือยไปมากที่สุดปีหนึ่งถึงเก้าแสนตำลึง จนกระทั่งมาถึงราชวงศ์ชิง คังซีถึงได้ควบคุมค่าใช้จ่ายไว้ได้ ปีหนึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งแสนตำลึง

“ใช่แล้ว องค์จักรพรรดิเคยเสนอออกมาในตอนที่ยังทรงแข็งแรงอยู่ว่า ค่าใช้จ่ายในวังหลวงมากจนเกินไป ทรงตั้งใจที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ค่าใช้จ่ายของปีนี้ยังไม่รวบรวมออกมา ทว่าสิ้นปีนี้จะต้องถูกตรวจนับอีกครั้ง ข้าอยากจะให้เจ้าจัดการดูแลบัญชีเหล่านี้ คอยควบคุมค่าใช้จ่าย เงินที่เพิ่มมานั้น สำหรับเสบียงและเงินเดือน เสื้อผ้าและอาหารพิเศษสำหรับทหารตอนสิ้นปี เพิ่มเงินเดือนทหารขึ้นอีกหนึ่งเดือน”

จื่ออันพยักหน้าออกมา ทว่ากลับรู้สึกหนักใจเล็กน้อย

นางรู้ว่า หากราชสำนักให้ความสำคัญกับทหาร ก็หมายความว่าอาจจะเกิดการสู้รบขึ้น การประหยัดในตอนนี้ ก็เพื่อที่จะเตรียมความพร้อม จะเป็นเป่ยโม่ทางตอนเหนือ หรือว่าจะเป็นคนเถื่อนทางตอนใต้กัน?

“ได้ ข้ารู้แล้ว”

การตามหาเขาละมั่งโลหิตยังคงไม่พบเบาะแสใด ทางด้านของจ้วงจ้วงเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวันเท่านั้น ทุกคนต่างก็ร้อนรนราวกับว่ามดที่อยู่บนหม้อไฟ แต่ก็กลับไม่อาจจะทำอะไรได้

และก็เป็นในเวลานี้ ใต้เท้ามากมายในราชสำนักต่างก็เริ่มที่จะเสนอแนะราชบุตรเขยขึ้น

ซุนชั่นเองวันนี้ก็เข้าวังมาเพื่อร้องขอกับหวงไท่โฮ่ว คุกเข่าลงบอกว่าชื่นชอบองค์หญิงมานานแล้ว ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าองค์หญิงจะตายไปหรือไม่ คิดเพียงแต่ก่อนที่นางจะตายไปนั้นได้แต่งนางให้เป็นภรรยาของตน

หวงไท่โฮ่วทรงดุเขา ทว่าเขากลับไม่ยอมจากไป

หากว่าไม่มีใครมาสู่ขอแล้ว บางทีหวงไท่โฮ่วอาจจะพิจารณาให้องค์หญิงได้อภิเษกกับเขา ทว่าวันนี้มีขุนนางมากมายได้เข้ามาเสนอแนะผู้มีความสามารถ แล้ว หวงไท่โฮ่วจะนำหลานชายไร้ค่าจากตระกูลเดิมคนนี้ไว้ในสายตาได้อย่างไร?

เพราะเหตุนั้น ในตอนที่กุ้ยไท่เฟยเข้าวังไปนั้น หวงไท่โฮ่วจึงได้นำเรื่องซุนชั่นที่เข้าวังเพื่อสู่ขอแต่งงานนั้นเอ่ยออกมาด้วยความโมโห อีกทั้งยังตรัสออกมาด้วยความกรุ่นโกรธว่า ผู้ชายคนนี้คิดแต่เพียงเรื่องทรัพย์สมบัติของจ้วงจ้วง จะต้องดูไร้ค่าไปตลอดชีวิต เหมือนกันกับบิดาของเขา หากว่าไม่มีพวกเราสองคนพี่น้อง ตระกูลซุนนี้จะต้องล่มสลายไปแน่”

กุ้ยไท่เฟยยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยปลอบโยน “ท่านพี่โมโหอะไรกัน? ไม่สนใจกับเขาก็เป็นพอแล้ว หรือว่าจะให้องค์หญิงแต่งงานกับเขาจริงหรือเพคะ?”

“หากว่าเขานั้นโดดเด่น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ได้อภิเษกกับจ้วงจ้วงนั้น เขาเองก็จะกลายเป็นราชบุตรเขย ถือว่าได้ทำบางอย่างเพื่อตระกูลของเรา ทว่าเมื่อข้านึกถึงเรื่องเหล่านั้นที่เขาทำลงไป ก็เลยโมโหขึ้นมา”

“พอแล้วเพคะ ไม่เอ่ยถึงเขากันแล้ว ท่านมีที่ถูกใจแล้วหรือยัง?” กุ้ยไท่เฟยเอ่ยถาม

ทันใดนั้นหวงไท่โฮ่วก็เริ่มระมัดระวังขึ้นมา “เจ้าเองก็มีคนแนะนำอย่างนั้นหรือ?”

กุ้ยไท่เฟยยิ้มออกมา “ข้าและคนหนุ่มสาวเหล่านั้นก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีความสามารถ? ทว่าก็ยังอยากคิดช่วยดู”

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์

Status: Ongoing
แพทย์ทหารสายลับกลับกลายเป็นลูกสาวคนแรกของเสนาบดีที่ต้องทนรับการถูกข่มเหงรังแกจากพ่อและแม่เลี้ยง และต้องแต่งงานกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เผชิญกับหลุมพรางและแผนการร้ายมากมายด้วยทักษะการแพทย์ของเธอทำให้เธอสามารถต่อสู้ผ่านศึกสังหารระหว่างวัง แก้ปัญหาระหว่างรัฐได้ด้วยดี ลงโทษองค์รัชทายาทที่กระทำความผิด ช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเหลียง และกำจัดโรคระบาดที่รุนแรงจากบุตรสาวเสนาบดีที่ขี้ขลาดแปรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่จิตใจแน่วแน่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิได้ “ถ้าเจ้าแอบหนีออกมาอีก ข้าจะตามไปขัดขวางเจ้า มีที่ไหนพระชายาที่กำลังตั้งครรภ์แล้วยังวิ่งไปทั่ว?”“เจียงตงเกิดโรคระบาด ข้าในฐานะหมอหลวงต้องรีบไปช่วยเป็นธรรมดา ถ้าท่านขัดขวางข้าโรคจะระบาดจะไปถึงเมืองหลวง” อ้อมแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดพระชายาที่พูดไม่หยุด ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สเด็จกลับมาและกราบทูลว่า “ฮึ่ม หมอหลวงมีจำนวนมากพอแล้ว” ถ้าคุณตั้งครรภ์อยู่จะออกไปไหม? จิตใจดั่งพระโพธิสัตว์หรือไม่? หรือยืนหยัดต่อสู้กับโรคระบาดที่ร้ายแรงตอนนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท