ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 783
เรื่องราวต่อจากนั้นก็เกี่ยวกับข้องการนองเลือดมากยิ่งขึ้น ซุนฟางเอ๋อร์เริ่มแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสูงสุด แม่ของนางจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างอาจารย์แห่งเหมียวเจียงมาสอนคาถาให้นาง อาจารย์คนนี้ค่อนข้างมีทักษะ และหยั่งรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์บ้างเล็กน้อย ซุนฟางเอ๋อร์เริ่มเคารพอาจารย์คนนี้มากขึ้น และเกลี้ยกล่อม อาจารย์ให้สอนทักษะทั้งหมดให้นาง จริงอยู่ที่มีสุภาษิตโบราณกล่าวว่าสอนศิษย์จนตนเองอดตาย แต่ในกรณีอาจารย์ของซุนฟางเออร์นั้น เขาสอนให้ศิษย์ฆ่าอาจารย์ตาย
หลังจากที่ซุนฟางเอ๋อร์กลายเป็นอาจารย์ คนแรกที่นางฆ่าก็คืออาจารย์ของนางเอง โดยใช้คุณไสยที่อาจารย์ของนางสอนนั่นเอง
ไม่มีวิธีการรักษา และอาจารย์ของนางก็เสียชีวิตลงในที่สุด
จากนั้นนางก็ฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง และคุกเข่าที่ประตูของฟูเหรินในฐานะเด็กกำพร้า ซุนฟูเหรินเป็นผู้หญิงที่ใจอ่อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่านางน่าสงสาร จึงปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพานางและโหรวเหย๋าไปด้วย
ในที่สุดนางก็คว้าโอกาสนี้ทำเสน่ห์ใส่มู่หรงเจี๋ย คุณไสยประเภทนี้มีพลังมาก และไม่มียาถอนพิษ หากโดนทำเสน่ห์ก็จะไม่สามารถถอดถอนได้
มู่หรงเจี๋ยถูกอาคมของนางเป็นเวลาครึ่งเดือน และสุดท้ายถึงกับขอหวงไท่โฮ่วว่าจะแต่งงานกับซุนฟางเอ๋อร์อีกด้วย
หวงไท่โฮ่วปฏิเสธทันที และบอกให้เขาไปที่ภูเขาน้ำแข็งเพื่อขอไท่หวงไท่โฮ่วเอาเอง และเขาก็ไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขากลับมา เขาก็สั่งให้คนไปจับตัวซุนฟางเอ๋อร์เข้าคุก เขาให้ซุนฟางเอ๋อร์กินยาเม็ดหนึ่ง และซุนฟางเอ๋อร์ก็ยอมรับทันทีว่านางเป็นผู้ที่ทำคุณไสยใส่เขา
ในราชวงศ์นี้ การทำคุณไสยและอาคมเป็นวิธีที่น่าขยะแขยง และเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตระกูลซุนจึงต้องขับไล่นางออกจากบ้านไป
ซุนฟางเอ๋อร์ไปขอร้องซุนฟูเหริน แต่ซุนฟูเหรินไม่ใจอ่อน ด้วยความโกรธ ซุนฟางเอ๋อร์จึงวางยาซุนฟูเหรินจนนางเกือบตาย โชคดีที่นายท่านช่วยชีวิตนางไว้ได้ทัน
เพียงแต่โชคร้าย พิษของกู่ตู๋นั้นทำให้นางหูหนวก
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ จื่ออันถึงกับตกใจ “ไม่แปลกใจที่โหรวเหย๋าจะเกลียดนางมากถึงเพียงนั้น มิน่าล่ะมู่หรงเจี๋ยถึงไม่ยอมบอกข้า ที่แท้เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง”
“ใช่แล้ว ตั้งแต่นั้นมา เสด็จอาก็เกลียดผู้หญิงและไม่อนุญาตให้หญิงใดเข้าใกล้อีกเลย ได้ยินมาว่า ตอนที่เขายังหมกมุ่นอยู่กับซุนฟางเอ๋อร์ ซุนฟางเอ๋อร์เคยกอดเขาด้วย” อ๋องเหลียงกล่าว
จื่ออันเลิกคิ้ว “แค่กอดหรือ?”
“ได้ยินมาว่ายังเคยจูบกันด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเสด็จอาก็บ้วนปากด้วยเหล้าดีกรีสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
จื่ออันยิ้มและพูดว่า “ช่างน่าสงสารเสียจริง”
อ๋องเหลียงกล่าว “เจ้ายังหัวเราะได้อยู่อีกรึ? ซุนฟางเอ๋อร์คนนี้เป็นคนที่ชั่วร้ายมาก แม้แต่มารดาและอาจารย์ของนางยังทำร้ายได้ลง ตอนนั้นนางก็พึ่งพาอ๋องหนานหวาย และติดตามเขาไปยังอาณาจักรทางใต้ คราวนี้พวกเขากลับมาแล้ว ข้าเกรงว่าไม่ง่ายที่พวกเขาจะจากไป”
“อืม ข้ารู้” จื่ออันพยักหน้า
จื่ออันหันหลังกลับและเดินออกไป บังเอิญตาวเหล่าต้ามีเรื่องมาพบนางพอดี หลังจากที่เขาพูดกับจื่ออันได้ไม่กี่คำ จื่ออันก็ดีใจมาก และเดินตามตาวเหล่าต้าออกไป
นางกลับมาอีกในตอนเย็น มู่หรงเจี๋ยถามนางอย่างไม่พอใจ “เจ้าไปไหนมา?”
จื่ออันกระซิบข้างหูเขาไม่กี่คำ มู่หรงเจี๋ยก็พูดว่า “จริงหรือ?”
“จริงอย่างที่สุด!” จื่ออันกล่าว
มู่หรงเจี๋ยตอบรับเบา ๆ แต่ดูไม่ตื่นเต้นสักเท่าไร ราวกับว่าเขาคาดเดาไว้อยู่ก่อนแล้ว
หวงไท่โฮ่วทรงมีรับสั่งให้ท่านโหวเข้าวัง และเอาจดหมายหย่าให้ท่านโหวดู เขาขมวดคิ้วและคุกเข่าลงบนพื้นในทันที “ไท่โฮ่ว จดหมายนี้ไม่สามารถเปิดต่อหน้าสาธารณะได้ และหม่อมฉันก็ไม่ยินยอมที่จะรับมัน”
หวงไท่โฮ่วกล่าว “แม้ว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ข้าก็คิดว่ามันหาได้สำคัญไม่ เหตุใดท่านโหวถึงต้องดื้อรั้นด้วยเล่า”
ท่านโหวส่ายหัว “ไม่ใช่เพราะข้าที่ดื้อรั้น แต่เนื่องจากไม่ทราบที่มาของจดหมายหย่านี้ แม้ว่ามันจะเป็นลายมือของเซียวเซียว แต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติจากครอบครัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหานชิงชิวนำมันออกมา บางทีมันอาจจะเป็นเพียงการเขียนโดยเซียวเซียว เพื่อความสนุกสนานเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”