ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 784
หวงไท่โฮ่วทรงตรัสว่า “เจ้าก็น่าจะรู้ เซียวเซียวไม่ต้องการแต่งงานกับหานชิงชิว เขาต้องทำเช่นนั้นเพราะไม่มีทางเลือก”
“ไท่โฮ่วทรงอย่าได้ตรัสเช่นนี้ เป็นเซียวเซียวที่ยินยอมเองพ่ะย่ะค่ะ” ท่านโหวแก้ต่างกับหวงไท่โฮ่ว
หวงไท่โฮ่วถอนหายใจเบา ๆ นางรู้ว่าท่านโหวเป็นคนที่ระมัดระวังตน เขากลัวว่าเซียวเซียวจะขอองค์หญิงแต่งงาน แม้ว่าจะแต่งกับศพ เขาก็ยังคงกลัวอยู่ดี เพราะกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังขององค์หญิงจะกลับไปเป็นของตระกูลเซียว แม้ว่านางจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
เขากลัว เพราะเขารู้ว่าองค์จักรพรรดินั้นหวาดระแวงตระกูลเซียว เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตระกูลเซียวจากปัญหาต่าง ๆ
หวงไท่โฮ่วหวังว่าท่านโหวจะเห็นด้วย แต่ท่านโหวนั้นดื้อรั้น ถึงจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่เห็นด้วย นางถอนหายใจและกล่าวว่า “ช่างเถอะ เจ้าออกไปซะ ข้าไม่อยากบังคับเจ้า ข้าเพียงแค่สงสารพวกเขาก็เท่านั้น”
ท่านโหวเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาดูซับซ้อน เขารู้สึกเป็นทุกข์มากกว่าใคร ๆ แต่เขาจะทำอย่างไรได้? จักรพรรดิยังคงอยู่ที่นั่น และหวาดระแวงตระกูลเซียวตลอดทั้งวัน ตระกูลเซียวจึงต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว
ท่านโหวไม่เห็นด้วย และการเลือกลูกเขยจะต้องเข้าสู่วาระการประชุมอีกครั้ง
ในครั้งนี้ใต้เท้าซุยแนะนำใครบางคน ซึ่งนั่นทำให้หวงไท่โฮ่วรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใต้เท้าซุยถึงกับแนะนำเหลียงซู่หลิน หลานชายของราชครูเหลียง
หวงไท่โฮ่วสั่งให้คนไปสืบ และรู้ว่าเหลียงซู่หลินภายในครอบครัวไม่ได้เห็นคุณค่าในตัวเขาเท่าไรนัก แม้ว่าเขาจะเป็นคนฉลาด แต่เขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารองครักษ์ในตำหนักบูรพา มีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่มากนัก เพียงสิบสองคนเท่านั้น
หวงไท่โฮ่วไม่ได้พิจารณาคนที่ขุนนางท่านอื่นแนะนำมากนัก เนื่องจากผู้แนะนำอื่นนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์โดยเนื้อแท้ และถูกพบว่ามีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่ออำนาจและผลกำไร แต่ใต้เท้าซุยเป็นผู้สนับสนุนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นคนเที่ยงธรรม และยังดำรงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการมานานหลายปี ประสบความสำเร็จทางบ้านเมืองอย่างโดดเด่น หนำซ้ำยังเป็นข้าราชการที่ทำอะไรไม่ถือตัวติดดิน
ดังนั้นหวงไท่โฮ่วจึงมองคนที่เขาแนะนำแตกต่างออกไป
เมื่อกุ้ยไท่เฟยเข้ามาในวัง หวงไท่โฮ่วก็คุยกับนางเกี่ยวกับเหลียงซู่หลิน
กุ้ยไท่เฟยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบุคคลนี้ แต่เมื่อนางได้ยินว่าเขาเป็นคนของเหลียงไท่ฟู่ ดังนั้นนางจึงไม่เห็นด้วย “การแต่งงานกับคนจากตระกูลเหลียงนั้นไม่ค่อยดีนัก? จะยิ่งไม่เป็นการส่งเสริมตระกูลเหลียงให้เติบใหญ่ขึ้นมาหรือเพคะ?”
หวงไท่โฮ่วกล่าว “นั่นก็จริงอยู่ ข้าสั่งให้คนไปสืบดูแล้ว และพบว่าเหลียงซู่หลินและไท่ฟู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก และไท่ฟู่เองก็ขัดขวางหลานชายมาโดยตลอด เหลียงซู่หลินคนนี้ถือว่าเป็นคนนอกของตระกูลเหลียง และเป็นผู้ที่รู้จักดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด”
“แล้วเขาเป็นคนอย่างไร?” กุ้ยไท่เฟยถาม
“เขานั้นนิสัยดี ข้าถามเหล่าองครักษ์ที่ทำงานร่วมกับเขา ทุกคนต่างก็บอกว่าเขามีนิสัยที่ดี เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไท่ฟู่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาเช่นนั้น เขาก็ไม่พูดอะไร เพียงแต่ทำหน้าที่ของเขาให้ดีเท่านั้น”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ กุ้ยไท่เฟยก็พูดอย่างใจเย็น “หากมีผู้สมัครใจคนอื่น ก็ค่อย ๆ ดูก่อนเถิดเพคะ”
“ค่อย ๆ ไม่ได้แล้ว ข้าสั่งให้คนไปถามจื่ออัน นางบอกว่าหากฝังเข็มจ้วงจวงอีกครั้ง อย่างมากก็ทนได้นานแค่สองถึงสามวัน ดังนั้นเราจึงต้องรีบยืนยันเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
กุ้ยไท่เฟยยังคงนิ่งเงียบ ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง หวงไท่โฮ่วใช้สมองหนักมากเกินไปเพราะเรื่องของจ้วงจ้วง ขณะที่กุ้ยไท่เฟยดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก “ใช่แล้ว เจ้าแปดกลับมาหรือยัง” หวงไท่โฮ่วถาม
“น่าจะมาถึงที่นี่ในอีกสองวันนี้เพคะ” กุ้ยไท่เฟยพูดอย่างใจเย็น
หวงไท่โฮ่วมองดูนาง “หากเจ้าแปดกลับมา เจ้าก็คงจะสบายใจขึ้นแล้วสินะ? ครั้งนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกใช้เวลาร่วมกันให้ดี ไม่เช่นนั้นคราวนี้หากต้องจากกัน จะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
กุ้ยไท่เฟยยิ้มเบา ๆ “หม่อมฉันปลงแล้วเพคะ หากคิดถึงลูกมากจนทนไม่ไหวค่อยไปพบเขาก็ได้ คนแก่อย่างหม่อมฉันยังพอเดินไหว หากแก่กว่านี้ก็พูดยากแล้วเพคะ”
“เจ้าคิดแบบนี้ได้ก็ดีแล้ว เจ้าทะเลาะกับอาเจี๋ยเช่นนี้ มันคงดีถ้าเจ้าแปดกลับมาสานสัมพันธ์คืนได้ดั่งเดิม เพียงแต่สองพี่น้องนี้แทบไม่มองหน้ากัน ลูก ๆ หลาน ๆ นั้นต่างก็มีทางของตัวเอง พวกเราอย่าไปสนใจนักเลย”
ดวงตาของกุ้ยไท่เฟยเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง “ใช่เพคะ อย่ากังวลไปเลย”