ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 344 ยังคงมีผลประโยชน์
เซลีนทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและยิ้มหวาน
เธอสวมชุดราตรีสีขาวประดับเพชรที่หน้าอก ซึ่งทำให้เธอดูหรูหราและสง่างาม ชุดราตรีทรงหางปลาเผยให้เห็นสัดส่วนรูปร่างที่เพรียวบางและลำคอที่ยืดตรงของเธอราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงที่เหย่อหยิ่งและสูงส่ง
หากคุณรู้จักเธอเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อมองที่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอ มันอาจจะหลอกคุณได้
โอเวนพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเธอ ขณะที่เจเน็ตถอนหายใจอย่างเย็นชาพลางหันหน้าหนีโดยไม่สนใจเธอ
เซลีนไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา เธอกลับยิ้มและพูดขึ้น “วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ขอบคุณมากนะคะที่มาร่วมงาน นี่คือการขอบคุณในนามของคุณปู่”
เจเน็ตหัวเราะเยาะ “ฉันเคยเห็นมามากแล้วบนโลกนี้น่ะพวกคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังถือขนไก่แทนที่จะเป็นลูกศร เธออย่าคิดว่านะว่าจะสามารถเปลี่ยนจากไก่ฟ้าไปเป็นนกฟินิกซ์ได้ เพียงแค่เปลี่ยนกำพืด เมื่อหางของเธอโผล่ออกมา เธอก็จะกลายเป็นตัวตลก”
เมื่อโจเอลได้ยินคำวิจารณ์ของเธอ เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อพูดถึงความปากร้าย เจเน็ตนี่แหละที่อันตรายที่สุด
แน่นอนว่าถ้าเนลล์และกิดเดียนแกล้งคนอื่น พวกเขาก็จะจะจัดอยู่ในระดับเดียวกับเธอ อย่างไรก็ตาม พวกเขาค่อนข้างมีเกียรติ และพวกเขาขี้เกียจที่จะมายุ่งวุ่นวายกับคนแบบนี้
เซลีนฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย ทว่าหลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี นิสัยของเธอก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับที่เคยเป็นอีกต่อไป
เธอใจเย็นลงอย่างรวดเร็วและรักษาสีหน้าของเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะกระซิบพูด “ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจฉันผิดมาตลอด คุณแฮนค็อก แต่ไม่เป็นไร ฉันพูดมาเสมอว่าหัวใจของผู้คนจะรับรู้ก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นฉันเชื่อว่าเวลาผ่านไป คุณจะรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นคนแบบที่คุณคิดว่าฉันเป็น”
“ถ้าคุณอยากจะพูดเรื่องไก่ฟ้ากลายเป็นนกฟินิกซ์ มันก็ดูเหมือนกับว่าคนบางคนจะเหมาะกับประโยคนี้มากกว่าฉัน สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นหลานสาวของคุณปู่ของฉันเหมือนกัน ทุกอย่างที่ฉันมีวันนี้เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ”
“ไม่เหมือนคนบางคน ที่ไต่เต้าโดยใช้ร่างกายและหน้าตา ดังนั้นถ้าคุณอยากจะพูดเรื่องนี้จริง ๆ นั่นน่าจะเป็นตัวอย่างที่เหมาะสมกว่าฉัน!”
เจเน็ตถามด้วยความโกรธ “เมื่อกี้เธอพูดอะไร?”
สีหน้าของกิดเดียนและเลียมนิ่งไปเหมือนกัน
ด้วยรอยยิ้มที่สงบบนใบหน้าของเธอ เซลีนพูดด้วยความนุ่มนวล “ทำไมต้องโกรธมากขนาดนั้นล่ะคุณแฮนค็อก? เพราะคุณต้องการคุยเรื่องไก่ฟ้ากับนกฟินิกซ์กับฉัน แต่คุณกลับโกรธมาก หมายความว่าฉันพูดเรื่องของคุณถูกต้อง?”
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ฉันก็ขอโทษจริง ๆ ฉันแค่พลั้งปากไป ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยนะ ไม่อยากนั้นมันคงแย่ ถ้าคุณเข้าใจผิด จริงไหม?”
เจเน็ตโกรธจนใบหน้าของเธอแดงก่ำ อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าผู้คนมากมายและเนื่องจากเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคนอื่น เธอจึงต้องให้เกียรตินายท่านการ์เร็ตต์และไม่ทำลายงานในที่สาธารณะ
เนลล์แอบดึงแขนเสื้อของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมองเซลีน และยกยิ้มที่มุมปากของเธอก่อนจะกล่าวอย่างอบอุ่น “คุณหนูรองเจนนิงส์ เธอสามารถอธิบายคำพูดธรรมดา ๆ ได้อย่างชัดเจนและละเอียดถี่ถ้วน ดูเหมือนกับว่าเธอศึกษาคำพวกนั้นบ่อย ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะให้เธออีกสักวลีแล้วกัน – เธอจะพังพินาศเพราะตัวเองที่ ถ้าเธอทำแต่เรื่องชั่วร้ายและไร้ซึ่งความยุติธรรม!”
“เซลีน พวกเราทุกคนรู้ดีว่าตัวตนของเธอคือใคร ต่อหน้านายท่านใหญ่การ์เร็ตต์ เราไม่ต้องการเปิดเผยว่าเธอเป็นใคร นั่นเธอต้องเข้าใจว่าเป็นเพียงเพราะความหวังดี และไม่อยากจะทำลายสิ่งที่เขาพยายามมาอย่างหนักทั้งหมด แต่ไม่ใช่เพราะเราซ่อนมันให้เธอ!”
“ใครก็ตามที่ฉลาดพอจะรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ ควรจะเก็บหางเอาไว้เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด แต่เธอก็ยังมาปลุกปั่นเราครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไม? นี่เป็นเพราะว่าเธอเป็นหลานของพวกการ์เร็ตต์ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่สบายตัวงั้นเหรอ? อยากมาลุกจากตำแหน่งนั้นมาเดินสักหน่อยไหมล่ะ?”
ทันใดนั้นท่าทางของเซลีนก็เปลี่ยนไป
เธอจ้องไปที่เนลล์โดยสายตานั้นราวกับมีดสั้นที่เธอต้องการจะจ้วงแทงเนลล์ผ่านการจ้องมองในทันที
อย่างไรก็ตาม สำหรับเนลล์มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องใส่ใจ เธอเบื่อหน่ายที่จะต้องทะเลาะกับเซลีนมาตลอดเวลาหลายปี
การจ้องมองด้วยสายตาที่ร้ายกาจของเซลีนไม่อาจทำร้ายเธอได้
กิดเดียนพูดขึ้นในตอนนั้น “ถ้าผมเป็นคุณหนูรองเจนนิงส์ผมจะไม่พูดไร้สาระที่นี่ แต่ผมจะดูแลนายท่านใหญ่ เผาเครื่องหอม และอธิษฐานให้เขามีชีวิตยืนยาว อย่างไรก็ตามอะไรที่โกหก ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนายท่านใหญ่ ผมกลัวว่ามันจะไม่ใช่พวกเราที่อยากให้คุณเดือดร้อนที่สุด แต่เป็นคนรอบข้างของคุณ คุณหนูรองเจนนิงส์คิดอย่างไร?”
ท่าทางของเซลีนเปลี่ยนไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ในวินาทีต่อมาจิมได้ส่งคนมาถามหาเธอ ทว่าเธอตะคอกกลับอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังกลับและจากไป
เจเน็ตมองไปที่เธอที่กำลังเดินหนีกลับไปและหัวเราะออกมาอย่างดูถูก “นังผู้หญิงเลวคนนั้นแน่จริง ๆ !“
เนลล์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะที่หันไปมองเธอ “ทำไมเธอถึงอารมณ์เสียล่ะ? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอยัยนั่น มันทำให้เธออารมณ์เสียเปล่าๆ”
เจเน็ตยังคงโกรธอยู่เล็กน้อย ขณะที่เธอกอดอกของเธอด้วยความขุ่นมัว
“ฉันแค่ทนเห็นเธอไม่ได้ นี่มันเรื่องไร้สาะบ้าอะไร! และเธอคิดว่าเธอเป็นปูชนียบุคคลของพวกการ์เร็ตต์ ทำอย่างกับว่าเราไม่รู้ว่าใครถูกไล่ออกจากจินเฉิงเหมือนหมาที่จะถูกเชือดก่อนหน้านี้!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเนลล์จางลง
เธอคิดไตร่ตรองพลางหันไปมองตามทางที่เซลีนเดินจากไป
“ถ้าหมาที่จะถูกเชือดสามารถไต่ขึ้นมาถึงสถานะปัจจุบันได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็แสดงให้เห็นถึงพลังของเธอ”
เจเน็ตหัวเราะเยาะ
“มันคงจะยากที่ปีศาจจะตายไป!”
เนลล์ยิ้ม
“ไม่มีอะไรทำร้ายเราได้ ตระกูลการ์เร็ตต์เชิญให้เขากลับมา ดังนั้นพวกเขาก็ต้องก้มหน้ายอมรับผลที่จะตามมา”
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กันอีกต่อไป และเปลี่ยนเรื่องพูดคุยไปเป็นเรื่องอื่นแทน
อีกด้านหนึ่ง จิมพาเซลีนไปที่มุมหนึ่ง และพูดด้วยท่าทางหดหู่ “เมื่อกี้เธอคุยอะไรกับพวกเขา?”
เซลีนก้มหน้าของเธอลงเล็กน้อยด้วยท่าทางประหม่า “หนูไม่ได้พูดอะไรค่ะ หนูแค่ไปทักทายพวกเขาอย่างคนรู้จักเท่านั้นค่ะ”
จิมตอบกลับด้วยความโกรธ “ทำไมเธอถึงต้องไปทักทายพวกเขา? เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? เนลล์และกิดเดียนคือใคร? เธอรู้ว่าพวกเขาไม่เคยชอบเธอแต่เธอก็ยังไปหาพวกเขา อยากหาเรื่องใส่ตัวหรือไง?”
เซลีนเม้มริมฝีปากของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นและเมื่อเธอมองไปที่เขา ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ
“คุณลุง หนูไม่อยากไปที่นั่นจริง ๆ มีแค่คนนอกที่รู้ว่าฉันกับพี่เคยผ่านการทะเลาะกันครั้งใหญ่มาก่อน และแม้ว่าตอนนี้หนูจะกลับมาที่ตระกูลการ์เร็ตต์แล้ว อดีตก็ยังส่งผลกระทบกับหนูมา”
“พวกเจนนิงส์ทำให้เธอผิดหวังมาตั้งแต่แรก แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหนู หนูสงสัยว่าจะถ้าหนูสามารถคืนดีกับเธอได้ ด้วยวิธีนี้ตราบใดที่เธอเต็มใจให้อภัยกับหนู คนนอกจะเห็นว่าเราสนิทกัน จากนั้นเมื่อเป็นปกติแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก นั่นจะไม่ส่งผลดีกับเราเหรอคะ?”