ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 523 ขอโทษเธอซะ
หลังจากนั้นไม่นาน โคลอี้ก็แสดงรอยยิ้มที่ไม่คาดคิด “ฉันได้ยินมาว่า จิมมี่เป็นประธานบริษัทของเฮนเดอร์สัน คอร์ปอเรชั่น ฉันต้องขอบอกเลยว่า ฉันทึ่งกับความสามารถของเขาในการเกาะภรรยากินของเขาเลยนะคะ”
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ!”
ชาเนียโกรธมาก ดวงตาของเธอเบิกกว้างไปด้วยความโกรธ เธอยกมือขึ้นพยายามจะตบโคลอี้
อย่างไรก็ตาม มือของเธอหยุดกลางอากาศ
โคลอี้ยังคงมีรอยยิ้มที่นุ่มนวลบนใบหน้าของเธอ ซึ่งมันเน้นอยู่ตรงลักยิ้มตื้น ๆ ที่ด้านข้างของปากของเธอ แต่เธอก็จับข้อมือของชาเนียไว้อย่างแม่นยำ
“คุณป้า การแสดงความโกรธที่ออกมานี้เป็นปฏิกิริยาความอับอายของคุณป้าหรือเปล่า แย่จัง แต่ฉันไม่ใช่ โคลอี้ เฮนเดอร์สัน เมื่อสองปีที่แล้ว! นอกจากนี้ แม่ของฉันยังทิ้งส่วนแบ่งไว้ยี่สิบเปอร์เซนต์ของบริษัทเฮนเดอร์สัน คอร์ปอเรชั่นให้ฉันด้วย ไม่ว่าจิมมี่จะปีนไปสูงแค่ไหน เขาก็เป็นแค่ลูกจ้างของฉัน คุณป้าไม่ต้องกังวลหรือว่าเขาอาจจะตกงาน ถ้าคุณป้าตบฉัน”
ชาเนียตกตะลึง
เธอลืมไปได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีส่วนแบ่งอีกยี่สิบเปอร์เซนต์ของ เฮนเดอร์สัน คอร์ปอเรชั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เมื่อหลายปีก่อนเธอคงไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของจิมมี่กับโคลอี้แน่ ๆ
สองปีแล้วที่พวกเขาพบกันครั้งสุดท้าย และนังตัวแสบตัวนี้ก็เริ่มทำให้ประสาทเสีย!
เซน เฮนเดอร์สันซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ เห็นความวุ่นวายจึงเดินเข้ามา เขาถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”
ทันใดนั้น สีหน้าของชาเนียก็เปลี่ยนไป และเธอก็บ่นว่า “เฮ้อ คุณเฮนเดอร์สัน! มีอะไรกับโคลอี้เหรอ ฉันแค่แวะมาทักทายเธอ แต่เธอต้องการที่จะตบฉัน!”
เซนขมวดคิ้ว เขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างจิมมี่กับโคลอี้ ตามสัญชาตญาณ เขาสันนิษฐานว่าโคลอี้มีพฤติกรรมแบบนั้นเพราะเธออารมณ์เสีย
ดังนั้นเขาจึงดุเธออย่างเข้มงวดว่า “โคลอี้ คุณป้าเฟอร์นันเดซเป็นผู้ใหญ่ ลูกไม่ควรตบเธอ!”
เมื่อเห็นว่าเธอมีคนคอยหนุนหลัง ชาเนียก็ร้องไห้สะอื้นต่อไป เธอร้องไห้เสียงดังและต้องการทำให้โคลอี้อับอาย
เซนโกรธจัด ทำไมลูกสาวของเขาช่างไร้เหตุผลแบบนี้!
“โคลอี้ ขอโทษป้าเฟอร์นันเดซ!”
ขอโทษ? ฮึ่ม!
โคลอี้หัวเราะอย่างเย็นชา เมื่อเธอคว้าข้อมือของชาเนีย ในอีกมุมหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามจะตบเธอ
ถึงกระนั้น พ่อของเธอก็ไม่ใส่ใจที่จะฟังเรื่องราวจากฝั่งของเธอเลย และเชื่อคนนอกแทน
โคลอี้เม้มปากและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน เธอรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อจำได้ว่าพ่อของเธอตำหนิเธอที่ทำตัวไม่เหมาะสมโดยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
“ถ้าหนูไม่ทำล่ะ”
“แก!”
ชาเนียหัวเราะ “นี่คือวิธีที่ตระกูลเฮนเดอร์สันสอนลูกสาวของพวกเขาใช่ไหม แทนที่จะขอโทษเมื่อทำผิด เธอกลับเถียง! ฮึ่ม! ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะไม่ใช่คนดี! โชคดีที่ไอริสของเราไม่เหมือนเธอ มิฉะนั้นการแต่งงานครั้งนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น!”
เซนโกรธมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่น่ารังเกียจเหล่านั้น เขาตะโกนใส่โคลอี้ “โคลอี้ พ่อบอกให้ขอโทษเธอ!”
โคลอี้ไม่ยอมถอย แต่กลับขึ้นเสียงแทน “หนูไม่ได้ตบเธอ!”
“อ่า เธอยังไม่ยอมรับมันอีกใช่ไหม พยายามที่จะปฎิเสธการกระทำของเธอเอง พอมีคนเห็นเหตุการณ์พยานมากมาย! เธอยังเด็กอยู่ แต่ทำไมเป็นคนชั่วร้ายแบบนี้!”
“ใช่ ๆ! เราเห็นที่คุณยกมือขึ้นเมื่อกี้ ถ้าเราไม่ได้เข้ามาขว้าง เธอคงตบโดนใบหน้าของพี่เฟอร์นันเดซไปแล้ว!”
“ไม่ว่าอย่างไร เธอยังเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ดูสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำนั้นช่างดูหมิ่นกันเหลือเกิน!”
ชาเนียและน้องสาวของเธอแทรกเข้ามา และแต่งเรื่องราวทั้งหมด เซนตอนนี้กำลังตัวสั่นด้วยความโกรธ เขายกมือขึ้น และตบหน้าโคลอี้อย่างรวดเร็ว
หัวของโคลอี้เหมือนถูกผลักไปด้านข้างทันที เมื่อสังเกตเห็นการกระทำของเซน ฝูงชนก็เงียบลง พวกเขาดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป
ในเวลาเดียวกัน ไอริสตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และวิ่งลงจากเวที
“นี่มันคืออะไร เกิดอะไรขึ้น?”
มีคนดึงเธอออกมาและอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟัง
ไอริสตกใจพูดอย่างตกตะลึง “พี่ทำอย่างนั้นได้ยังไง ต่อให้พี่รู้สึกว่าไม่มีความสุขแค่ไหนเกี่ยวกับการแต่งงานของฉันกับจิมมี่ พี่ก็ไม่ควรตบคนที่แก่กว่า!”
โคลอี้รู้สึกโกรธเคืองกับตระกูลของเธอเอง ทำไมพวกเขาไม่รู้สึกละอายบ้างเลยเหรอ
เธอเปิดปากของเธอและพยายามอธิบายว่า “ฉันไม่ได้ทำ”
“พอสักที!”
ทันใดนั้น จิมมี่ที่ขมวดคิ้วก็พูดขึ้นว่า “ทำไมเธอถึงได้รับเชิญมา”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วเย้ยหยัน “โคลอี้ ผมบอกคุณไปเมื่อสองปีก่อนว่าผู้หญิงที่ผมชอบคือไอริส ทำไมคุณไม่เข้าใจสิ่งนี้ หาชายคนอื่นในโลกนี้ไม่ได้นอกจากผมแล้วหรือไง นอกจากนี้เมื่อสองปีที่แล้ว คุณนอกใจผมลับหลังผม ทำไมวันนี้คุณทำเหมือนว่าคุณเป็นห่วงผมมากขนาดนี้”
โคลอี้ชะงักและจ้องจิมมี่ด้วยสีหน้างุนงง
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพูดแบบนั้น
เมื่อเรื่องอื้อฉาวนั้นเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้เพื่อทำร้ายเธอ ตอนที่เขาเลิกกับเธอ
แต่ทว่าวันนี้…
จิตใจของเธอก็ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ น้ำตาทำให้การมองเห็นของเธอพร่ามัว
เสียงผู้ชายที่ลึกล้ำก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
“ใครบอกว่าเธอหาผู้ชายคนอื่นไม่ได้แล้ว”
ฝูงชนเดินไปที่ทางเข้า ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นกันแดดเข้ามา ขณะที่ด้านข้างขนาบข้างไปด้วยบอดี้การ์ดมากกว่าสิบคนในชุดสูท
ผู้คนเริ่มอุทานว่า “พระเจ้า! เขาคือใครกัน เขาหล่อมาก!”
โคลอี้หันไปมองที่ทางเข้า ชายแถวหน้ามีรูปร่างใหญ่โตและมีลักษณะเด่น เขามีตาที่ลึก ริมฝีปากของเขาถูกกดเป็นเส้นบาง ๆ ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องโถง ออร่าที่โดดเด่นของเขากดทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา ชายคนนั้นสวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างประณีต แม้จะไม่มีโลโก้บนชุดสูท แต่ก็สามารถบอกได้ว่ามันมีราคาแพง เนื่องจากประดับด้วยกระดุมข้อมือด้วยไพลินหกเม็ด
เขาเป็นใครกัน
สาวโสดทั้งหมดในห้องโถงรู้สึกทุกข์ใจ โดยปกติแล้วผู้หญิงเหล่านี้มาร่วมงานแต่งงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาคู่ครองที่มีศักยภาพที่ดี และตอนนี้พวกเขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นไว้ได้
วินาทีถัดมา สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไป!
เขาเดินเข้าหาโคลอี้ สีหน้าที่จริงจังก็อ่อนลง เขาเอาแขนโอบไหล่ของโคลอี้และบ่นว่า “เราตกลงกันแล้วว่าจะมากับคุณวันนี้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองล่ะครับ”
โคลอี้รู้สึกตกตะลึงและมึนงง
เขาหมายถึงอะไร
เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ
แล้วผู้ชายชุดดำพวกนี้เป็นใคร เขาคิดว่าเขาอยู่ในรายการทีวีหรือไง
เธออ้าปากเพื่อพยายามจะพูด แต่นิ้วเรียวยาวถูกกดลงที่ริมฝีปากของเธอ
ชายคนนั้นยิ้มอย่างรักใคร่ “เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณกังวลที่ผมยุ่งมากขนาดไหน แต่เราเป็นคู่สามีภรรยากันและผมต้องการพบครอบครัวของคุณอยู่ดี คุณไม่เห็นด้วยเหรอ”
โคลอี้ทำหน้างง เขาไปโดนอะไรตีมา
เธอมีสามีตั้งแต่เมื่อไรและทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้
“คุณผู้ชาย ฉัน…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค เธอรู้สึกเวียนหัวและขาของเธอก็อ่อนแรง โชคดีที่ชายคนนั้นจับเอวเธอไว้ทันเวลา ป้องกันไม่ให้เธอล้ม
เกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงมีอาการเวียนหัวกะทันหันล่ะ
เธอทราบดีถึงความอดทนต่อแอลกอฮอล์ของเธอ ไวน์แค่หนึ่งหรือสองแก้วก็ไม่ทำอะไรเธอได้
เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอได้ยินเสียงที่แข็งกร้าวของชายคนนั้น
“ไหนใครบอกว่าเมียผมตบใครนะ?”