ตอนที่ 1 กองตรวจการณ์ (2)
กองตรวจการณ์เมืองหยินเป็นหน่วยปฏิบัติการกองบัญชาการใหญ่ของเมืองหยิน
นอกจากหน่วยบัญชาการใหญ่แล้ว กองตรวจการณ์เมืองหยินยังแบ่งออกอีกสี่ส่วน
อีกทั้งหน่วยบัญชาการใหญ่นั้นมีหลายแผนก โดยห้องเก็บแฟ้มคดีที่หลี่ฮ่าวทำงานอยู่นั้นรับผิดชอบจัดการเอกสารคดี ขุดรื้อคดีเก่าขึ้นมาใหม่ นำคดีที่ยังคลี่คลายไม่ได้มาสืบสวนใหม่ บันทึกการประชุม…
ห้องเก็บแฟ้มคดีไม่ได้เป็นหน่วยงานแถวหน้าจึงเข้าร่วมการออกปฏิบัติงานนอกพื้นที่น้อยมาก
แน่นอนว่าหากแผนกอื่นคนไม่พอใช้งานก็จะขอตัวหลี่ฮ่าวไปช่วยงานเป็นการชั่วคราว สรุปคร่าวๆ ก็คือทำงานฝ่ายเอกสารนั่นเอง
หลังจากบรรดาหัวหน้ามาถึง ทุกคนก็เริ่มยุ่งวุ่นวายทั้งวันอีกครั้ง
หลี่ฮ่าวไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง ผู้ตรวจการณ์ระดับสามที่เพิ่งมาทำงานได้เพียงหนึ่งปีย่อมไม่มีสิทธิ์นั้นอยู่แล้ว พวกพี่อวี้และพี่โจวที่คุยกันก่อนหน้านี้เป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสอง พวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์นี้เช่นกัน
โต๊ะทำงานของหลี่ฮ่าวตั้งอยู่ในโซนทำงานบริเวณติดห้องน้ำแต่ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นมากมายอะไร เพียงแต่คนเดินผ่านไปผ่านมาวุ่นวายเลยทำให้หนวกหูอยู่บ้าง พวกคนมีอายุไม่ค่อยชอบตรงนี้กันสักเท่าไหร่
โต๊ะทำงานหลี่ฮ่าวและโต๊ะทำงานของเฉินน่าอยู่ฝั่งตรงข้ามหันหน้าเข้าหากัน
เฉินน่ามาก่อนหลี่ฮ่าวเพียงครึ่งปีซึ่งก็นับว่าเป็นผู้ตรวจการณ์มือใหม่เช่นกัน พวกเขาสองคนจึงมีประสบการณ์ยังไม่มากนัก
แต่อีกไม่นานกองตรวจการณ์ก็จะรับสมัครผู้ตรวจการณ์คนใหม่แล้ว หลังจากนั้นพวกเขาสองคนจะได้หลุดพ้นจากฉายาเด็กใหม่สักที
หลี่ฮ่าวกำลังก้มหน้าอ่านตรวจดูเอกสารคดีบางส่วนอยู่ ฝั่งตรงข้ามมีเสียงเคาะโต๊ะเบาๆ ดังขึ้น หลี่ฮ่าวเงยหน้ามองก็เห็นเฉินน่ากำลังฟุบตัวอยู่บนโต๊ะพลางเคาะโต๊ะเบาๆ ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวมองมาก็ฉีกยิ้มสดใสเอ่ยเสียงเบาว่า “หลี่ฮ่าว เดี๋ยวกองตรวจการณ์จะมอบหมายภารกิจมาให้ จะได้ออกไปทำงานข้างนอกหนึ่งเดือนนายจะสมัครไปไหม? พวกเราออกไปเที่ยวสักเดือนกัน ภารกิจจิ๊บจ๊อยเอง”
หลี่ฮ่าวนิ่งไปแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่ไม่นานเขาก็ส่ายศีรษะเอ่ย “ไม่ไปหรอก ออกไปก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย อีกอย่าง…ใช่ว่าจะปลอดภัยสักหน่อย”
“ปลอดภัยมากต่างหาก!”
เฉินน่ามีท่าทีกลุ้มใจเล็กน้อย “แค่คุ้มกันให้มหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยินก็เท่านั้น…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้หล่อนก็นิ่งไป พอคิดอะไรขึ้นได้ก็มองไปทางหลี่ฮ่าวอย่างเข้าใจในทันทีเลยเอ่ยด้วยความรู้สึกผิดว่า “อ้อ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย! นายไม่อยากเจออดีตเพื่อนร่วมชั้นกับอาจารย์ที่ปรึกษาใช่ไหมล่ะ เหมือนคนที่นำคณะลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้จะเป็นศาสตราจารย์หยวนซั่ว…”
หล่อนลอบด่าตัวเองไปทีว่าตัวเองดันลืมเรื่องนี้ไปเสียได้
หยวนซั่วก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาของหลี่ฮ่าวก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือไง?
ได้ยินมาว่าอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้สนใจหลี่ฮ่าวมาก แต่เพราะหลี่ฮ่าวไม่ฟังเขา รั้นจะลาออกให้ได้ ถึงขนาดเล่าลือกันว่าอีกฝ่ายซัดหลี่ฮ่าวไปยกหนึ่งด้วยซ้ำจนในกู่ย่วนเองก็วุ่นวายไม่น้อย แถมยังทำให้นักศึกษาในกู่ย่วนจำนวนมากด่าว่าหลี่ฮ่าวไม่สำนึกในความหวังดีของคนอื่น
หยวนซั่วเป็นใคร?
เขาเป็นหนึ่งในบรรดาเหล่าผู้อาวุโสชั้นต้นๆ ของกู่ย่วน มีนักศึกษามากมายอยากกราบเขาเป็นอาจารย์ สุดท้ายกลายเป็นว่าไม่มีใครเข้าตาเขาเลยสักคน
หลี่ฮ่าวอมยิ้มแต่ไม่ได้คัดค้านอะไร
ไม่อยากเจออย่างนั้นเหรอ?
ก็ไม่ได้ขนาดนั้น
ภายนอกเล่าลือกันออกจะเกินจริงไปหน่อยเพราะความจริงไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น อาจารย์หยวนแค่เสียใจกับทางที่เขาเลือกก็เท่านั้น เมื่อไม่กี่วันก่อนหลี่ฮ่าวยังแวะไปเยี่ยมเยียนและทานมื้อเย็นกับอาจารย์อยู่เลย ไม่ใช่ว่าเจอหน้าแล้วอีกฝ่ายจะเอาแต่ตีตนอย่างที่คนภายนอกเล่าลือกันเสียหน่อย
แน่นอนว่าเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องอธิบาย คนภายนอกจะเล่ากันไปอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามความปรารถนาของพวกเขาก็พอ เพราะยิ่งอธิบายก็ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม
‘อาจารย์หยวนเป็นหัวหน้านำคณะไปเหรอ…’
เขาคิดในใจ อาจารย์หยวนเป็นหนึ่งในศาสตราจารย์ชั้นอาวุโสเพียงไม่กี่คนของกู่ย่วน หากเขาเป็นหัวหน้านำคณะไปเรื่องความปลอดภัยก็คงไม่แย่นัก ไม่ว่าจะเป็นกองตรวจการณ์หรือแผนกอื่นๆ ย่อมป้องกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ตัวเขาเองก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้นหากกองตรวจการณ์เข้าร่วมด้วยน่าจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรมากมายเพราะฝ่ายที่รับผิดชอบความปลอดภัยของอาจารย์หยวนเกรงว่าจะไม่ใช่กุ้งแห้งตัวเล็กๆ อย่างกองตรวจการณ์หรอกแต่คงเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาลที่ตนได้ยินชื่อตลอดหนึ่งปีมานี้
ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นหน่วยปฏิบัติงานเหมือนกับกองตรวจการณ์
ทว่า…รับผิดชอบคดีที่แตกต่างไปจากกองตรวจการณ์ เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะรับผิดชอบเพียงคดีที่หลักฐานไม่เพียงพอและคดีที่ยังคลี่คลายไม่ได้ซึ่งก็คือคดีที่กองตรวจการณ์จนปัญญาที่จะจัดการได้ หรือจะพูดตรงๆ ก็คือคดีที่ซับซ้อนต่างๆ จะมอบหมายให้ฝ่ายนั้นไปจัดการนั่นเอง
คนภายนอกอาจจะไม่เข้าใจ แต่ขนาดคนส่วนมากในกองตรวจการณ์เองก็ยังไม่เข้าใจเลย
แต่หลี่ฮ่าวทำงานในห้องเก็บแฟ้มคดี หน้าที่หลักของเขาคือการรับผิดชอบจัดการเอกสาร สืบร่องรอยในคดีที่หลักฐานไม่เพียงพอและคดีที่ยังคลี่คลายไม่ได้เลยพอจะรู้อยู่บ้าง
‘ผู้พิทักษ์รัตติกาล!’
หลี่ฮ่าวเอ่ยในใจ การที่เขาเลือกลาออกมาทำงานในกองตรวจการณ์เป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสามอยู่ที่นี่นั้นมีความเกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์รัตติกาลอย่างมาก หรือจะพูดได้ว่าเป้าหมายเกินกว่าครึ่งพุ่งเป้าไปทางนั้น
แน่นอนว่าเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร
หน่วยงานนี้ดูลึกลับเกินไป อันที่จริงก่อนหลี่ฮ่าวจะเข้ามาทำงานในกองตรวจการณ์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาพอจะรู้คร่าวๆ มาจากอาจารย์หยวนอยู่บ้าง แต่รู้เพียงว่ามีหน่วยปฏิบัติการแบบนี้อยู่ด้วยซึ่งคนทั่วไปไม่มีทางรู้แน่นอน
แต่ก่อนลาออกจากมหาวิทยาลัย หลี่ฮ่าวพอจะรู้มาบ้างว่าความจริงแล้วกองตรวจการณ์เป็นแผนกย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาล คนนอกไม่รู้แต่หลี่ฮ่าวได้ยินอาจารย์หยวนเปรยมาประโยคหนึ่งว่าคนที่มีความสามารถในกองตรวจการณ์จะถูกโยกย้ายไปอยู่ที่นั้น
‘หนึ่งปีแล้ว ตอนนี้ถือว่าเราเองก็เป็นตัวเต็งของกองตรวจการณ์เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้พิทักษ์รัตติกาลหรือเปล่า’
หลี่ฮ่าวแอบคิดในใจซึ่งแฝงไปด้วยความร้อนรนอยู่บ้าง แต่เขาก็พยายามสะกดอารมณ์ รักษาสีหน้าให้เป็นปกติไม่แสดงออกให้ใครเห็นแม้แต่น้อย
น่าจะใกล้แล้วล่ะ!
เขารู้สึกว่าระยะนี้เมืองหยินจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ทว่ากองตรวจการณ์กลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าคงต้องปล่อยให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นคนจัดการเท่านั้น
ตอนนี้เขาขาดเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น!
……………………………………………………