STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 22-4 ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ (4)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 22 ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ (4)

แต่ตอนนี้จู่ๆ เขาก็เริ่มสงสัย

หรือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณนะ

กระบี่เล่มหนึ่งที่ยังไม่เปิดผนึก!

ตอนนี้เขาลองสัมผัสดูก็พบว่าบาดแผลตรงหัวใจของตนสมานแผลดีขึ้นบ้างแล้ว มันช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง

นี่ก็บ่งบอกว่าถ้าดูดซับอีกสักสามถึงห้าครั้ง หัวใจก็จะหายเป็นปลิดทิ้งได้เลยอย่างนั้นเหรอ

แล้วถ้าดูดซับอีกหนึ่งถึงสองครั้งรอยบาดแผลทั้งตัวก็จะหายเกลี้ยง

ดูดซับอีกหนึ่งถึงสองครั้ง ฉัน…หรือฉันจะฟื้นฟูร่างกายกลับสู่ช่วงเฟื่องฟูในวัยหนุ่มจนสามารถทะลวงบรรลุถึงพันยุทธ์ได้

อย่าล้อเล่นน่า!

ฉันถอดใจไปแล้ว ยอมแพ้ไปแล้ว…ฉันจะยังทะลวงถึงพันยุทธ์ได้อีกอย่างไร

แล้ว…แล้วพอฉันทะลวงถึงพันยุทธ์ก่อนจะบรรลุไปสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ… ถ้าอย่างนั้นฉัน…ก็มีความหวังมากกว่าเมื่อหลายปีก่อนน่ะสิ

เขากลืนน้ำลายพลางอดจินตนาการไม่ได้

จากนั้นหัวใจก็เริ่มเต้นรัว

เขามองหลี่ฮ่าวเอ่ยถามกะทันหัน “เธอบอกคนอื่นหรือยัง”

หลี่ฮ่าวแอบกลัวนิดหน่อย ทำไมถึงถามด้วยน้ำเสียงนี้นะ อาจารย์คิดจะปล้นเขาจริงหรือ

“อาจารย์…ใจเย็น ใจเย็นๆ นะครับ! ผมไม่ได้บอกใคร มีแค่ผมรู้ อ้อ แล้วก็หมาตัวหนึ่ง”

“งั้นก็ดี!”

หยวนซั่วพยักหน้า จากนั้นก็ชักรู้สึกแปลกใจขึ้นมา

ฉันก็รู้นี่นา!

เจ้าเด็กหลี่ฮ่าวปากบอกว่ามีแค่เขาที่รู้ กับหมาตัวหนึ่ง…แต่ทำไมคำพูดนี้กลับฟังดูเหมือนกำลังด่าคนอย่างไรอย่างนั้น

“ห้ามบอกใครอีกเด็ดขาด!”

หยวนซั่วพูดย้ำประโยคหนึ่งก่อนจะเอ่ยอีกว่า “แล้วก็…เจ้าโง่ เธอไม่ควรบอกแม้กระทั่งกับฉัน!”

หลี่ฮ่าวทำท่าลำบากใจ “ได้ไงล่ะครับ! ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ กับ ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ของล้ำค่าขนาดนั้นของอาจารย์บทจะให้ก็ให้ผมเลย อีกอย่างตลอดหลายปีมานี้อาจารย์ก็ดูแลผมมาตลอด ต่อให้ผมไม่บอกพ่อของผม ก็ต้องบอกอาจารย์แน่นอนอยู่แล้วครับ!”

“เหอะๆ!”

หยวนซั่วหัวเราะ “พ่อของเธออยู่ในดิน นี่เธอก็อยากให้ฉันถูกฝังลงดินเหมือนกันหรือไง”

“…ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”

“พอได้แล้ว ฉันรับรู้น้ำใจนี้แล้ว!”

หยวนซั่วพูดจบก็มองจี้หยกกระบี่ในมือแล้วโยนให้หลี่ฮ่าว ก่อนจะเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วเปิดปากกล่าว “ฉันคิดว่าพลังลี้ลับเหนือธรรมชาตินี้มีจำกัด อย่าใช้ฟุ่มเฟือย เลี้ยงหมาแล้วยังให้หมาอีก เธอนี่ไม่ใช่คนเลยจริงๆ!”

“อาจารย์ อาจารย์รู้สึกยังไงบ้าง”

“ก็งั้นๆ แหละ!”

“งั้นอาจารย์ก็ดูดซับอีกหน่อย…”

“ไม่ต้องแล้ว!”

หลี่ฮ่าวเองก็เป็นคนฉลาด อาการตกใจของอาจารย์เมื่อครู่เขาเห็นมันชัดเต็มตา ตอนนี้หลี่ฮ่าวพูดเสียงนิ่งว่า “อาจารย์ ครั้งนี้ผมเสี่ยงมาก! ถึงพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมันจะดี แต่ผมกลัวว่าผมจะไม่เหลือชีวิตรอดกลับมาใช้มัน! ถ้าอาจารย์เลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ได้จริงๆ หรือกลายเป็นปรมาจารย์แสงดาราได้ อย่างน้อยผมก็ยังมีชีวิตอยู่!”

“มาหลบกับฉันสักหนึ่งปี!”

สายตาของหยวนซั่วเป็นประกาย “หนึ่งปีหลังจากนี ถ้าเธอดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติประเภทนี้ได้อีกสักระยะ ปูพื้นฐานให้ดี ฉันรับรองว่าเธอต้องเลื่อนไปถึงขั้นทะลวงร้อยได้แน่นอน! อย่างน้อยก็เลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์แสงดาราในสถานะปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย แบบนี้หนึ่งปีต่อไปเธอก็จะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ต่อให้อยู่ท่ามกลางผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ไม่ใช่คนอ่อนแออีกต่อไป!”

“อาจารย์ อาจารย์มั่นใจหรือว่าผมหลบอยู่ที่นี่แล้วจะได้ผล อีกฝ่ายไม่ได้ของที่ต้องการมาครอบครอง ถ้าแพร่งพรายออกไปดึงดูดคนมากมาย หรือดึงดูดผู้พิทักษ์รัตติกาลจนหมายตาเข้าล่ะ”

ตอนนี้หลี่ฮ่าวเผยสีหน้าดุดันเช่นกัน “อาจารย์ อาจารย์ยังบอกว่ามีค่า จากประสบการณ์ตามรอยอารยธรรมโบราณมาหลายปีของอาจารย์ยังคิดว่าเป็นของดี แล้วคนอื่นล่ะ ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดไฟแต่ต้นลม”

หลี่ฮ่าวแยกเขี้ยวทำหน้าดุเพื่อเพิ่มความน่าเกรงขามให้ตัวเอง “บทเพลงพื้นบ้านของแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองหยิน อาจจะมีคนมากมายที่รู้ แต่พวกเขาไม่รู้รายละเอียดยิบย่อย แต่บางทีคนที่ฆ่าจางหย่วนอาจจะรู้รายละเอียดพวกนี้ก็ได้! ในเมื่อในสายตาคนอื่นเมืองหยินก็เป็นแค่เมืองเล็กๆ วัตถุเหนือธรรมชาติไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง อย่างน้อยก็ไม่ตกเป็นที่สนใจของคนใหญ่คนโต!”

“ส่วนผม ไม่มีความสามารถนั้น! ถ้าอาจารย์เลื่อนขั้นได้ กำจัดคนพวกนั้นไปได้ สำหรับผมแล้วเช่นนี้กลับเป็นการปกป้องผมในอีกรูปแบบหนึ่ง…หรือว่าอาจารย์ไม่มั่นใจพอว่าจะเลื่อนขั้นได้หรือฆ่าเจ้าหมอนั่นได้ใช่ไหมครับ”

“…”

หยวนซั่วมองลูกศิษย์คนนี้แน่นิ่ง ผ่านไปพักใหญ่ถึงพูดลอยๆ ขึ้นว่า “เจ้าเด็กนี่ ใจเหี้ยมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงพูดคำว่าฆ่าปิดปากคนแบบนี้ออกมาได้ง่ายๆ นะ”

ฉันไม่เคยสอนสักหน่อย!

สิ่งที่ฉันสอนเจ้าเด็กนี่ไปมีแต่สิ่งที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ ให้ตั้งใจเรียน ไม่เคยสอนเรื่องฆ่าคนปิดปากใครแก่เขามาก่อนสักครั้ง!

หลี่ฮ่าวหัวเราะเหมือนจิ้งจอกตัวน้อย “อาจารย์ อย่างน้อยผมก็อยู่กองตรวจการณ์มาหนึ่งปี ไม่เคยเห็นคดี ไม่เคยอ่านบันทึกแฟ้มคดีอะไรมาบ้างละครับ ชินแล้ว!”

วินาทีนี้หยวนซั่วรู้สึกว่ากองตรวจการณ์ทำให้ลูกศิษย์เสียคนไปแล้ว

หลี่ฮ่าวร้ายขึ้น!

ฉับพลันก็เกิดรู้สึกปวดใจขึ้นมา คนที่ฉันปลูกฝัง อยากปลูกฝัง ความจริงเขาคือคนดีคนหนึ่ง

“อาจารย์ ดูดซับได้ก็ดูดซับไปเถอะครับ อาจารย์เก่งขนาดนี้แต่ดูดซับไปแค่นิดเดียว ผมรู้สึกว่ายังไม่ดูดซับเยอะเท่าที่ผมดูดซับเมื่อคืนเลย!”

“…”

หยวนซั่วอิดออด หลี่ฮ่าวทำท่าหวังดีแล้วเอ่ยอย่างปวดใจไปว่า “อาจารย์ หากผมต้องเสียเปรียบให้คนนอก สู้เสียเปรียบให้อาจารย์ดีกว่า! อาจารย์ก็พูดมาตรงๆ เลยว่าดูดซับแล้วเลื่อนขั้นได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้บางทีผมอาจจะให้หัวหน้าหลิวลองดู เขาเลื่อนขั้นไปอาจจะเก่งมากเหมือนกัน…”

“พูดเหลวไหล!”

หยวนซั่วตะโกนด่าออกไป “เขาหลิวหลงเอาอะไรมาสู้กับฉัน อย่าว่าแต่หลิวหลงเลย แม้แต่พ่อของเขา หลิวฮ่าวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามปืนสหายแห่งหยินเยวี่ยหยินเชียง เจอฉันก็ต้องยอมเรียกฉันว่าคุณปู่ซั่วแต่โดยดี!”

หลี่ฮ่าวไม่พูดอะไร แค่อยากรู้ว่าพ่อของหลิวหลงก็เป็นปรมาจารย์นักรบเหมือนกันหรือ

แล้วยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามมือปืนสหายแห่งหยินเยวี่ย เพียงแต่ชื่อหยินเชียง…ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรเลย

หยิ่นเชียงหรือ

รู้สึกเหมือนพวกโรคจิตแปลกๆ!

“ช่างเถอะ!”

ทันใดนั้นเองหยวนซั่วก็ดวงตาลุกวาวขึ้นมา “ในเมื่อเธอยังไม่สนใจ ฉันหยวนซั่วจะมัวอ้ำอึ้งไปก็ดูขายหน้าจะแย่ ช่างเถอะๆ ดูดซับก็ได้! อย่างมากรอฉันประสบความสำเร็จค่อยแย่งของดีๆ กลับมาชดเชยให้เธอแล้วกัน!”

ขณะนี้ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างน่าตกใจ!

“ถ้าฉันฟื้นฟูร่างกายได้จริงๆ แผลหาย เลื่อนเป็นพันยุทธ์ได้…ต่อให้ฉันไม่เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เป็นแค่ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ก็กล้าท้าประลองคนทั้งโลกแล้ว! แค่ยี่สิบปี ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแค่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองหยินจะไม่มียืนสำหรับพันยุทธ์!”

หยวนซั่วในตอนนี้คิดได้แล้ว!

โอกาส ความหวัง อยู่ใกล้แค่เอื้อม!

เขามองหลี่ฮ่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “วางใจได้ ถ้าฉันดูดซับกระบี่นี้จนหมด ฉันก็จะหาทางแย่งอาวุธของตระกูลที่เหลือมาให้ด้วย!”

สิ้นคำก็เริ่มใช้วิชาคายรับห้าปาณภูตอย่างไม่อิดออด

พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเข้มข้นไหลทะลักออกมาอีกครั้ง!

“ไสหัวไป!”

ณ ตอนนั้นเองเสียงบันดาลโทสะก้องกังวาน หยวนซั่วตวาดเสียงเย็นทีหนึ่ง “ฉันกำลังสอนวิชาลับห้าปาณภูตให้ลูกศิษย์ฉัน ใครกล้าเข้าใกล้ก็ลองปะทะฝีมือกับปรมาจารย์ทะลวงร้อยตาแก่คนนี้ดูว่ายังฆ่าคนได้จริงหรือเปล่า!”

สิ้นเสียงตะคอกก็ทำให้รอบตัวเงียบลงในบัดดล

พวกคนรอบนอกที่ปกป้องเขา พวกคนที่คอยจับตามองเขาอยู่ก็ทยอยหายไป

ไม่มีใครกล้าแอบดูปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยสอนวิชาลับ นอกจากผู้แกร่งกล้าของผู้พิทักษ์รัตติกาลจะโผล่มา ส่วนผู้พิทักษ์รัตติกาลไก่อ่อนที่เหลือ หากเจอหยวนซั่วก็อาจรนหาที่ตายเอง

ยิ่งกว่านั้นยังไม่ถึงขั้นต้องฉีกหน้ากัน ตอนนี้รอบกายจึงกลับมาเงียบสงบ

ถึงเสือดุร้ายจะแก่ลงแต่ความน่าเกรงขามยังมีอยู่!

แม้หลี่ฮ่าวจะไม่เห็นคนที่อยู่ในที่ลับ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

นี่ก็คืออาจารย์ของตน อดีตปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ถึงยุคที่พลังเหนือธรรมชาติเป็นใหญ่ก็ยังคงเป็นที่หวาดผวาของทุกฝ่าย

“พันยุทธ์…”

หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงพึมพำอย่างตั้งตารอคอย ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์กับเงาโลหิตใครจะเก่งกว่ากันนะ

อาจารย์…ต้องเลื่อนขั้นให้ได้!

นี่คือไพ่ไม้ตายสำคัญที่สุดและเป็นที่พึ่งที่สำคัญที่สุดของเขา

…………………………………………………………….

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

Status: Ongoing
จี้หยกที่คิดว่าเป็นเพียงของดูต่างหน้า กลับนำมาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติ…และความตาย!นิยายแฟนตาซี-กำลังภายในที่จะพาคุณไปไขปริศนาเบื้องหลังคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดลึกลับซึ่งนำไปสู่โลกของพลังเหนือธรรมชาติและการต่อสู้อันดุเดือด!ว่ากันว่า…ในโบราณกาล ณ ส่วนลึกของท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวมีประตูสีแดงซึ่งถูกย้อมด้วยรอยเลือดและรอยไหม้ตั้งอยู่มาช้านานประตูซึ่งเป็นทางผ่านของแสงสว่าง ความมืด และตำนานอันไร้ที่สิ้นสุด…เมื่อเห็นเพื่อนสนิทตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างกะทันหันจากไฟที่ลุกท่วมร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ‘หลี่ฮ่าว’ ซึ่งไม่เชื่อว่าการตายของเพื่อนเป็นอุบัติเหตุจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยและเข้าทำงานในกองตรวจการณ์เพื่อสืบหาเบื้องหลังของเรื่องนี้และเพื่อล้างแค้นแทนเพื่อนสิ่งที่เขาไม่ได้บอกใครคือในคืนนั้นเขาได้เห็น ‘เงาโลหิต’ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติในที่เกิดเหตุต่อมาหลี่ฮ่าวก็ได้เบาะแสสำคัญที่พิสูจน์ว่าคดีนี้ไม่ปกติเขาค้นพบว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่เคยมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วถึงหกคดี!ที่น่าพิศวงยิ่งกว่านั้นคือเหยื่อทุกรายล้วนเป็นคนจากแปดตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านที่ร้องสืบต่อกันมาช้านานและตระกูลสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็คือ ‘ตระกูลหลี่’ ผู้ครอบครองกระบี่ ซึ่งก็คือตระกูลของเขาดูเหมือนว่าเป้าหมายของฆาตกรจะอยู่ที่อาวุธที่แต่ละตระกูลครอบครองอยู่และ ‘กระบี่’ ที่ว่านั่นก็ดันห้อยอยู่ที่คอเขาเนี่ยสินั่นหมายความว่าเหยื่อรายต่อไปคือตัวเขาเอง!ด้วยเหตุนี้ หลี่ฮ่าวจึงต้องหาทางเอาตัวรอดพร้อมกับสืบเรื่องนี้ต่อไปว่าแต่เจ้าจี้หยกรูปกระบี่นี่ดูเหมือนว่ามัน…จะมีพลังบางอย่าง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท