ตอนที่ 32 ปิดจบการต่อสู้ครั้งแรก (3)
หลิวหลงสายตาดูแปลกใจอยู่บ้าง “ตอนที่คุณลงมือไม่ได้ลังเลหรือชั่งใจเลยสักนิดเหรอ”
หลี่ฮ่าวลงมือได้เด็ดขาดจนไม่เหมือนเป็นการลงสนามจริงครั้งแรก!
ดูมืออาชีพเกินไปแล้ว!
นี่เป็นคุณสมบัติที่ปรมาจารย์นักรบอาวุโสควรมี อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์นักรบอาวุโสที่ประสบการณ์โชกโชนถึงจะตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องชั่งใจอะไรก็ชิงล้มคู่แข่งก่อนเลย!
“ชั่งใจเหรอ”
หลี่ฮ่าวครุ่นคิด ครั้งนี้ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เขาอธิบายว่า “เพราะผมรู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูเลยไม่รู้สึกเห็นใจพวกเขา! อีกอย่างตอนอาจารย์สอนผมเคยบอกไว้ว่า ถ้าวันไหนได้ลงมือสู้จริงๆ อย่าไปสนใจเรื่องอื่น ชิงล้มอีกฝ่ายให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน! ยิ่งเป็นคู่แข่งที่เก่งกาจเท่าไรก็ต้องยิ่งโหดเหี้ยมมากเท่านั้น! ไม่อย่างนั้นคนที่ซวยก็ต้องเป็นตัวเองแน่ๆ!”
ก็ได้!
หลิวหลงคิดไม่ถึงว่าหลี่ฮ่าวจะเชื่อฟังขนาดนี้
หยวนซั่วพูดอย่างนั้น นั่นเป็นเพราะศัตรูที่สู้กับเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง และล้วนเป็นคู่อริที่ต้องกำจัดทิ้ง
ทว่าหลี่ฮ่าวกลับไม่ใช่…
แน่นอนว่าเท่าที่ดูในตอนนี้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องดี
เจ้าเด็กหนุ่มที่ถูกเขาประเมินไว้ว่าเป็นแค่ไก่อ่อน ผลการลงสนามจริงครั้งแรกกลับดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก
ปรมาจารย์นักรบสิบสังหารคนหนึ่งกับปรมาจารย์นักรบที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นสิบสังหารร่วมมือกันแต่กลับถูกหลี่ฮ่าวโจมตีจนตั้งรับไม่ทัน และจบการต่อสู้ภายในสามนาที ผลคือทั้งสองบาดเจ็บสาหัส ส่วนหลี่ฮ่าว…มือแตก!
ใช่แล้ว ลงมือหนักเกินไป เมื่อกี้เหมือนเขาจะต่อยโดนกระดูกที่โผล่พ้นออกมาจากโจวเฮ่อพลางโดนกระดูกขูดเข้าใส่ ทำให้ตอนนี้เลือดไหลเล็กน้อย นอกจากนี้แล้ว…ก็เหมือนไม่มีบาดแผลอะไรอีก!
นี่เป็นผลการต่อสู้ของมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหาร!
หลิวหลงสามารถบอกได้เลยว่าในบรรดาปรมาจารย์นักรบที่เขาเคยพบมา แทบไม่มีใครทำถึงขนาดนี้ได้ ต่อให้เป็นเขา ครั้นที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารใหม่ๆ ก็ทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ การลงสนามจริงครั้งแรกของเขา ศัตรูก็เป็นสิบสังหารมือใหม่คนหนึ่ง แต่ผลลัพธ์คือเกือบจะโดนอีกฝ่ายเอาถึงตาย!
ไม่ใช่เขาเอาอีกฝ่ายถึงตาย แต่อีกฝ่ายเกือบจะเอาเขาถึงตาย
“เพื่อน นายเก่งมาก!”
เฉินเจียนยกนิ้วโป้งให้!
นับถือจริงๆ!
หมอนี่ดูท่าทางอ่อนแอสุภาพเรียบร้อย บางครั้งถูกหลิวเยี่ยนหยอกล้อยังขี้อาย…น้องชายขี้อายแบบนี้กลับจัดการปรมาจารย์นักรบสองคนจนไม่เหลือสภาพในการลงสนามจริงครั้งแรกต่อหน้าพวกเขา!
เจ้าผอมอู๋เชาก็รู้สึกกลัวจับใจ “โชคดีที่ระหว่างเราประลองฝีมือก่อนหน้า นายไม่ได้ลงมือโหดขนาดนั้น!”
หมอนี่ โดยเฉพาะท่าตะกุย ตะกุยทีเนื้อหลุดเป็นชิ้นจริงๆ!
เฉินเจียนยังดี พลังป้องกันตัวแกร่งมาก
พลังป้องกันตัวของเขาไม่ดีเท่าไร ถ้าถูกหลี่ฮ่าวตะกุยแบบนี้คงไม่เหลือเนื้อติดตัวแล้ว!
หลี่ฮ่าวทำท่าเขินอายหน่อยๆ รีบอธิบายว่า “พวกเขาเป็นคนไม่ดี เราเป็นฝ่ายยุติธรรม! ผมลงมือกำราบศัตรู ถือเป็นการผดุงความยุติธรรม! แล้วจะลงมือกับคนฝ่ายตัวเองได้อย่างไรเล่า”
“ยุติธรรม!”
พวกหลิวหลงชะงักน้อยๆ พลางหันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียง
หลิวเยี่ยนหัวเราะจนปากแทบหุบไม่อยู่ ก้มลงเอามือกุมหน้าอกพลางหัวเราะไม่หยุด
ทว่าเบื้องหน้าหลี่ฮ่าวกลับเป็นสีขาวแยงตา
เขาอดเตือนประโยคหนึ่งไม่ได้ “พี่หลิว กระดุมเสื้อพี่ไม่ได้ติด!”
“…”
เกิดความเงียบในฉับพลัน
หลิวเยี่ยนลุกพรวดมองหลี่ฮ่าวด้วยใบหน้าตกตะลึง ชี้นิ้วด่าอย่างอดไม่ได้ “นายยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม เวลานี้นายกลับตักเตือนฉันว่าไม่ได้ติดกระดุมเหรอ”
หลี่ฮ่าวทำหน้าใสซื่อ
ทำไมล่ะ
ไม่ได้หรือ
พวกหลิวหลงสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นแต่ละคนก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่อีกต่อไป
ในสถานการณ์นี้แต่ละคนกลับหัวเราะอย่างเบิกบานใจ!
แม้แต่อวิ๋นเหยายังพูดติดขำๆ ว่า “รองหัวหน้าหลิว เห็นที…ใช่ว่าวิธีนี้ของเธอจะทำให้ผู้ชายหลงกลทุกคนนะ!”
“เชอะ เธอมีไหมล่ะ”
แม้หลิวเยี่ยนจะหวาดกลัวอวิ๋นเหยา แต่ตอนนี้หล่อนอดโต้กลับประโยคหนึ่งไม่ได้ว่า ฉันพอใจนี่นา แล้วเธอมีต้นทุนอย่างฉันไหมล่ะ
อวิ๋นเหยาเงียบไปทันตามองหลิวเยี่ยนด้วยสายตาที่ดูแปลกไป สายตานั่น…เหมือนกำลังจะหาโอกาสทุบหลิวเยี่ยนสักที!
ส่วนหลี่ฮ่าวกลับไม่สนใจพวกเขาอีก
เขามองสองคนที่ยังนอนกระอักเลือดแวบหนึ่ง อดถามไม่ได้ว่า “จะจับมาถามหน่อยไหม ดูว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง พี่อวิ๋นเหยา พี่เป็นคุณหมอ ช่วยดูพวกเขาทีได้ไหมครับ อย่าให้ตายนะ เดี๋ยวจะถามอะไรไม่ได้อีก!”
“นายนี่ช่างใจดำจริงๆ!”
หลิวเยี่ยนด่ายิ้มๆ ทีหนึ่ง จนป่านนี้แล้วเจ้าหมอนี่ยังไม่ลืมเรื่องนี้อีก
เยี่ยมจริง!
หลี่ฮ่าวยิ้มแห้งและลุกขึ้นยืน พรูลมหายใจแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “การลงสนามจริงให้ความรู้สึกต่างกันจริงๆ ตื่นเต้นมาก! หลักๆ คือรู้สึกประหม่าไม่น้อย เมื่อกี้ผมตื่นเต้นมากเลย! ตกใจแทบแย่ โดยเฉพาะสองคนนั้น ผมกลัวว่าพวกเขาสองคนจะโจมตีผมจากทั้งหน้าและหลังพร้อมกัน…ลูกพี่ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ปกติควรรับมือยังไงเหรอครับ”
หลิวหลงมองเขาไม่พูดอะไร
ถามไร้สาระ!
เมื่อกี้นายก็รับมือไปแล้วไม่ใช่หรือ
เลือกโจมตีคนหนึ่งให้พิการไปก่อนค่อยลงมือจัดการอีกคน แค่นี้ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ
แล้วยังจะรับมืออย่างไรอีก
คำถามของเจ้าหมอนี่ฟังดูกวนประสาทแปลกๆ แฮะ!
หลี่ฮ่าวกลับถามจากใจจริงเอ่ยอีกว่า “ลูกพี่ มีอีกหนึ่งอย่าง อาจารย์ผมไม่เคยสอนผม ความจริงท่าตะกุยไม่ถือว่าแข็งแกร่งมาก หากมือเปื้อนเลือดอาจส่งกระทบกับการต่อสู้ เลือดเนื้อทำให้แยกไม่ออก ส่วนเลือดเหนียวหนืดติดมือด้วย ตอนสู้กันทำให้มือลื่นอีก ถึงตอนนั้นควรทำยังไงดีครับ”
หลี่ฮ่าวถามด้วยท่าทีเหมือนนักเรียนถามอาจารย์ ถามด้วยความจริงใจว่า “ถึงเวลานั้นผมคงไม่มีเวลาว่างเช็ดมือ โชคดีที่ไม่ใช้อาวุธ ไม่งั้นอาวุธเปื้อนเลือดจะมือลื่นง่ายยิ่งกว่าเดิม ลูกพี่ ปกติลูกพี่ทำยังไงเหรอ”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
นี่เป็น…คำถามที่คาดไม่ถึงอย่างหนึ่ง คาดไม่ถึงจนหลิวหลงเผลอสติหลุดไปชั่วครู่
หลี่ฮ่าวรังเกียจกระบวนท่าตะกุยเพราะนองเลือดเกินไป ไม่ใช่ว่าศัตรูเจ็บปวดมากแค่ไหนหรือบาดเจ็บมากเท่าไร แต่รังเกียจที่กระบวนท่าตะกุยทำให้มือตัวเองต้องสกปรก มือลื่นเปื้อนเลือดจะทำให้เขาจับอาวุธไม่ถนัด
นี่เป็นข้อสงสัยในการลงสนามจริงแน่เหรอ
คงใช่ล่ะมั้ง!
แต่ไม่เคยมีใครถามอย่างหน้าตาเฉยเหมือนหลี่ฮ่าวมาก่อน ถามตรงไปตรงมาไม่อิดออดว่าเขาอยากแก้ปัญหาตรงนี้จริงๆ
อวิ๋นเหยาอดตอบไม่ได้ “หลี่ฮ่าว นาย…ไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยเหรอ ไหนว่าทำความผิดแล้วจะรู้สึกผิดไง โดยปกติแล้วถ้าได้ลงสนามจริงครั้งแรก แถมยังเป็นภาพแบบนี้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์นักรบ ก็ต้องรู้สึกผิดหรือละอายใจอยู่ไม่มากก็น้อย นายไม่มีเลยเหรอ”
หลี่ฮ่าวคนนี้มีปัญหาทางจิตหรือเปล่า
หรือว่าเกิดมาเป็นคนเลือดเย็นโดยกำเนิดกันนะ
……………………………………………………………