STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 33-3 คนดีดวงดี (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 33 คนดีดวงดี (3)

หลินเยี่ยนเอ่ยต่อ “ความจริงหากมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขั้นสุริยะพรายโผล่มาจะดีกว่านี้ กลัวก็แต่คนที่โผล่มาส่วนใหญ่จะเป็นขั้นจันทราทมิฬและปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย ผู้กล้าขั้นสุริยะพรายเพียงคนเดียว แม้การต่อสู้เดี่ยวๆ จะแข็งแกร่ง…แต่อาจทำอะไรได้อย่างมีขีดจำกัด ตอนนี้เรากังวลว่าวันที่ฝ่ายตรงข้ามจู่โจม พวกเขาจะแบ่งกองกำลังกัน! ใช้คนส่วนหนึ่งต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาเรา แล้วอีกส่วนหนึ่งก็ไปจัดการนายตามลำพัง!”

หลี่ฮ่าวเงียบกริบ เรื่องนี้ยุ่งยากพอตัวทีเดียว

หลิวหลงมองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ดังนั้นผมถึงมีอีกแผนหนึ่ง…กระบี่ของตระกูลหลี่อยู่ในมือคุณ อีกฝ่ายอาจต้องการชีวิตคุณหรือกระบี่! ทางที่ดีเราควรแยกกันทำภารกิจ…ถ้าคุณไว้ใจผมก็ส่งกระบี่มาอยู่ภายใต้การดูแลของผม หากเป็นแบบนี้พวกเขาก็จะไม่ได้จัดการคุณเพียงคนเดียว แม้จะแยกเราออกจากกันจริง แต่แรงกดดันของอีกฝ่ายที่คุณได้รับจะลดลงค่อนข้างมาก”

ใช่ เป้าหมายหลักของเขาก็คือหวังว่าหลี่ฮ่าวจะมอบกระบี่ให้เขา

ในสายตาของพวกเขา หลี่ฮ่าวเป็นเพียงคนธรรมดา

หากกระบี่อยู่กับหลี่ฮ่าว แน่นอนว่าเขาอาจถูกโจมตีขั้นรุนแรงที่สุด แต่ถ้ากระบี่ไม่ได้อยู่กับหลี่ฮ่าว แม้หลี่ฮ่าวจะถูกจับแยกออกไปแต่ก็คงถูกโจมตีด้วยความรุนแรงระดับหนึ่งเท่านั้น

เรื่องที่หลี่ฮ่าวเป็นปรมาจารย์นักรบสิบสังหารยังคงเป็นความลับอยู่

หากฝ่ายตรงข้ามดูแคลนหลี่ฮ่าวแล้วส่งเพียงผู้ที่มีความสามารถเทียบเท่าสิบสังหารมาจัดการหลี่ฮ่าว ถึงเวลานั้นอาจสร้างความประหลาดใจเหนือคาดให้คนพวกนั้นก็ได้!

แต่กระบี่ของตระกูลหลี่…หลี่ฮ่าวจะวางใจมอบมันให้คนอื่นเหรอ?

หลิวหลงเริ่มครุ่นคิด เพราะแบบนี้อาจทำให้หลี่ฮ่าวคิดว่าเขากำลังคิดจะฮุบสมบัติสืบทอดของตระกูลก็ได้

“ให้ลูกพี่ครับ!”

ขณะที่กำลังครุ่นคิด หลี่ฮ่าวก็หยิบกระบี่ออกมา

จากนั้นก็วางไว้บนโต๊ะ!

หลิวหลงผงะเล็กน้อยมองหลี่ฮ่าวอย่างเหนือคาด

หลี่ฮ่าวยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ “หากผมไม่เชื่อใจลูกพี่แล้วผมจะเชื่อใครละครับ ในเมื่อเข้าทีมเดียวกันแล้ว ผมก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม! ผมเข้าใจความคิดของลูกพี่ เพราะทุกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของผม ผมควรซาบซึ้งใจไม่ใช่เคลือบแคลงใจมากกว่า! ก็แค่กระบี่เล่มหนึ่งเท่านั้น อาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าหรือไม่เลยก็ได้…แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้วิธีการใช้มัน เก็บไว้ข้างกายก็เป็นหายนะเปล่าๆ…ลูกพี่เก็บมันไว้ติดตัวยังต้องรับความเสี่ยงมากกว่าอีก!”

ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา หลิวหลงเองก็พลอยซาบซึ้งใจไปด้วย!

หลิวหลงมองกระบี่บนโต๊ะพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังลี้ลับ กระบี่เล่มนั้นแค่มองภายนอกก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา คลื่นพลังลี้ลับชวนให้รู้สึกอัศจรรย์ใจไม่น้อย

หลี่ฮ่าวหยิบกระบี่ออกมาโต้งๆ แบบนี้เลยเหรอ!

วินาทีนี้หลิวหลงพลันคิดว่าใช้หลี่ฮ่าวเป็นเหยื่อล่อเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วเหรอ

ไม่ยุติธรรมกับเขาเอาเสียเลย

ทว่าความคิดนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฮ่าวจำเป็นต้องเป็นเหยื่อล่อ เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

“หลี่ฮ่าว…”

วินาทีนี้หลิวหลงไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดด้วยท่าทีหนักแน่น “วางใจได้ ขอแค่ผมรอดกระบี่ก็จะยังอยู่! อีกเรื่อง หากภารกิจนี้เสร็จสิ้น สุดท้ายพวกเราตายกันหมดแล้วคุณรอด…ทุกอย่างในทีมล่าปีศาจจะตกเป็นของคุณ!”

พ่อคนดี!

หลี่ฮ่าวพูดไม่ออก ทั้งหมดนี้เป็นของเราหมดเลยเหรอ

เพียงชั่วพริบตาเราก็เอาชนะใจหัวหน้าทีมล่าปีศาจได้แล้วเหรอ

ทำไมเหล่าหลิวถึงได้อารมณ์อ่อนไหวง่ายขนาดนี้นะ!

หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตนเป็นคนมีเหตุมีผลพอสมควร แต่หลิวหลงกลับเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวเหลือเกิน แม้กระทั่งคำพูดที่ว่าผมรอดกระบี่ก็จะยังอยู่ยังหลุดออกมาจากปากเขาได้

“ลูกพี่ เราต้องชนะได้อยู่แล้ว! ความยุติธรรมต้องชนะ!”

หลี่ฮ่าวเอ่ยให้กำลังใจเขา

ส่วนหลิวหลงกลับไม่ได้พูดอะไร

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงหยิบตำราเล่มสีเหลืองเล่มหนึ่งโยนให้หลี่ฮ่าว “เอากลับไปอ่านเอง มันอาจมีประโยชน์กับคุณบ้าง แต่ถ้าไม่มีประโยชน์อะไรก็ถือว่าอ่านยามว่างแล้วกัน”

พอพูดจบหลิวหลงก็หยิบกระบี่ก้าวเดินออกจากห้องไป

หลังจากเขาเดินออกไป หลิวเยี่ยนก็คว้าตำราเล่มเหลืองนั้นมาทันที ครั้นกวาดตามองแวบหนึ่งก็มองหลี่ฮ่าวด้วยสีหน้าอิจฉา “ใช่จริงๆ ด้วย นี่มันตำรา ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ ที่เขาถนัดที่สุด เจ้าหมอนี้ก็ช่าง…”

พอเห็นหลี่ฮ่าวเหมือนไม่เข้าใจจึงอธิบายว่า “นี่คือเคล็ดลับในการฝึกฝนปรมาจารย์นักรบของหัวหน้า ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ ตามชื่อของมัน เมื่อมันระเบิดพลังออกมาพลังทั้งเก้าจะแข็งแกร่ง! นี่คือเคล็ดวิชาลับฝึกฝนของคุณพ่อของหัวหน้าที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น เวลานั้นพ่อของเขาก็คือสุดยอดปรมาจารย์แห่งมณฑลหยินเยวี่ย!”

หลี่ฮ่าวรู้จัก!

มือทวนแห่งมณฑลหยินเยวี่ย!

หนึ่งในมือทวนของมณฑลหยินเยวี่ย แม้แต่อาจารย์ยังเคยบอกว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย ไม่อย่างนั้นอาจารย์คงไม่พูดถึงเขาหรอก

นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์การใช้ปืนแต่มันคือ ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ ซึ่งทำให้หลี่ฮ่าวค่อนข้างเหนือคาดอยู่บ้าง

แน่นอนสิ่งที่คาดไม่ถึงกว่าก็คือ ‘สิ่งนี้…ให้เราแล้วจริงๆ เหรอ?’

ความจริงการถ่ายทอดวิชาของปรมาจารย์นักรบเข้มงวดกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากโข

หลิวเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “เก็บไว้ให้ดี ตั้งใจอ่าน…เคล็ดลับในตำรานี้ยอดเยี่ยมไม่ด้อยไปกว่าตำราใหม่ห้าปาณภูตของอาจารย์นายแน่นอน! เคล็ดลับของอาจารย์นายมีครบรอบด้านก็จริง แต่หากครอบคลุมมากไปก็มีข้อเสีย ระเบิดพลังได้ไม่สุด! ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ เป็นวิทยายุทธที่มีพลังทำร้ายล้างขั้นสุดยอด ระเบิดพลังเก้าชั้น…แน่นอนว่าคนธรรมดาทำไม่ได้ ร่างกายก็ไม่แข็งแกร่งพอสำหรับอีกฝ่ายด้วย!”

เธอถอนหายใจอีกครั้งแล้วลุกเดินออกไป

เพราะการที่หลิวหลงทิ้งสิ่งนี้ไว้ทำให้หลิวเยี่ยนรู้สึกอันตราย อันตรายอย่างมาก

สำหรับปรมาจารย์บางท่านแม้ต้องตายยังไม่ยินยอมถ่ายทอดวิชาของตัวเองให้ใคร

ก่อนหน้านี้หลิวหลงก็ยังไม่ยอมเลย แต่จู่ๆ ตอนนี้กลับถ่ายทอดมันให้หลี่ฮ่าว…นี่หมายความอะไร

ครั้งนี้คงเดินหน้าไม่มีถอยแล้วสินะ

ส่วนหลี่ฮ่าวถือตำราเล่มนั้นไว้พลันรู้สึกหนักใจเล็กน้อย คิดจะถ่ายทอดให้เราง่าย ๆแบบนี้เลยเหรอ

“เก้าหลอมแรงปราณ…”

เคล็ดวิชายุทธ์ที่ถนัดระเบิดพลังมากที่สุด

หลี่ฮ่าวไม่เข้าใจว่ามันล้ำค่ามากเพียงใด แต่ดูจากฝีมือและความถนัดของหลิวหลงคงไม่แย่แน่นอน

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาแล้วกดโทรออก

ในฐานะลูกศิษย์ที่สนิทสนมกับศาสตราจารย์หยวนซั่ว เขาไม่อาจเรียนรู้ตำราและรับการถ่ายทอดวิชาจากปรมาจารย์นักรบท่านอื่นได้

“อาจารย์ครับ!”

“มีอะไร?”

น้ำเสียงของหยวนซั่วฟังดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง อาจเพราะเพิ่งดูดซับพลังหินมีดไป

“อาจารย์เคยได้ยิน ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ บ้างไหมครับ?”

“เพ้อเจ้อ! จุดเด่นและความถนัดของแม่ทัพปกป้องแห่งมณฑลหยินเยวี่ย ทวนปราณพลังเก้าชั้นเป็นตำราที่ไม่เลวเล่มหนึ่งเชียว การระเบิดพลังของมันแข็งแกร่งมาก แต่ก่อนฉันเคยเอาตำราใหม่ห้าปาณภูตไปขอแลก เจ้าหมอนั่นยังไม่ยอมแลกเลย…แต่เจ้าหมอนั่นตายเร็วก็เพราะวิชายุทธ์นี้ด้วย เนื่องจากเป็นทวนปราณพลังเก้าชั้น ร่างกายจึงรับไม่ไหว อายุยังน้อยแต่แขนพิการทั้งสองข้างและตรอมใจตายในที่สุด! แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันร่างกายแข็งแรง แม้แต่หมัดปราณพลังเก้าชั้น ยังจัดการพวกสุริยะพรายจนเรียกชื่อแม่ไม่ถูกได้เลย!”

คำพูดของอาจารย์แลดูเหมือนดูถูก แต่แท้จริงแล้วมันคือการยกย่องตำราเคล็ดลับเล่มนี้

หลี่ฮ่าวครุ่นคิดเอ่ยสียงเบา “คือว่า…หัวหน้าส่งต่อมันให้ผม ผมขอเรียนรู้มันได้ไหมครับ”

“อะไรนะ?”

หยวนซั่วผงะไป ในไม่ช้าเขาก็ตะโกนขึ้นทันที “บ้าน่า เรียนสิ! ร่างกายของเธอดีจะตายไปเหมาะสมกับเจ้านี่มากด้วย ก่อนหน้านี้ฉันคิดจะหาวิชายุทธ์ที่เหมาะกับเธออยู่เหมือนกัน…เจ้านี่ดีจะตายไป! พอพวกหลิวหลงแก่ตัวลงล้วนเป็นพวกขี้โรค แกคงไม่เป็นไร! ฉะนั้นเรียนซะ!”

พูดไปก็นึกสงสัยขึ้นจึงเอ่ยถามว่า “ทำไมถึงให้เธอล่ะ?”

แค่ไม่กี่วันเอง!

หลิวหลงบ้าไปแล้วหรือไร

แค่นี้ก็ก็ยอมถ่ายทอดแล้วเหรอ

อีกอย่างเจ้าเด็กนี่หลอกล่อเก่งขนาดนั้นเชียว

เขาไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย!

หลี่ฮ่าวอึกอัก “ผมเองก็ไม่รู้ ผมแค่เอากระบี่เล่มนั้นให้หัวหน้าไป เขาก็ถ่ายทอดสิ่งนี้ให้ผมแล้ว…”

เอาเถอะ!

ความจริงหยวนซั่วรู้ดีว่ากระบี่เล่มนั้นไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอะไร ใครถือครอบครองคนนั้นก็ต้องประสบกับหายนะอยู่ร่ำไป

พอดีเลย กำจัดหายนะออกไปได้สักที ทั้งยังหลอกล่อให้หลิวหลงซาบซึ้งได้อีกด้วย?

ทำเอา…พูดไม่ออกเลยจริงๆ!

“เอาเถอะ เธอศึกษาเองแล้วกัน นี่เป็นเคล็ดวิชาลับของปรมาจารย์ท่านอื่น ฉันเลยไม่เหมาะที่จะศึกษาและไม่เหมาะที่จะให้คำชี้แนะกับเธอ แต่เคล็ดวิชาลับเล่มนี้เหมาะกับนายมากจริงๆ หากฝึกฝนสำเร็จสามารถปล่อยพลังสามชั้นได้ ถึงแม้เธอจะเพิ่งขึ้นเป็นสิบสังหาร แต่ก็อาจกำจัดสิบสังหารระดับกลางได้เลย!”

เห็นได้ชัดว่าหยวนซั่วให้ค่ากับสิ่งนี้มากทีเดียว

ส่วนผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย สำหรับหลี่ฮ่าวคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะเขามีพลังแสงดาราอยู่ หยวนซั่วเองก็รู้เรื่องนี้ดี

หลังจากวางสายไป

ณ ลานตระกูลหยวน

หยวนซั่วหัวเราะร่าพร้อมสบถขึ้นว่า “ให้ตายสิ เจ้าเด็กนั่นดวงดีชะมัด”

ดีสุดๆ ไปเลย!

รู้สึกว่าของดีทุกอย่างมักตกมาถึงมือเสมอ!

เก้าหลอมแรงปราณ!

มือทวนแห่งมณฑลหยินเยวี่ย…เจ้าหมอนั่น กระทั่งตายไปแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าเคล็ดวิชาลับของตระกูลแก สุดท้ายก็มาตกอยู่ในมือลูกศิษย์ฉัน!

………………………………………………………………

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

Status: Ongoing
จี้หยกที่คิดว่าเป็นเพียงของดูต่างหน้า กลับนำมาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติ…และความตาย!นิยายแฟนตาซี-กำลังภายในที่จะพาคุณไปไขปริศนาเบื้องหลังคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดลึกลับซึ่งนำไปสู่โลกของพลังเหนือธรรมชาติและการต่อสู้อันดุเดือด!ว่ากันว่า…ในโบราณกาล ณ ส่วนลึกของท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวมีประตูสีแดงซึ่งถูกย้อมด้วยรอยเลือดและรอยไหม้ตั้งอยู่มาช้านานประตูซึ่งเป็นทางผ่านของแสงสว่าง ความมืด และตำนานอันไร้ที่สิ้นสุด…เมื่อเห็นเพื่อนสนิทตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างกะทันหันจากไฟที่ลุกท่วมร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ‘หลี่ฮ่าว’ ซึ่งไม่เชื่อว่าการตายของเพื่อนเป็นอุบัติเหตุจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยและเข้าทำงานในกองตรวจการณ์เพื่อสืบหาเบื้องหลังของเรื่องนี้และเพื่อล้างแค้นแทนเพื่อนสิ่งที่เขาไม่ได้บอกใครคือในคืนนั้นเขาได้เห็น ‘เงาโลหิต’ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติในที่เกิดเหตุต่อมาหลี่ฮ่าวก็ได้เบาะแสสำคัญที่พิสูจน์ว่าคดีนี้ไม่ปกติเขาค้นพบว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่เคยมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วถึงหกคดี!ที่น่าพิศวงยิ่งกว่านั้นคือเหยื่อทุกรายล้วนเป็นคนจากแปดตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านที่ร้องสืบต่อกันมาช้านานและตระกูลสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็คือ ‘ตระกูลหลี่’ ผู้ครอบครองกระบี่ ซึ่งก็คือตระกูลของเขาดูเหมือนว่าเป้าหมายของฆาตกรจะอยู่ที่อาวุธที่แต่ละตระกูลครอบครองอยู่และ ‘กระบี่’ ที่ว่านั่นก็ดันห้อยอยู่ที่คอเขาเนี่ยสินั่นหมายความว่าเหยื่อรายต่อไปคือตัวเขาเอง!ด้วยเหตุนี้ หลี่ฮ่าวจึงต้องหาทางเอาตัวรอดพร้อมกับสืบเรื่องนี้ต่อไปว่าแต่เจ้าจี้หยกรูปกระบี่นี่ดูเหมือนว่ามัน…จะมีพลังบางอย่าง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท