STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 38-3 กองตรวจการณ์เมืองหยิน (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 38 กองตรวจการณ์เมืองหยิน (3)

วินาทีนี้เอง ในขณะที่หลิวหลงอับจนหนทาง กองตรวจการณ์ก็เริ่มลงมือ

“เมืองหยินเป็นเมืองสำคัญ ห้ามผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลุกล้ำ! ใครฝ่าฝืนตายสถานเดียว!”

“ก่อความวุ่นวายในเมือง กองตรวจการณ์ของเรามีหน้าที่รับผิดชอบ พ่อแม่พี่น้อง วันนี้เมืองหยินจะเกิดเรื่องโกลาหลขึ้น ขอให้พ่อแม่พี่น้องทุกท่านปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เมื่อความวุ่นวายสิ้นสุดลง ทุกความเสียหายที่เกิดขึ้นกองตรวจการณ์ของเราจะรับผิดชอบเอง!”

ผู้อำนวยการกองตรวจการณ์ที่ยืนบนตึกผู้นั้นตะโกนเสียงสูงก้องกังวาน!

วินาทีถัดมาเสียงปืนก็ดังขึ้นระรัว!

ผู้ตรวจการณ์ในกองตรวจการณ์ทุกกองกำลังที่อยู่ด้านล่างต่างก็หันปลายกระบอกปืนไปหากลุ่มคนที่แข็งแกร่งพวกนั้นอย่างคาดไม่ถึง!

บางคนโบยบิน บางคนมุดดิน บางคนไฟลุกท่วมตัว ส่วนบางคนก็มีประกายสายฟ้า…

แต่ว่าพวกเราคือกองตรวจการณ์!

ปัง ปัง ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นทีละนัดติดต่อกั จนทำลายเสียงความเงียบสงัดในยามราตรี

คืนนี้เมืองหยินมิอาจหลับใหลได้อีก!

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ใส่หน้ากากผีตะโกนเสียงกร้าวเหนือกลางอากาศ “กองตรวจการณ์เมืองหยิน! พวกแกมันก็แค่คนธรรมดายังกล้ามาโจมตีพวกพลังเหนือธรรมชาติอย่างเรา เมืองหยินอยากจะล่มสลายในวันนี้หรือไง?”

ในวินาทีนี้เองเขาก็บินมุ่งไปทางตึก

เพื่อกุมตัวเจ้าอ้วนนั่น!

บ้าไปแล้ว!

เมืองหยินเป็นเมืองเล็กๆ คิดไม่ถึงว่ากองตรวจการณ์ประจำเมืองแห่งนี้จะลงมือปฏิบัติการด้วยอาวุธครบครัน อีกทั้งภายใต้ลูกกระสุนจำนวนมากมายพวกนี้จะลั่นไปโดนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตายไปคนหนึ่งด้วย พวกเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าวินาทีนี้กองตรวจการณ์เมืองหยินจะกล้าลงมือ

เพราะนี่คือสงครามของพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ!

ถึงแม้ว่ากองตรวจการณ์จะมีอาวุธจำพวกปืน แต่ทันทีที่พวกเขาตั้งตัวได้ หากเงาโลหิตสังหารพวกเขา ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีผู้ตรวจการณ์คนธรรมดาตายกี่คน!

กองตรวจการณ์เสียสติไปแล้วหรือไง?

“คิดจะฆ่าพวกเรางั้นเหรอ?”

ชายรูปร่างอ้วนที่ยืนอยู่บนตึกสูงผู้นั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ขี้โม้เหมือนกันนี่นา!”

และในวินาทีต่อไปชายอ้วนคนนั้นก็กระทืบเท้าเบาๆ ก่อนตัวจะลอยขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นเองเขาก็คว้าดาบยาวออกมาจากด้านหลัง อาศัยแรงจากที่เขากระทืบพื้นนั้นดีดตัวเองให้พุ่งตรงไปหาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินเข้ามาประทะเขาแล้วฟันดาบใส่อีกฝ่าย!

“จำฉันเอาไว้ให้ดี คนที่ฆ่าแกก็คือมู่เซินแห่งกองตรวจการณ์เมืองหยิน!”

ชายอ้วนคนนี้คือหัวหน้าใหญ่ของกองตรวจการณ์ คนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ว่าผู้อำนวยการกองตรวจการณ์คนเก่าเป็นยอดฝีมือ มีสมญานามว่าหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า

แต่คนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ว่าผู้อำนวยการกองตรวจการณ์คนนี้ก็เป็นผู้กล้าฝีมือแข็งแกร่ง

ในวินาทีนี้มู่เซินพุ่งทะลวงไปในอากาศแล้วแกว่งดาบฟาดฟัน!

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ลอยอยู่ในอากาศหน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ เขาเหวี่ยงฝ่ามือแล้วพลังลี้ลับก็พุ่งวนเป็นวงกลม พลังฝ่ามือนี้เปี่ยมไปด้วยพลังของขั้นจันทราทมิฬระดับสุดยอด !

ใช่แล้ว ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินอยู่กลางอากาศก็แข็งแกร่งอย่างมาก!

ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าหลิวหลงเลย อีกทั้งยังสามารถบินได้ รอยแผลเลือดซึมด้านหลังของหลิวหลงก็เป็นฝีมือของคนผู้นี้แหละ

หากไม่ใช่เพราะหลิวหลงคุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ที่นี่จนหลบหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นคงโดนคนผู้นี้ฆ่าตายไปนานแล้ว

แต่มู่เซินไม่พะว้าพะวงและไม่ลังเลใจสักนิด เขาเหวี่ยงดาบลงพลันเกิดเสียงดังกึกก้อง พลังภายในระเบิดออกมา กระดูกกล้ามเนื้อลั่นเสียงดังกรอบแกรบ ดาบนั้นตวัดผ่านเม็ดฝนผ่าพลังลี้ลับจนสลายหายไป!

และในวินาทีนั้นเอง มู่เซินก็คำรามขึ้นว่า “ฆ่า!”

โครม!

วินาทีต่อมาระเบิดอีกลูกก็ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วระเบิดแถวๆ ชายร่างอ้วน!

โครม ตู้ม!

ระเบิดลูกนั้นระเบิดออกทำลายความมืดมิดของเมืองหยินไปโดยสิ้นเชิง ลูกปืนแหวกผ่านอากาศทำให้รอบบริเวณนั้นสว่างวาบ พลานุภาพของระเบิดลูกนี้กวาดเอาผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งหลายแตกฮือ พวกเขาไม่อาจประคองตัวเองให้ยืนนิ่งกลางอากาศได้พลางร่วงลงพื้นไป

“สารเลว!”

คนผู้นั้นคำรามขณะมองมู่เซินที่ร่วงลงจากฟ้า คนผู้นี้ออกหน้าโจมตีเพียงเพื่อขวางตนไว้ วินาทีที่ระเบิดนั้น เขาเองก็ไม่สามารถประคองตัวเอาไว้ได้จึงพาตัวเองลงไปเพื่อสู้กันต่อบนพื้น!

เขาฝืนประคองร่างตนไว้แล้วระเบิดพลังลี้ลับออกมาอีกครั้ง

เขาอยากจะบอกว่านายคิดมากเกินไป

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็คือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ดี!

โบยบินบนฟ้า มุดอยู่ใต้ดิน ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่ใช่คนที่ปรมาจารย์นักรบจะเทียมได้ นายบินไม่ได้ แต่ฉันทำได้!

และในวินาทีนี้เอง

โครม!

เสียงกุกกักดังขึ้นข้างหูไม่หยุด!

และทันใดนั้นเองด้านล่างกลุ่มคนร่วมร้อยก็ทะลักออกมากจากทุกจุดพร้อมลั่นไกปืน

ยิงปืนกันมั่ววุ่นวายไปหมด!

ลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมานั้น ถ้าจำนวนน้อยยังพอไหว แต่ถ้าคนจำนวนร่วมร้อยพร้อมใจกันชักปืนออกมายิง เกรงว่าต่อให้ผู้มีพลังธรรมชาติเองก็ไม่อาจหลบได้ง่ายๆ แล้วจะนับประสาอะไรกับมู่เซินที่กำลังจะร่วงลงพื้น คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาตัวไปรับลูกกระสุนแล้วอาศัยแรงลูกกระสุนเพื่อใช้โจมตีต่อ แทนที่เขาจะร่วงลงพื้นแต่กลับทู่ซี้ลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้งแล้วฟาดดาบลงมา!

“ลงมาเถอะ!”

มู่เซินหัวเราะเสียงเย็น “บินสูงยังไงก็เสร็จฉันอยู่ดี!”

โครม!

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติและปรมาจารย์นักรบปะทะกันอีกครั้ง!

คราวนี้ทั้งสองคนต่างก็ประคองตัวไว้ไม่ไหวต่างคนต่างร่วงลงพื้น

ในวินาทีนี้พวกหน้ากากผีก็เริ่มหวาดกลัวกันขึ้นมา

ทันทีที่ร่วงลงพื้น คนนับร้อยด้านล่างต่างมีปืนในมือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะโดนยิงจนพรุนก็ได้ จันทราทมิฬก็แค่อยู่ในขั้นทะลวงร้อยเท่านั้น แต่ทะลวงร้อยนี้ไม่ได้รวมไปถึงจำนวนอาวุธ คนจำนวนร่วมร้อยสาดลูกกระสุนใส่ ต่อให้เป็นเขาก็ไม่น่ารอด!

“มู่เซิน!”

คนผู้นั้นคำรามเสียงกร้าว ทว่าจู่ๆ กลับมีน้ำเสียงเย็นชาของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติดังลอยมาจากที่ไกลๆ “มู่เซิน ถ้านายกล้าฆ่าเขา เมืองหยินต้องตายไปกับเขาแน่!”

โครม!

คนผู้นั้นที่อยู่ระยะไกลระเบิดสายฟ้าออกมาฟาดลงไปบริเวณหนึ่งของตัวตึก ตัวอาคารค่อยๆ ปริร้าว แล้วเสียงกรีดร้องของชาวเมืองก็ดังขึ้น

เมื่อคนผู้นั้นเห็นว่าหน้ากากผีอาจจะโดนอีกฝ่ายฆ่าได้ ในวินาทีนี้จำเป็นต้องใช้ชีวิตของชาวเมืองหยินมาข่มขู่เขา

“ให้พวกกองตรวจการณ์ถอยไป มิฉะนั้น…พวกเราต่างก็เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แถมซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆ คอยลอบฆ่าคนนั้นคนนี้ นายกับเมืองหยินจะรับมือกับพวกเราอย่างไร?”

เสียงของคนผู้นั้นดังขึ้นอีกครั้ง

มู่เซินมองผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ค่อยๆ ดิ่งตัวลงพื้นแล้วมองไปอีกด้าน ร่องรอยขมขื่นพาดผ่านในแววตาเขา

นี่คือความอดสูของกองตรวจการณ์!

ความจริงพวกเขามีศักยภาพสู้กับอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำ แต่…ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเก่งกว่าคนทั่วไปมากๆ หากมุดดินหรือพรางกาย อาวุธก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆ หากพวกเขาจงใจฆ่าประชากรเมืองหยินขึ้นมาคงจะน่ากลัวกว่าที่จินตนาการไว้มาก!

เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

มิฉะนั้นกองตรวจการณ์ก็คงไม่กังวลใจมากขนาดนี้ กระทั่งกลัวว่าจะบีบให้พวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสู้ตายจนสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย!

ฝ่ายตรงข้ามไม่มีอะไรให้ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง!

แต่พวกเรา…กลับทำเช่นนั้นไม่ได้!

มู่เซินลอบถอนหายใจ เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนที่เขาเคยพูดกับหลิวหลงว่าจะปกป้องคนเพียงคนเดียว หรือปกป้องทั้งเมือง…คนอื่นสามารถใช้อารมณ์ตัดสินใจได้ แต่ผู้นำทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

หลิวหลงฉันทำได้เพียงเท่านี้แล้ว!

“ถอยออกจากเมืองหยินไป มิฉะนั้นก็ตายไปด้วยกัน!”

มู่เซินคำรามเสียงกร้าว “ถ้าวันนี้พวกแกไม่ยอมถอยไป คนทั้งกองตรวจการณ์มีปืน 1200 กระบอก มีปืนใหญ่อีก 30 กระบอกเพื่อรอสู้กับพวกแกอยู่! ไสหัวไป! ออกไปสู้กันข้างนอก! ถ้าในเมืองมีคนตายแค่คนเดียวก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการมีคนตายสิบคนหรือร้อยคน อย่าบีบให้พวกเราต้องสู้ตายไปกันทั้งสองฝ่ายเลย”

“ผู้อำนวยการมู่ พวกเราย่อมถอยอยู่แล้ว!”

คนที่อยู่ห่างออกไปผู้นั้นกล่าวเสียงต่ำ “เดิมทีพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะข้องแวะอะไรกับพวกนาย แต่หลิวหลงไม่รู้จักประมาณตน ทะเล่อทะล่ามาปลิดชีพผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปตั้งสามคน…หากไม่ฆ่าเขาก็คงไม่สามารถระบายโทสะของพวกเราได้ ฉันว่าผู้อำนวยการก็คงจะไม่อยากเห็นภาพแบบนี้เช่นกัน!”

ตอนนี้หลิวหลงหลบหนีไปตั้งนานแล้ว

ตอนที่คนจากกองตรวจการณ์ปรากฏตัวขึ้นแล้วยิงปืนกันอุตลุตจนกลายเป็นกรงขังผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่กำลังมุดดินไล่ตามเขาอยู่ เขาใช้จังหวะนี้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

เขารู้ดีว่ามู่เซินไม่สามารถใช้อารมณ์ในการตัดสินใจได้

เมื่อระเบิดดังขึ้นตูมหนึ่ง เขามองชายอ้วนคนนั้นเล็กน้อย นี่เต็มขีดจำกัดที่หมอนั่นจะทำได้แล้ว หลิวหลงที่หนีไปได้ไกลระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “มู่เซิน ฉันออกจากเมืองก่อนนะ นายก็คอยดูแลเมืองให้ดีๆ แล้วกัน! คืนนี้ฉันหลิวหลงขอชื่นชมนาย มีโอกาสวันหน้าค่อยพบกันใหม่!”

เมื่อกล่าวจบเขาก็กระโดดออกไปนอกเมืองอย่างรวดเร็ว

เหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเจ็ดคนถูกฆ่าตายไปหนึ่งคน ส่วนคนที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็ถูกผู้ตรวจการณ์สองคนล้อมเอาไว้ ส่วนคนอื่นที่เหลือ บางส่วนเลือกไล่ตามหลิวหลง และบางส่วนยืนประจันหน้ากับมู่เซิน

จงปล่อยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินได้คนนั้น!

มิฉะนั้นพวกเขาก็ไม่ถอย!

ส่วนคนที่ถูกฆ่าตาย… บัญชีแค้นนี้ปล่อยให้องค์กรเป็นคนชำระสะสางเอง วันนี้พวกเขาไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าล้างเมือง พวกเขากังวลไม่กล้าผลีผลามทำอะไร หากไปกระตุ้นต่อมพวกผู้พิทักษ์รัตติกาลขึ้นมา ผลที่ตามมานั้นรังแต่จะทำให้เกิดความเสียหายกันอย่างหนักกันทั้งสองฝ่าย

มู่เซินร่วงกระแทกลงพื้น พื้นดินบริเวณที่เขาร่วงตกลงมามีเศษดิน เศษดอกไม้กระจุยกระจายเต็มไปหมด

เขาลูบก้นตัวเองป้อยๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นหันไปมองเหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่กองอยู่บนพื้นจากมุมที่ไกลออกไป แววตากระหายเลือดเป็นประกาย เขาเองก็อยากจะฆ่าอีกฝ่ายเหมือนกัน

ถ้าเจ้าหมอนี่ไม่โดนปืนสอยจนร่วงตกลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวคงฆ่ายากเอาการเหมือนกัน!

ตอนนี้น่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

………………………………………………………………….

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

Status: Ongoing
จี้หยกที่คิดว่าเป็นเพียงของดูต่างหน้า กลับนำมาซึ่งพลังเหนือธรรมชาติ…และความตาย!นิยายแฟนตาซี-กำลังภายในที่จะพาคุณไปไขปริศนาเบื้องหลังคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดลึกลับซึ่งนำไปสู่โลกของพลังเหนือธรรมชาติและการต่อสู้อันดุเดือด!ว่ากันว่า…ในโบราณกาล ณ ส่วนลึกของท้องฟ้ายามราตรีอันเต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราวมีประตูสีแดงซึ่งถูกย้อมด้วยรอยเลือดและรอยไหม้ตั้งอยู่มาช้านานประตูซึ่งเป็นทางผ่านของแสงสว่าง ความมืด และตำนานอันไร้ที่สิ้นสุด…เมื่อเห็นเพื่อนสนิทตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างกะทันหันจากไฟที่ลุกท่วมร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุ‘หลี่ฮ่าว’ ซึ่งไม่เชื่อว่าการตายของเพื่อนเป็นอุบัติเหตุจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยและเข้าทำงานในกองตรวจการณ์เพื่อสืบหาเบื้องหลังของเรื่องนี้และเพื่อล้างแค้นแทนเพื่อนสิ่งที่เขาไม่ได้บอกใครคือในคืนนั้นเขาได้เห็น ‘เงาโลหิต’ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติในที่เกิดเหตุต่อมาหลี่ฮ่าวก็ได้เบาะแสสำคัญที่พิสูจน์ว่าคดีนี้ไม่ปกติเขาค้นพบว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่เคยมีคดีทำนองนี้เกิดขึ้นแล้วถึงหกคดี!ที่น่าพิศวงยิ่งกว่านั้นคือเหยื่อทุกรายล้วนเป็นคนจากแปดตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านที่ร้องสืบต่อกันมาช้านานและตระกูลสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็คือ ‘ตระกูลหลี่’ ผู้ครอบครองกระบี่ ซึ่งก็คือตระกูลของเขาดูเหมือนว่าเป้าหมายของฆาตกรจะอยู่ที่อาวุธที่แต่ละตระกูลครอบครองอยู่และ ‘กระบี่’ ที่ว่านั่นก็ดันห้อยอยู่ที่คอเขาเนี่ยสินั่นหมายความว่าเหยื่อรายต่อไปคือตัวเขาเอง!ด้วยเหตุนี้ หลี่ฮ่าวจึงต้องหาทางเอาตัวรอดพร้อมกับสืบเรื่องนี้ต่อไปว่าแต่เจ้าจี้หยกรูปกระบี่นี่ดูเหมือนว่ามัน…จะมีพลังบางอย่าง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท