ตอนที่ 38 กองตรวจการณ์เมืองหยิน (4)
สวัสดีครับ
ก่อนเข้าสู่เนื้อหาของวันนี้อิงค์สโตนขอแจ้งให้ทราบว่า ทางทีมงานได้รับทราบฟีดแบ็กเรื่องการแบ่งตอนจากนักอ่านแล้ว จึงอยากขอชี้แจงดังต่อไปนี้ครับ
เนื่องจากผลงานเรื่อง ในแต่ละตอนมีจำนวนตัวอักษรต้นฉบับภาษาจีนมาก ส่งผลให้ราคาขายต่อตอนซึ่งพิจารณาจากจำนวนตัวอักษรต้นฉบับตามเงื่อนไขสัญญาสูงตามไปด้วย โดยราคาเต็มอาจสูงถึง 15-20 บาทต่อตอน และอาจทำให้นักอ่านหลายท่านไม่สะดวกที่จะจ่ายในราคาต่อตอนที่สูงถึงขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้ทางทีมงานจึงแบ่งตอนใหญ่ออกเป็นตอนย่อย เพื่อให้ราคาขายไม่สูงจนเกินไป และนักอ่านทุกคนสามารถเข้าถึงได้ครับ
ทางทีมงานขอขอบคุณฟีดแบ็กจากนักอ่านทุกท่าน และขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ
ทีมงาน InkStone
มิฉะนั้นไม่ว่าหลิวหลงจะหลบหนีไปที่ไหน เขาก็ไม่มีทางหลบผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนี้ได้พ้น
พลังที่บินได้แบบนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
สามารถสะกดรอยตาม ล็อคเป้าหมาย ไล่ล่า กระทั่งยากจะหลบพ้น…
ส่วนจะฆ่าอีกฝ่ายหรือไม่?
ถ้าฆ่าเขาแล้วพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหล่านั้นเริ่มเปิดฉากล่าสังหารจะทำอย่างไร?
“เปิดทางให้พวกเขาไปเสีย!”
และในวินาทีนี้เองมู่เซินก็ยอมแพ้
เขาต้องรักษาเมืองหยินเอาไว้ให้ได้!
ส่วนการเอาคืนหลังจากนี้ของผู้พิทักษ์รัตติกาลจะไร้ประโยชน์ หากว่าคืนนี้เมืองหยินมีคนบาดเจ็บล้มตาย ต่อให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะไล่ล่าอีกฝ่ายก็ไร้ความหมาย
พวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่โดนล้อมอยู่กลางวงนั้น ตอนนี้ใต้หน้ากากผีก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
แค่รอยยิ้มบางๆ แล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่เขาคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่แล้ว แต่ตอนนี้…โลกมนุษย์ก็คือโลกมนุษย์จริงๆ พวกเขาคิดมากเกินไปจนสุดท้ายก็ไม่กล้าฆ่าเขา!
ภารกิจครั้งนี้จบลงเมื่อไหร่…เจอกันแน่!
วันนี้จัดการเจ้าอ้วนนั่นไม่สะดวก รอให้เรื่องทั้งหมดจบลงก่อนเถอะ หลังจากจับหลี่ฮ่าวได้ ตอนนั้นค่อยมาคิดบัญชีกับเจ้าหมอนี่แล้วกัน
“ผู้อำนวยการ!”
ผู้ตรวจการณ์ที่อยู่บริเวณนั้นหัวเสียอย่างมาก!
ปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ?
เจ้าหมอนี่น่ากลัวเกินไป คืนนี้มีคนในหมู่พวกเขาคอยซุ่มดูหลิวหลงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการอยู่ จากนั้นก็พบว่าคนที่เป็นภัยต่อพวกเขามากที่สุดก็คือเจ้าหมอนี่!
กว่าจะเอาชนะเขาได้อย่างในตอนนี้ สุดท้ายก็ปล่อยเขาไปแบบนี้เนี่ยนะ?
ถึงแม้ตอนนี้หลิวหลงจะหนีไปแล้ว แต่ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน?
ในเมื่อมีเขาผู้นี้อยู่ ต่อให้หนีรอด แต่เดี๋ยวก็หาตัวเจอได้อย่างรวดเร็ว!
“ปล่อยเขาไปเถอะ!”
มู่เซินหงุดหงิดหัวเสีย เขารู้ เขาโกรธมากแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
คนพวกนั้นเป็นพวกมีพลังเหนือธรรมชาติ จนป่านนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่ยอมไปไหน ส่วนตัวปล่อยไฟฟ้าได้ตอนนี้ก็ไม่รู้ไปซ่อนตัวที่ไหน แถมพร้อมฉวยโอกาสปล่อยสายฟ้าลงมาทำลายอาคารบ้านเรือนและสังหารชาวบ้านตาดำๆ ได้ทุกเวลา
ในความมืดมิดแบบนี้ทำให้ยากจะจับพวกเขาได้
พอถึงตอนนั้นคนได้รับบาดเจ็บล้มตายก็จะมากขึ้น เขาไม่สามารถแลกชาวเมืองหยินกับพวกหลิวหลงที่มีกันเพียงไม่กี่คนได้
“ผู้อำนวยการมู่ ไว้เจอกัน!”
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินได้คนนั้นหัวเราะเสียงแผ่วก่อนโผบินขึ้นไปในอากาศอีกครั้งแล้วจากไป!
มีปืนร่วมร้อยกระบอกแล้วจะอย่างไร?
ในเมื่อฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว!
นี่ถือเป็นประโยชน์ของการมีพรรคพวก ถ้ามาคนเดียววันนี้เขาคงจบเห่แน่ แต่เขามีพรรคพวก คนพวกนั้นกำลังช่วยเขากดดันกองตรวจการณ์จนทำให้พวกเขาไม่กล้าแตะต้องตนเอง
และในวินาทีที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่บินได้นั้นเพิ่งจะลอยขึ้นบนฟ้าก็มีเงาคนโผบินตามเขาขึ้นไปในทันทีด้วยความเร็วแสง แล้วปล่อยหมัดออกมา !
หมัดนี้เป็นราวสายกัมปนาท!
โครม!
คนผู้นั้นปริร้าวก่อนระเบิดออกกลางอากาศ เศษซากศพกระจายออกไปคนละทิศคนละทาง!
“อ๊าก!”
มีคนกรีดร้อง เป็นเสียงร้องของชาวเมืองหยินที่แอบมองอยู่รอบๆ บริเวณนั้น
หยวนซั่วที่ใบหน้าซีดขาวลอยอยู่กลางอากาศ เขาดีดตัวพุ่งขึ้นมาจากพื้นแล้วปล่อยหมัดใส่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้น ชายสูงวัยกระอักเลือดแต่ใบหน้ายังคงเย็นชาแล้วกล่าวเยาะๆ “ฉันไม่กลัวพวกแกหรอกเว้ย! เดิมก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว แต่ก่อนตายได้ลากตัวสัตว์เดียรัจฉานตายตามกันไปด้วย มันคุ้มจริงๆ!”
พูดจบ หยวนซั่วที่เหน็บดาบยาวไว้ที่แผ่นหลังกระโดดลงบนตึกสูงที่อยู่รอบๆ แล้วพุ่งผ่านสายฝนไล่ตามพวกหลิวหลงไป เสียงหัวเราะของเขาสะท้อนก้องไปทั่ว “เจ้าเด็กแซ่หลิวกำลังเผชิญอันตราย ฉันมาช่วยแล้ว! ในเมืองหยินนี้มีคนขั้นทะลวงร้อยไม่กี่คน แต่ถ้านายกล้าเปิดศึกฉันก็ไม่กลัวเหมือนกัน”
“หยวนซั่ว!”
และในวินาทีนี้เอง เสียงคำรามกร้าวก็ดังลอยออกมาจากในเมือง
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติธาตุสายฟ้าหัวเสียอย่างยิ่ง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหยวนซั่วจะเลือกลงมือในวินาทีนี้!
อีกทั้งตายไปถึงสองคน!
หากบวกกับสามคนก่อนหน้านี้ก็เท่ากับอีกฝ่ายสังหารลูกน้องเขาตายไปครึ่งหนึ่ง!
“ตายเสียเถอะ!”
“ตามไป!”
วินาทีต่อมามีเงาคนจำนวนมากไล่ตามมา แต่ละคนโกรธเกรี้ยวอย่างมาก หยวนซั่วฆ่าคน คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าออกหน้าฆ่าคน พวกยอดปรมาจารย์นักรบของเมืองหยินชักจะใจกล้าเกินไปแล้ว!
แต่ในที่ๆ ไกลออกไป ใบหน้าของหูฮ่าวและหลี่เมิ่งก็ฉายแววแปลกพิกล
เร็วจริงๆ!
เมื่อครู่เพียงพริบตาเดียว หยวนซั่วก็เดินทางผ่านอากาศประหนึ่งวิหคโบยบินแล้วจัดการต่อยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในขั้นจันทราทมิฬตายด้วยหมัดเดียว!
ตาเฒ่านี่…ใกล้ตายแล้วไม่ใช่เหรอ?
คิดไม่ถึงว่าจะยังมีพลังเหลือเฟือมาสู้รบปรบมืออีก!
วินาทีต่อมาใบหน้าทั้งสองคนก็เปลี่ยนสี จะทำอย่างไรกันต่อไปดีล่ะ?
คราวนี้ชักจะยุ่งยากแล้ว!
จะไล่ตามดีไหมนะ?
หากไม่ตามไปแล้วหยวนซั่วเกิดตายขึ้นมาพวกเขาจะรายงานกับเบื้องบนอย่างไร แต่ถ้าตามไป…จะทำให้เกิดสงครามระหว่างผู้พิทักษ์รัตติกาลและองค์กรผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหรือเปล่า?
ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังสงสัยอยู่นั่นเอง มู่เซินก็มองเห็นคนสองคนที่อยู่ไกลๆ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ไม่ตามไปจะอยู่กินมื้อดึกต่อหรือไง? พวกนายไม่กล้าผลีผลามลงมือ พวกเขาจะกล้าหรือไง? ถ้าพวกเขาต่อสู้กับผู้พิทักษ์รัตติกาลขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะชนะหรือไง? โง่จริงๆ!”
พวกเขาสองคนใบหน้าและใบหูแดงก่ำ!
โดนด่าเสียอย่างนั้น!
“ไปได้แล้ว!”
หูฮ่าวเองก็บินได้ เขาคว้าหลี่เมิ่งแล้วโบยบินออกไปอย่างรวดเร็ว
และเป็นไปดั่งที่มู่เซินบอก ฝ่ายพวกเขาเองไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า อีกฝ่ายก็ไม่กล้าลงมือทำร้ายพวกเขาเหมือนกัน มิฉะนั้นจะจุดชนวนสงครามระหว่างทั้งสองขั้วอำนาจขึ้น ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรับผิดชอบได้
“ผู้อำนวยการ!”
มีผู้ตรวจการณ์มองมู่เซินด้วยท่าทีไม่พอใจ จะให้ปล่อยพวกนั้นไปแบบนี้เหรอ?
ถึงแม้ว่าคนที่บินได้จะโดนหยวนซั่วสังหารไป แต่…พวกเขาไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเสียหน่อย พวกเขาจึงไม่พอใจ! แถมยังปล่อยให้พวกเขาต้องคอยดูคนพวกนั้นไล่ฆ่าหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการอีก พวกเขาทนไม่ได้จริงๆ!
พวกเรามีคนเยอะกว่า มีปืนเยอะกว่า แถมยังพิสูจน์ได้แล้วว่าคนพวกนั้น…ไม่ใช่ว่าจะฆ่าไม่ตาย!
มู่เซินโบกมือท่าทีของเขาดูอิดหนาระอาใจ
เขามองออกไปที่ไกลๆ ด้วยท่าทีเยาะเย้ยแล้วเดินไปทางกองตรวจการณ์ด้วยท่าทางอ่อนแรง
ไม่ไหวแล้ว!
หลิวหลงเกรงว่านายคงจบเห่แน่แล้ว ฉันสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังลึกลับที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา อาจจะมีผู้กล้าในขั้นสุริยะพรายโผล่มา!
“เก็บปืน!”
มู่เซินเดินไปพลางตะโกนเสียงดัง “จำความอัปยศวันนี้ให้ดี! จำเอาไว้ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะเข้าเมืองไม่ได้ รอยามที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเข้าเมืองมา ลูกผู้ชายเมืองหยินอย่างเราๆ ต่อให้ต้องสู้รบเข่นฆ่าจนเลือดนอง แต่จะไม่ยอมให้ทำตัวโอหัง”
นี่คือการข่มขู่และเหนื่อยหน่ายไปพร้อมกัน
ทำได้เพียงตะโกนด่าเพื่อระบายโทสะออกมา
ในวินาทีนี้ผู้อำนวยการกองตรวจการณ์รู้สึกละเหี่ยใจ เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของเมือง แต่กลับถูกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหลายคนบีบจนไม่กล้าทำอะไร…อัดอั้นตันใจสุดๆ!
วินาทีต่อมามู่เซินเดินมาที่ถนนสายหนึ่ง ในมือเขาถือดาบยาวมองพวกคนที่โดนจับตัวบนถนน คร้านจะพูดจะจา ก่อนจะตวัดดาบยาวในมือใส่พวกเขาทีละคน!
เหมือนไม่ได้ยินเสียงร้องโอดครวญ!
เหมือนไม่เห็นสายเลือดที่สาดกระเซ็น เขาตวัดดาบครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความรู้สึก เขาตัดหัวคนสิบกว่าหัวติดต่อกันแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “หลิวหลงไม่คิดเล็กคิดน้อยแต่ฉันคิด! พวกมีพลังเหนือธรรมชาติฉันฆ่าไม่ได้ แต่ฆ่าพวกหนอนบ่อนไส้แบบพวกนายได้สบายๆ! ไม่รู้จักดูเลยว่าที่นี่มันถิ่นใคร กล้าทำงานถวายหัวให้พวกนั้นในพื้นที่ของฉันหรือ!”
เมื่อเห็นหัวที่กลิ้งบนพื้น มู่เซินถึงคลายโทสะลง แล้ววินาทีต่อมาก็ทอดมองออกไปเบื้องหน้าพร้อมดวงตาที่ฉายแววเหนื่อยหน่าย
แน่นอนว่านัยน์ตายังแฝงการรอคอยอยู่ด้วย
หวังหมิงและคนที่อยู่เบื้องหลังเขาไปแล้วเหรอ?
หวังว่าครั้งนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะรับฟังอะไรบ้างและไม่หัวแข็งอีกต่อไป ตอนนี้ใกล้จะโดนคนเหยียบหัวอยู่แล้ว อีกฝ่ายมีคนในระดับขั้นสุริยะพรายเป็นพวกเชียวนะ!
ไม่รู้ว่าจะสามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้ไหม!
ส่วนหลิวหลง…หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร!
และในวินาทีนี้เอง ผู้อำนวยกายร่างอ้วนท้วมที่ปกติมีท่าทีเป็นมิตรอย่างยิ่งก็เดินเหยียบย่ำซากศพเหล่านั้นแล้วถึงเช็ดเลือดที่แปดเปื้อนบนเท้าด้วยท่าทีเลือดเย็นอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินไปพลางส่ายหน้า หยวนซั่วเข้าไปร่วมวงสนุกอะไรด้วยอีกล่ะ!
ตาเฒ่าเอ๊ย ใกล้ตายรอมร่อแต่ดึงดันจะเข้ามายุ่งด้วยอีก หากศึกในคืนนี้จบลง ต่อให้เขาไม่โดนพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติฆ่าตาย ตัวเองก็ใกล้จะไม่รอดอยู่แล้ว!
“รอฉันจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก่อนเถอะแล้วจะฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับมารุ่งเรือง!”
มู่เซินตัวอ้วนฮัมเพลงกลางสายฝน เหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ผ่านพ้นไปหมดแล้ว บนหน้าอวบอ้วนผ่อนคลายลงมาก
เมื่อเดินไปถึงโบสถ์ด้านหน้า ทันทีที่โบกมือก็มีคนจำนวนมากกรูเข้าไปด้านใน มือกำอาวุธประเภทต่างๆ แล้วเก็บเอาพลังต่างๆ ของพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ตายไปอย่างรวดเร็ว
“น้องหลิว ถ้านายยังมีชีวิตอยู่ค่อยคืนให้นาย แต่ถ้าตายไป…ก็กลายเป็นของฉันแล้วกัน ฉันก็จำเป็นต้องใช้เหมือนกัน!”
มู่เซินถอนหายใจแล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
นายตายแล้ว ฉันก็ขอแล้วกัน รอให้ฉันบรรลุเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเมื่อไหร่จะแก้แค้นให้นายเอง!
เมืองหยินไม่ได้มีแค่นายหลิวหลงแค่คนเดียว อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถ ถ้าไม่มีฉันคอยแอบช่วยเหลือนายอย่างลับๆ นายจะเอาอาวุธลูกปืนลูกระเบิดมาจากไหนตั้งมากมาย แล้วจะมีคนไม่กลัวตายเยอะแยะขนาดนั้นคอยเข้าร่วมทีมล่าปีศาจของนายได้อย่างไรกันเล่า!
จากนั้นเขาก็มองไปทางทิศเหนือของเมือง ใบหน้ามู่เซินยังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตากลับฉายแววกระหายเลือดออกมา
พวกหน้ากากผีเหล่านั้น ฉันจำพวกแกไว้แล้วทุกคน!
………………………………………………………………………..