ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 12 ปวดใจ
โม่หันเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ “เธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างตอนที่ถูกส่งเข้ามารักษาเหรอครับ”
หมอจางหยิบรายงานการรักษาออกมาก่อนจะอธิบาย “เธอหายใจรวยริน หน้าท้องถูกของมีคมแทงทำให้มีเลือดออกในอวัยวะภายใน เส้นเลือดอุดตัน หน้าอกข้างซ้ายก็มีรอยแทงใกล้ๆ ตำแหน่งหัวใจเหมือนกันครับ รวมถึงรอยถูกฟันสองที่ตรงแขนซ้าย อีกที่หนึ่งตรงแขนขวา แล้วก็มีรอยถลอกบริเวณหลัง ซี่โครงเธอหักสองซี่ แต่ทั้งหมดได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วครับ เหลือแค่รอยช้ำบางที่เท่านั้น แต่ว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากครับ”
ศัพท์เฉพาะทางการแพทย์ที่ได้ยินทำให้โม่หันผู้เฉยชาสนใจขึ้นมาทันที หมอจางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขารู้สึกถึงได้ความเย็นชาในแววตาและเกิดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เขาสังเกตท่าทางของโม่หันแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “น้องสาวคุณโชคดีมากนะครับ! เธอนอนบาดเจ็บอยู่หน้าโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอเลย ถ้าไม่ได้คนใจดีที่ช่วยจ่ายค่ารักษาให้เธอ ป่านนี้คงยังไม่ได้รับรักษาแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นตอนนี้เธอคงตายไปแล้วล่ะครับ”
จากที่สืบคดีมามากมาย โม่หันทำคดีฆาตกรรมมามาก เห็นความโหดร้ายของฆาตกรมาไม่น้อยแต่ก็ไม่เคยรู้สึกอะไร เขามักจะไม่เอาความรู้สึกของตัวเองไปเกี่ยวข้องและใจเย็นอยู่เสมอ ต้องการเพียงเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยรู้สึกสงสารฝ่ายจำเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำมาตลอดก็แค่ต้องการชนะคดีให้ได้แค่นั้น
ทุกคนในวงการกฎหมายต่างก็บอกว่าเขาเป็นทนายเลือดเย็นที่ใจแข็งอย่างกับเหล็กแม้กระทั่งกับคดีที่โหดที่สุดที่เขาเคยรับผิดชอบสืบ แต่เพราะเขาเป็นแบบนี้นี่แหละเลยสามารถมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเฉียบขาด จนสุดท้ายโม่หันก็กลายเป็นคนดังในวงการนี้ ใครๆ ต่างก็อยากให้เขาทำคดีให้เพราะรู้ดีว่าเขาไม่เคยแพ้คดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และตัวเขาก็รับรู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน ตลอดหลายปีมานี้ไม่มีอะไรที่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนบางอย่างจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว
เมื่อเขาเห็นเด็กสาวหน้าตายที่นอนเย็บแผลอยู่บนเตียงและได้ยินเรื่องของเธอจากปากของหมอหนุ่ม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้จ่ายค่ารักษาให้ บางทีป่านนี้เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้
“ทำไมเธอถึงความจำเสื่อมได้ล่ะครับ” เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้น
หมอจางกล่าว “เป็นไปได้หลายสาเหตุนะครับ จริงๆ แล้วผมก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน เธอไม่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะแม้แต่นิดเดียว บางทีอาจเพราะหวาดกลัวบางอย่างในอดีตมากๆ จนไม่อยากจำมันอีกแล้ว สมองเลยกำจัดความทรงจำส่วนนั้นออกไปเองน่ะครับ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ คุณเป็นพี่ชายของเธอ เดี๋ยวความทรงจำก็คงค่อยๆ กลับมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ร่างกายของเธอฟื้นตัวมากกว่าครับ”
โม่หันเดินกลับไปทางห้องคนไข้แต่ไม่ได้ก้าวเข้าไป เขายืนอยู่ด้านนอก มองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ผ่านกระจกใส บางทีอาจเพราะว่าเธอกำลังอ่อนเพลียอยู่จึงยังนอนเงียบอยู่อย่างนี้ เธอลืมตากว้างสอดส่งสายตาไปมาแบบที่คนมองไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้ายังคงซีดเซียว ผมสั้นที่ล้อมกรอบหน้าและเบ้าตาลึกทำให้เธอดูไร้เรี่ยวแรงราวกับตุ๊กตาขาดๆ ที่ถูกทิ้ง
เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้เลยหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และในตอนที่กำลังจะจุดไฟ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ ดังนั้นเขาเลยเก็บมันกลับเข้าไปที่เดิม
“ทำไมนายมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ไป๋อวี่หายไปจ่ายค่ารักษาเสียนาน เขากลับมาที่ห้องผู้ป่วยและเจอเข้ากับโม่หันที่ยืนค้างไม่ยอมเข้าไปอยู่ด้านนอกพอดี เมื่อมองเข้าไปด้านใน ไป๋อวี่ก็เห็นเด็กสาวนอนอยู่อย่างสงบนิ่ง “เธอเป็นยังไงบ้าง”