ตอนที่ 43 บำเพ็ญร่วม (2)
หยวนซั่วพูดเรื่องพวกนี้ หนึ่งเพราะหวังว่าหลีฮ่าวจะเข้าใจว่าปัญหาของเขายังไม่คลี่คลาย
พร้อมกันนั้นก็กำลังปลอบลูกศิษย์ไปว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่โต ตอนนี้คงไม่เกิดเรื่องแน่ ถึงแม้ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะอ่อนแอ แต่หากพวกเขาตั้งรับ หงเยวี่ยไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรแน่นอน นอกเสียจากว่าจะพร้อมใจกันลงมือ ตอนนั้นก็จะเป็นการรบครั้งใหญ่ แต่อิ้งหงเยวี่ยไม่มีความกล้านั้นหรอก
“ส่วนวิธีการแก้ปัญหาของเธอนั้นง่ายดายทีเดียว”
แววตาหลี่ฮ่าวเป็นประกาย เขารู้แล้วว่าอาจารย์จะต้องมีวิธีแก้ปัญหาแน่
“มีสองวิธี!”
หยวนซั่วชูนิ้วมือขึ้นมาสองนิ้ว กล่าวพลางระบายยิ้ม “หนึ่ง กรีดเนื้อระบายเลือดทิ้ง!”
“……”
หลี่ฮ่าวเผยท่าทีลำบากใจ นี่มันก็แน่นอนล่ะนะ ถ้าอับจนหนทางจริงๆ จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่กรีดเนื้อระบายเลือด…แค่ฟังก็เจ็บแล้ว
“ข้อสอง บำเพ็ญร่วม!”
“ฮะ!”
หลี่ฮ่าวไม่ได้เข้าใจเสียทั้งหมด ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวด้วยเสียงระคนแปลกใจ “หาผู้หญิงสักคนเหรอครับ”
“บ้า!”
หยวนซั่วกล่าวอย่างฉุนเฉียว “อย่าคิดเรื่องลามกทันทีที่พูดว่าบำเพ็ญร่วมได้ไหม! อายุก็ยังน้อย คิดเรื่องผู้หญิงอะไรกัน บำเพ็ญร่วมเป็นเพียงแค่วิธีในการฝึกบำเพ็ญเท่านั้น อย่าฝันหวานหน่อยเลย! ฉันจะบอกว่ากับฉันต่างหาก!”
หลี่ฮ่าวอ้าปากค้าง!
หยวนซั่วกล่าวพลางหัวเราะหึหึ “ทำไมล่ะ ไม่เต็มใจหรือไง ช่วยอาจารย์ตัวเองหน่อยมันจะเป็นอะไรไป พลังที่เธอดูดซับมามีมากเกินไป ดูดซับไม่ไหว คนทั่วไปไม่มีวิธีจัดการหรอก พวกเราสองคนฝึกวิชาเดียวกัน วิชาพื้นฐานของเธอคือวิชาห้าคายรับห้าปาณภูต ฉันก็เหมือนกัน บำเพ็ญร่วมกับฉัน ด้วยศักยภาพของฉันแล้วสามารถช่วยดูดซับพลังที่อยู่ในร่างเธอได้มากกว่าครึ่งเชียว…แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้เธออาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พลังที่เธอดูดซับมาอย่างยากลำบากจะโดนฉันแย่งไปมากกว่าครึ่ง!”
“ที่จริงยังมีอีกวิธี…”
หยวนซั่วกล่าวเนิบๆ “วิธีที่สามก็คือ เดี๋ยวนะ! ปล่อยให้พลังค่อยๆ ผสานไปกับสายเลือดทีละน้อยๆ แล้วเธอก็ดูดซับไปทีละหน่อย ด้วยร่างกายของเธอฉันว่าภายในปีสองปีก็น่าจะดูดซับพลังพวกนี้ได้จนหมด พอดูดซับหมดก็จะเลื่อนขึ้นเป็นทะลวงร้อยขั้นสุดยอดหรืออาจจะเป็นคนในขั้นพันยุทธ์ก็ได้…แต่ก็นะความหวังอาจจะไม่ได้มีอะไรมากมาย เพราะหลักๆ แล้วในพลังขั้นพันยุทธ์เป็นพลังขั้นจิตวิญญาณ นี่เป็นแค่พลังเท่านั้น แต่ทะลวงร้อยระดับสุดยอดเป็นเรื่องที่ชัวร์แน่นอน!”
ขอแค่หลี่ฮ่าวยอมรอ ภายในเวลาปีสองปีนี้เขาก็น่าจะสามารถดูดซับพลังก้อนนี้ได้หมดและกลายเป็นปรมาจารย์นักรบในขั้นทะลวงร้อยขั้นสุดยอด ความเร็วในการเลื่อนขั้นของพลังแบบนี้ ต่อให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนอิจฉาก็ยังไม่กล้าด้วยซ้ำ
ระยะเวลาประมาณนี้ไม่ถือว่ายาวนานด้วยซ้ำไป
แต่หยวนซั่วไม่ได้บอกเพราะหยวนซั่วรู้ว่าหลี่ฮ่าวคงไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนี้
ดูดซับพลังไม่ได้จนกระทั่งเลือดแข็ง ต่อให้หลี่ฮ่าวสามารถรักษาเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ปีสองปีนี้เกรงว่าอาจนอนพักเป็นผู้ป่วย
“ถ้าหากว่าตอนนี้บำเพ็ญร่วมกับฉัน ฉันจะดูดซับพลังส่วนใหญ่ไป เธอก็จะได้ดูดซับแค่ส่วนเล็กๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่มพลังได้ขึ้นไม่น้อย แต่…สิบสังหารระดับสุดยอดน่าจะได้มาครองอยู่แล้ว ส่วนทะลวงร้อย…อาจลำบากหน่อย!”
หยวนซั่วหรี่ตามองเขา “เธอคิดว่าไง?”
“อ้อ ลืมบอก กรีดเนื้อระบายเลือดจะส่งผลกระทบกับพลัง ความจริงสามารถดูดซับได้ส่วนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะดูดซับได้มากกว่าบำเพ็ญร่วมกับฉันเสียอีก บางทีอาจจะบรรลุขั้นทะลวงร้อยได้!”
ทางเลือกสามทางนี้ บำเพ็ญร่วม ถือเป็นหนทางที่หลี่ฮ่าวได้ผลประโยชน์น้อยที่สุด
เพราะหยวนซั่วแข็งแกร่งเกินไป!
หากเขาเข้าร่วมการบำเพ็ญพลังมากกว่าครึ่งจะโดนอีกฝ่ายดูดซับไป
หลี่ฮ่าวครุ่นคิดเล็กน้อย “อาจารย์ครับ มีหนทางที่สี่ไหมครับ”
“หา?”
เอาทางเลือกที่สี่มาจากไหน
หยวนซั่วมองเขาด้วยท่าทีสงสัย เจ้าเด็กนี่สรรหาวิธีได้มากกว่าฉันอีกเหรอ
หลี่ฮ่าวกล่าวอย่างขัดเขิน “ผมจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่าพวกเรามีรุ่นพี่ผู้หญิง ตอนนี้อยู่ที่เมืองไป๋เยวี่ย หล่อนฝึกฝนวิชาคายรับห้าปาณภูตไหมครับ ไม่อย่างนั้น…”
“ไสหัวไปเลย!”
หยวนซั่วหมดคำพูด!
ฝันหวานเกินไปแล้ว!
อีกอย่างตอนนี้จะไปหารุ่นพี่ผู้หญิงจากไหนมาให้ ไม่รู้หรือไงว่ามีคนมากมายเท่าไรจับจ้องพวกเราอยู่ ช่วยอย่ากระโตกกระตากเกินไปได้ไหม รักษาอาการบาดเจ็บก่อนแล้วค่อยว่ากัน ยังมีหน้ามาพูดถึงรุ่นพี่อีก…
พอนึกถึงเรื่องนี้หยวนซั่วก็ลูบเคราเอ่ย “ช่วยเลิกคิดเรื่องรุ่นพี่ของเธอสักที! ยิ่งไปกว่านั้นรุ่นพี่เขาอายุ 30 ปีแล้ว แก่แล้วจะมีอะไรให้เธอมองกัน เธออายุยังน้อยแต่ดันจะกินไม่เลือกเสียได้!”
“……”
หลี่ฮ่าวพูดไม่ออกแล้วส่ายหน้าปิดปากเงียบ สุดท้ายก็หัวเราะพลางกล่าว “บำเพ็ญร่วมก็ได้..ช่างเถอะ! ไม่พูดคำว่าบำเพ็ญร่วมได้ไหมครับ อาจารย์ ผมได้ยินละจะอ้วก! อาจารย์เปลี่ยนคำเรียกแล้วผมจะเลือกวิธีนี้แล้วกัน!”
“แน่ใจนะ?”
“ครับ!”
หลี่ฮ่าวหัวเราะคิกคัก “อาจารย์แกร่งกล้าสิครับถึงจะเป็นทุนให้ผมได้มีชีวิตอยู่ไปยาวๆ! เหมือนครั้งนี้ไงครับ ถ้าอาจารย์ไม่ช่วยผมคงโดนเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้ว!”
ที่จริงเขาไม่ได้พิจารณาอะไรด้วยซ้ำ เพียงแต่ได้ยินคำว่าบำเพ็ญร่วมแล้วรู้สึกไม่ดีก็เท่านั้น
แน่นอนว่าต้องเลือกแบ่งพลังกับอาจารย์ของตนอยู่แล้ว หากเป็นแบบนี้เขาและอาจารย์ก็จะได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน
ซึ่งเป็นการได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย!
ถ้าไม่อย่างนั้น ต่อให้ตนบรรลุเป็นทะลวงร้อยระดับสุดยอดก็เถอะ แล้วมันอย่างไรหรือ
ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามลงมือต่างหากถึงจะเป็นไม้ตาย!
หนึ่งเลยก็คือการลอบสังหารยอดฝีมือในขั้นไตรสุริยาที่ถือว่าสูงกว่าทะลวงร้อยถึงสองขั้น ถ้าเขาไม่ได้รับการคุ้มกันจากอาจารย์ก็คงจบเห่ไปนานแล้ว!
หยวนซั่วหัวเราะ “ฉันรู้ว่าเธอไม่โง่! บอกว่ามีทางเลือกสามทาง แต่ความจริงก็มีแค่ทางเดียวนั่นแหละ…ต่อให้เธอไม่อยากบำเพ็ญร่วมก็ต้องทำอยู่ดี ตอนนี้ฉันกระหายจนกลั้นใจไม่อยู่แล้ว! พลังภายในทั้งร่างขยับแทบไม่ได้ เด็กอย่างเธอ ถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ฉัน ฉันคงฉวยโอกาสตอนเธอนอนหลับดูดซับพลังเธอไปจนเกลี้ยง!”
“……”
หลี่ฮ่าวหัวเราะเจื่อน “อาจารย์ครับ พวกเราเป็นฝ่ายธรรมะนะครับ อาจารย์ทำแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเราเป็นคนเลวเลย!”
“เกี่ยวกับธรรมะอธรรมอะไรกัน!”
หยวนซั่วกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “เมื่อ 20 ปีก่อน ปรมาจารย์นักรบโอหังทำเรื่องชั่วร้าย อาศัยแค่หมัดที่ทรงพลังทำลายทุกอย่าง ไม่รู้ว่าฆ่าคนตายไปตั้งเท่าไหร่! ทุกคนต่างก็เรียกฉันว่าจอมปีศาจหยวนซั่ว! ที่แย่หน่อยก็เรียกฉันว่าคิงคอง แต่ฉันฝึกวิชาคายรับห้าปาภูตเป็นหลัก รวดเร็วว่องไว เรียกแบบนี้ก็ไม่ได้ถือว่าผิดหรอก!”
อย่างไรเสียก็เป็นแค่ฉายานามที่ไม่น่าฟัง
สามราชาทวนแห่งหยินเยวี่ยอะไรนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย เพราะเขาเป็นตาเฒ่าจอมมาร
เพียงแต่เพราะพลังเหนือธรรมชาติผงาดขึ้นมาถึงได้เก็บตัวเงียบ
“ช่วยเลิกพูดจาเลอะเทอะแล้วรีบไปบำเพ็ญร่วมเร็วๆ เธอนอนเฉยๆ มาวันหนึ่งแล้ว… ตอนนี้เมืองหยินยังปลอดภัยดี ผู้พิทักษ์รัตติกาลเองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ส่วนทางชาดจันทราเองก็น่าจะไม่กล้าผลีผลามส่งคนมา พวกเราต้องรีบกลับไป!”
“ต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
หลี่ฮ่าวกลับไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักนิด…
ผลคือเขายังไม่ทันพูดจบ หยวนซั่วก็กล่าวอย่างดื้อดึง “เธอโง่หรือเปล่า? พวกเราฆ่าคนไปเท่าไหร่ ฆ่าไตรสุริยาไปคนหนึ่ง สุริยะพรายไปอีกหนึ่ง ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ 10 คนและปรมาจารย์นักรบอีกเยอะแยะ..มีของดีตั้งเท่าไหร่เชียว พลังลี้ลับมีเท่าไร ฉวยโอกาสตอนที่ผู้พิทักษ์รัตติกาลยังไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งรีบเก็บกวาดของที่ได้มาจากสงครามทั้งหมด หากรอผู้พิทักษ์รัตติกาลขั้นไตรสุริยาโผล่มา อาจารย์ของเธออย่างฉันจะกล้าทะเลาะกับพวกเขาเพียงเพราะของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ได้หรือไง ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามส่งคนในขั้นสุริยะพรายมาหนึ่งคน ต่อไปยังต้องช่วยพวกเราแบกรับความผิดอีก ปกป้องพวกเราอีก…เธอว่าจะทะเลาะกับพวกเขาได้เหรอ”
“ไม่ได้ครับ!”
หลี่ฮ่าวส่ายหน้า
“งั้นก็ตามนี้แหละ!”
…………………………………………………………………..