ตอนที่ 51 อาวุธกำเนิดศาสตราเทพ (1)
“เพื่อฉลองที่วันนี้หน่วยงานจัดตั้งขึ้นสำเร็จ คืนนี้เชิญทุกคนไปเป็นแขกที่บ้านหลี่ฮ่าวแล้วกัน!”
พอมู่เซินกลับไป วันหน้าคนที่เหลือก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว
หลิวหลงไม่ใช่คนกระตือรือร้น หลิวเยี่ยนจึงเป็นฝ่ายจัดแจงทุกอย่าง ยิ้มร่าถาม “เสี่ยวหวัง เสี่ยวหู เสี่ยวหลี่ พวกคุณสามคนไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“…”
ทั้งสามคนต่างจับจ้องเธอ แต่ไม่นานหลี่เมิ่งกับหูฮ่าวก็มองไปยังหวังหมิงพร้อมกัน
ที่นี่นายคือหัวหน้า ดังนั้นนายต้องเป็นคนตัดสินใจ
ทั้งสามเป็นคนต่างถิ่นกันหมดจึงไม่คุ้นเคยกับคนเหล่านี้นัก หวังหมิงจะตั้งแง่วางตัวเป็นใหญ่หรืออ่อนข้อยอมจำนนให้ พวกเขาสองคนแค่คอยทำตามก็พอ
กลับเป็นหวังหมิงที่ไม่มีความสนใจเรื่องนั้นสักนิด
ในความคิดของเขาการอยู่ที่นี่เพียงเรื่องชั่วคราว อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปแล้ว เขาเลยไม่มีเวลาว่างมาช่วงชิงอำนาจกับหลิวหลง!
อีกอย่างหวงอวิ๋นให้เขาทำความรู้จักกับหลี่ฮ่าวมากกว่านี้ เขาคิดๆ ดูแล้วถึงอย่างไรก็ต้องจัดการภารกิจนี้ให้สำเร็จ จึงพยักหน้าตอบรับกลับไปทันทีว่า “ได้ งั้นก็ไปเป็นแขกบ้านของรองหัวหน้าหลี่แล้วกัน!”
หลี่ฮ่าวที่อยู่ข้างๆ หมดคำจะพูด
ไปบ้านเราหรือ
บ้านใหม่ของเรา แม้แต่เราเองยังไม่รู้ว่าที่ไหนมีของกินบ้าง หลิวเยี่ยนนี่ช่างสรรหาเรื่องให้เสียจริง
ออกไปกินข้างนอกก็ได้แล้วนี่!
หลิวเยี่ยนไม่สนใจหรอกว่าเขาจะคิดอย่างไร ยิ้มหน้าบานตอบกลับว่า “งั้นก็ตกลงตามนี้ กองตรวจการณ์น่าจะจัดการเรื่องที่พักอาศัยให้ทุกคนแล้ว ทุกคนเดินทางกันมาลำบาก งั้นกลับไปเตรียมตัวก่อน คืนนี้เราจะมารับพวกคุณนะ”
“รบกวนด้วยนะครับ!”
หวังหมิงไม่พูดอะไรแล้วก้าวขาเดินปลีกตัวออกมาก่อน เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว
อึดอัดชะมัด!
ต่อให้ความจริงหลี่ฮ่าวกับหลิวหลงจะไม่ได้สนใจอะไร แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะทิฐิที่สูงเกินไปจนรับไม่ไหว พอนึกขึ้นได้ว่าตอนที่รับมือกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่กี่คนคราวนั้นตนถูกคนคนเดียวทำร้ายจนเจ็บตัว ครั้นคิดว่ายังต้องพึ่งพาหลิวหลงในการช่วยเหลือก็รู้สึกแย่จับใจ
ไม่นานทั้งสามก็กลับไปพร้อมกัน
รอพวกเขากลับไปหลิวหลงก็หัวเราะออกมาฉับพลัน “ไม่เลว!”
หลิวเยี่ยนก็ยิ้มพยักหน้าไปด้วย
อวิ๋นเหยาเองก็พยักหน้าน้อยๆ เชิงเห็นด้วย “ถึงอย่างไรครั้งก่อนพวกเขาสามคนก็เคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมาก่อน แถมยังเป็นคนดีรักในความเที่ยงธรรมอยู่บ้าง แม้จะเป็นมือใหม่แต่ก็ไม่นับว่าเป็นมือใหม่เสียทีเดียว ความสามารถอยู่ในระดับจันทราทมิฬกันหมด ไม่ใช่คนช่ำชองมากประสบการณ์เท่าไรนัก…”
ความจริงทุกคนต่างพึงพอใจกับสามคนนี้พอควร
ส่วนเรื่องขาดแคลนประสบการณ์การต่อสู้…นี่ไม่ใช่ปัญหา
กลัวก็แต่เบื้องบนจะส่งคนเย่อหยิ่งไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งหรือส่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติให้มาช่วงชิงอำนาจโดยตรงมากกว่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงลำบากล่ะ
ใช่ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนจะไม่สนใจเรื่องอำนาจ
เพื่อผลประโยชน์ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติบางส่วนย่อมไม่ถือสาอะไรหากต้องทำในสิ่งที่ชวนให้คุณรู้สึกสะอิดสะเอียนใจบ้าง
ทีนี้ก็ดีล่ะ เพราะคนพวกนี้ยังนับว่าใช้ได้
เฉินเจียนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยยิ้มใสซื่อ “ใช้ได้ คราวก่อนตอนที่เรารับมือกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนั้น ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ก็ช่วยเราเอาไว้ คนคุ้นเคยกันแล้ว เจ้าหวังหมิงนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย แกร่งกว่าเราอีก ดีจะตายไป!”
หลิวหลงพยักหน้าอีกคน นี่เป็นเหตุผลที่สร้างความอุ่นใจให้แก่เขา
เขาไม่อยากช่วงชิงอำนาจกับใคร แต่หากมีใครคิดจะมาช่วงชิงอำนาจจริงๆ เขาย่อมไม่ยอมง่ายๆ แน่ เขาเข้าใจดีว่าทีมนี้สำคัญแค่ไหน เพราะทุกคนล้วนเป็นพี่น้องที่เขาเชื่อใจและร่วมเป็นร่วมตายกับเขามา เขายิ่งไม่วางใจที่จะให้อยู่ใต้บัญชาการของคนอื่น เพราะอาจเสี่ยงตายได้ง่าย
หลี่ฮ่าวที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ กลับพูดอย่างนึกปวดศีรษะว่า “พี่ ผมไม่มีอุปกรณ์ทำกับข้าวนะ”
หลิวเยี่ยนหมดคำจะพูด “นายโง่หรือไง ก็สั่งอาหารให้ร้านไปส่งบ้านนายเลยสิ แค่กินข้าวบ้านนายเอง ใครจะเข้าครัวกัน”
“…”
หลี่ฮ่าวทำสีหน้างุนงง เลี้ยวข้าวคนอื่น…ทำแบบนี้กันหรือ
ถือว่าเปิดโลกให้กับเราแล้ว!
สรุปก็แค่ขอยืมสถานที่หน่อยเท่านั้นสินะ
เราก็อุตส่าห์คิดว่าควรแก้ปัญหาเช่นไร!
หลิวหลงฉีกยิ้ม “ทำตามที่หลิวเยี่ยนบอก เรากินอะไรง่ายๆ ก็พอ กินอะไรไม่สำคัญ แค่ต้อนรับพวกเขากินข้าวด้วยกันสักมื้อแสดงถึงน้ำใจบ้างก็พอ”
พูดจบก็พูดเสริมอีกว่า “ตอนกินข้าวหลี่ฮ่าวคุณลองตีสนิทกับหวังหมิงดูได้นะ ชวนคุยเยอะๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติ”
ว่าแล้วก็เว้นช่วงอึดใจหนึ่งว่า “เรื่องแปดตระกูลใหญ่!”
หลี่ฮ่าวทำหน้าเคร่งขรึม
เรื่องนี้เขาต้องคอยติดตามให้ดี!
ความจริงเขาก็อยากทำความเข้าใจเรื่องแปดตระกูลใหญ่มากเช่นกัน แต่เสียดายที่อาจารย์รู้ไม่มากนัก คนอื่นๆ เองก็รู้ไม่มากเช่นกัน ไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะรู้ไปมากกว่านี้หรือเปล่า
ถึงบอกว่าจะทำความเข้าใจ แต่หลี่ฮ่าวคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือหาทางจับตัวอิ้งหงเยวี่ยมาถามตรงๆ เลยดีกว่า เสียดายว่านี่เป็นเรื่องเกินตัวมากไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ลองถามจากหวังหมิงดูหน่อยก็ได้
หลี่ฮ่าวหยักหน้ารับ ขณะที่จะออกไปสั่งอาหารหลิวหลงก็กวักมือเรียกไว้ “อย่าเพิ่งรีบไปสิ! ตอนนี้ทีมเพิ่งกลายเป็นสาขาย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลอย่างเป็นทางการ จะอยู่ห้องชั้นใต้ดินต่อไปคงไม่เข้าท่า! คุณลองออกไปหาตึกออฟฟิศสักที่ เราย้ายเข้าไปอยู่กัน เพราะอย่างไรเราก็ไม่มีอะไรต้องย้ายไปด้วยอยู่แล้ว…”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “ครับ งั้นให้หน่วยปฏิบัติการของผมย้ายออกจากตึกปฏิบัติการ พวกเราก็ครองที่ไปเลยจะได้ไม่ต้องย้ายของให้ลำบาก!”
ทุกคนมองเขาอย่างเงียบๆ
ให้ตายเถอะ!
นายนี่มันช่างใจดำอำมหิตเหลือเกิน
ให้หน่วยปฏิบัติการย้ายบ้าน!
เรามีกันแค่กี่คนเอง
หลี่ฮ่าวมองแต่ละคนด้วยท่าทีงุนงงปนเคอะเขิน เกาศีรษะเอ่ย “ทำไมเหรอครับ กองบัญชาการใหญ่ของเราอยู่ชั้นใต้ดิน ห้องเก็บของก็อยู่ที่นั่น ย้ายไปไม่ค่อยสะดวก งั้นก็ให้หน่วยปฏิบัติการย้ายไปดีกว่า ข้าวของของหน่วยปฏิบัติการขนย้ายสะดวกด้วย ถ้าไม่ได้ผมค่อยจ้างบริษัทขนย้ายมาให้พวกเขาอีกที”
“…”
หลิวเยี่ยนยิ้ม หลิวหลงเองก็ระอาสุดขีด พลางโบกมือกล่าว “คุณจัดการเอง! แต่ถ้าโดนด่าคุณรับคนเดียวนะ!”
ไม่ใช่คนดีเลยสักนิด!
เพิ่งจัดตั้งหน่วยงานเสร็จหมาดๆ ก็จะยึดที่ของเขาแล้ว ตอนนี้เจ้าหลี่ฮ่าวเผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ
รอโดนด่าเถอะ!
ทุกคนไม่สนใจเขาอีก พลางคุยเรื่องของตัวเองต่อ
ผ่านไปสักพักก็ลงไปชั้นล่าง
……
เพิ่งถึงชั้นล่างทุกคนก็ชะงักไปกึกหนึ่ง
ใต้อาหารหน่วยปฏิบัติการกำลังยุ่งกับการขนย้ายของอย่างขะมักเขม้นโดยให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
หลิวหลงรู้สึกเหนือคาดประมาณหนึ่ง คนพวกนี้เจรจาง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
แถมแต่ละคนยังเผยรอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าด้วย นี่มีข่าวดีอะไรหรือเปล่า
ย้ายบ้านเชียวนะ อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีบทจะย้ายก็ย้าย ไม่รู้สึกแย่บ้างหรือ
“หัวหน้า!”
ทุกคนยังชินกับการเรียกเขาว่าหัวหน้าเหมือนเดิม คนขาจรที่เดินผ่านรีบเอ่ยทักทาย
หลิวหลงเรียกชายร่างใหญ่ที่กำลังง่วนกับการย้ายของไว้คนหนึ่ง “เหล่าโจว ขยันขนาดนี้ เจ้าหลี่ฮ่าวไม่ได้ข่มขู่พวกนายใช่ไหม”
“จะเป็นงั้นได้ไงกันเล่า!”
เหล่าโจวผู้ตรวจการณ์อาวุโสที่ถูกเรียกไว้ตอบหน้ายิ้มๆ “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่จะทำเรื่องอย่างนั้นได้เหรอ ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าขอแค่เราย้ายออกไปภายในวันนี้ ทุกคนก็สามารถไปเลือกปืนชั้นดีที่ห้องทำงานของรองหัวหน้าหลิวกับหัวหน้าได้คนละกระบอก เลือกเองด้วย แถมถ้าเลือกปืนใหญ่ก็สามารถเอาไปได้เลย!”
ว่าแล้วก็ถามด้วยเสียงแปลกใจ “สองท่าน…น่าจะรู้กันใช่ไหมครับ”
หลิวหลงกับหลิวเยี่ยนสบตากันแวบหนึ่งอย่างนึกระอาใจ
รู้บ้าอะไรล่ะ!
หมอนี่เพ้อเจ้อเก่งจริงๆ
…………………………………………………………………………..