ตอนที่ 53 ตระกูลเฉียว (5)
รอจนเขาเดินลับตาไปแล้ว เฉียวเฟยหลงครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ปริปากถาม “สัมผัสถึงจุดพิเศษอะไรไหม”
“ไม่มี ปกติมาก แต่น่าจะดูดซับพลังลี้ลับไป ผมรู้สึกว่าศักยภาพร่างกายของเขาดีไม่หยอก ผิวก็ยืดหยุ่นดูดีมาก…อาจจะเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารแล้ว”
“แบบนี้ปกติมาก!”
เฉียวเฟยหลงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “เขาเป็นศิษย์ของหยวนซั่ว แถมยังดูดซับพลังลี้ลับไป มีตำราใหม่ห้าปาณภูตอยู่ในมืออีก ได้ข่าวว่ายังได้เรียนวิชาคายรับห้าปาณภูตไปด้วย ดังนั้นการเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า!”
คนในที่มืดถามเสียงเบา “งั้นบอสคิดว่า…เลือดของเขามีจุดพิเศษใดหรือเปล่า”
“บางทีอาจจะไม่ใช่เลือดเฉยๆ แต่สายเลือดที่ว่านั้น…จำเป็นต้องดึงมันออกมาจากในเลือด แต่ไม่ใช่แค่เลือดที่ไหลธรรมดาๆ แบบนั้นแน่นอน!”
เฉียวเฟยหลงตอบไม่กี่ประโยคก็โบกมือปัด “เอาเถอะ วางเรื่องนี้ลงก่อน! ตอนนี้เมืองหยินยังไม่สงบ อย่าสร้างปัญหาเลย รอโอกาสดีกว่า!”
“รับทราบ”
บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
……
ขณะเดียวกัน
หลี่ฮ่าวเดินลงมาชั้นล่างพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ภายในใจยังตกตะลึงไม่หาย
ไตรสุริยาเหรอ
หากตอนนี้อาจารย์ไม่มีพลังมีดคอยช่วย แล้วจะสามารถฆ่าไตรสุริยาได้หรือเปล่านะ
หากฆ่าไตรสุริยาคนนี้ไป เขาจะได้รับพลังลี้ลับในปริมาณมากหรือเปล่า
พลังธาตุอะไรด้วย
ภายในใจเขาว้าวุ่นพอสมควร เขาไม่คิดว่าตาแก่นี่จะปกปิดดีขนาดนี้
‘บนตัวเขาต้องมีสมบัติแน่ๆ!’
หลี่ฮ่าวคิดในใจ ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บซ่อนคลื่นพลังลี้ลับได้ดีขนาดนี้จนไม่สามารถรู้สึกได้อย่างสิ้นเชิง กระทั่งมองไปก็เห็นว่าถูกเขากักเก็บไว้ในภายในร่างกายทั้งหมดแล้ว
‘ตกได้ปลาตัวใหญ่เสียด้วย!’
หลี่ฮ่าวคิดในใจ นี่จะต้องเป็นปลาตัวใหญ่แน่ๆ แถมอยู่เมืองหยินตลอด ตามปกติต่อให้เป็นปรมาจารย์สวรรค์โปรด แต่หากไม่ออกไปรบไม่ออกไปหาประสบการณ์ ความจริงก็ยากที่จะเลื่อนขั้นได้
อย่างเช่นหยวนซั่ว หลักๆ เพราะตอนหนุ่มเขาท่องผจญภัยถึงก้าวเข้าสู่พันยุทธ์ได้ในวันเดียว
ไม่ใช่ว่าใครแค่มีพลังลี้ลับมากพอ อาศัยแค่ดูดซับอย่างเดียวก็กลายเป็นสุริยะพรายหรือไตรสุริยาได้
‘หรือว่า…เป็นผลประโยชน์จากหลุมศพบรรพบุรุษเรา’
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวคิดถึงเรื่องนี้
พลันก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก!
ไอ้สารเลว!
เจ้าหมอนี่จะต้องขุดหลุมศพของบรรพบุรุษตนเพื่อผลประโยชน์แน่ๆ ถึงได้อยู่เมืองหยินแล้วเลื่อนขั้นได้ กระทั่งกลายเป็นระดับสูงสุดของสุริยะพรายหรือไตรสุริยา สมควรตาย เจ้าหมอนี่กล้าเอาเปรียบตนได้
ไหนยังจะมีความเป็นไปได้สูงอีกต่างหาก
เหมืองแร่ของอีกฝ่ายต้องมีอะไรปิดซ่อนอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์
เสียดายที่ตอนนี้ไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่น
แต่ถือว่าครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยว เขาค้นพบความสามารถของเฉียวเฟยหลงและได้พลังลี้ลับมาสิบลูกบาศก์ นับว่าเป็นของที่ได้มาอย่างเหนือคาด แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“หลี่ฮ่าว!”
ตอนนี้หวังหมิงมองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่ง จากนั้นพอเห็นกล่องในมือเขาพลันดวงตาก็วูบไหว “กล่องเก็บพลังเหรอ”
“คุณรู้เหรอ”
“แน่นอนสิ!”
หวังหมิงขมวดคิ้ว “คุณรับของอีกแล้วเหรอ”
ของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ช่าง คิดไม่ถึงว่าจะรับพลังลี้ลับด้วย
เขาลืมเรื่องที่ก่อนหน้านี้คิดว่าหลี่ฮ่าวขี้เหนียวไปจนสิ้น เพราะเขามักเลือกที่จะไม่รับ แต่ถ้ารับก็จะรับพลังลี้ลับหลักสิบถึงหลักร้อยเลยทีเดียว
หลี่ฮ่าวตอบเสียงเบา “ไม่ใช่ของผม ให้พี่หลิว พี่หลิวขาดแคลนสิ่งนี้ อีกฝ่ายชดเชยให้ คุณไม่เข้าใจหรอก นี่มันเงินซื้อชีวิต!”
“คุณตัดสินใจแทนหลิวเยี่ยนเหรอ”
หวังหมิงคิดไม่ถึงว่านายก็กล้ารับด้วยหรือ
หลี่ฮ่าวยิงฟันยิ้ม “ไม่เป็นไร ของฟรี!”
พี่หลิวจะรับไว้หรือ
ถ้าเป็นปกติคงไม่รับ แต่หลี่ฮ่าวคิดว่าตนพูดไม่กี่คำพี่หลิวต้องรับไว้แน่
ของที่ศัตรูให้มาช่วยเพิ่มความสามารถแก่ตน วันหลังค่อยไปแก้แค้นศัตรูเอา…แล้วทำไมถึงจะไม่รับไว้ล่ะ!
หวังหมิงคิดในใจ หน็อยแน่ ความสัมพันธ์นี้…ไม่ธรรมดาจริงๆ
หลี่ฮ่าวดูเหมือนจะเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ไม่คิดว่าลึกๆ แล้วก็เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งเหมือนกัน
รับของเขาไว้ก็ต้องทำงานให้ดี
พวกเขาขับรถตรงไปยังเหมืองแร่นอกเมืองอย่างรวดเร็ว หลี่ฮ่าวไม่เข้าไปด้วยซ้ำแค่ยืนมองอยู่หน้าประตูแวบหนึ่ง ไม่นานก็ยิ้มหน้าบานแล้วขึ้นรถไปเหมือนอยากจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด เพราะเขาพกพลังลี้ลับมาด้วยและไม่วางจากมือเลยตลอดทาง
รอกระทั่งพวกหลี่ฮ่าวจากไปแล้ว พลันเฉียวเผิงก็ถุยน้ำลายใส่ทีหนึ่ง!
“สายตาตื้นเขิน!”
ด่าหลี่ฮ่าวไปคำหนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่พูดจาเป็นคนดีมีคุณธรรมนักหนา
สุดท้ายพอได้ของดีไป การตรวจสอบเหมืองแร่ที่ว่าไว้กลับแค่ยืนมองอยู่ข้างนอกแวบเดียว จากนั้นก็รีบวิ่งแจ้นกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้พิทักษ์รัตติกาลแต่งตั้งให้เจ้าหมอนี่เป็นรองหัวหน้า…ตาบอดชัดๆ!”
เขาด่าอีกประโยค แต่หันมาคิดอีกทีก็ดีออก อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดแรงตนไม่น้อย
……
ในเวลาเดียวกันนั้น
บนรถ
หลี่ฮ่าวค่อยๆ หุบยิ้มลง มองหวังหมิงแวบหนึ่ง พักใหญ่ถึงปริปากถาม “เหล่าหวัง สุริยะพรายเป็นผู้แข็งแกร่งจริงเหรอ”
“ถามไร้สาระ!”
หวังหมิงหมดคำจะพูด “คุณรู้ไหมว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลทั้งมณฑลหยินเยวี่ยมีสุริยะพรายแค่เท่าไร สุริยะพรายคนเดียวก็เท่ากับพันยุทธ์ของปรมาจารย์นักรบ หนึ่งคนต้านศัตรูได้เป็นพันคน แล้วจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งได้ยังไง”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับเงียบๆ
แต่ก็ลอบสบถในใจ จริงหรือ
ให้ตายเถอะ!
เราเห็นพลังแสงสามจุดจากส่วนลึกของเหมืองแร่นั่น สุริยะพรายทั้งสามคนเลย!
บวกกับเฉียวเฟยหลง บางทีอาจจะเป็นไตรสุริยาหนึ่งคนกับสุริยะรายสามคน!
ล้อเล่นน่า นายบอกฉันว่าสุริยะพรายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่พบเห็นไม่บ่อยหรือ
นี่เพิ่งสัมผัสไม่กี่วันก็เจอไตรสุริยาตั้งหลายคนแล้ว เฮ่อเหลียนชวน ดับสวรรค์คนนั้น คนที่มีความเป็นไปได้สูงอย่างเฉียวเฟยหลง อีกทั้งสุริยะพรายที่ถูกกำจัดไปคราวก่อน หวงอวิ๋น รวมถึงคนที่อยู่ในที่ลับถึงสามคน!
‘ตระกูลเฉียว!’
พลันในใจก็สั่นไหว ตระกูลเฉียวเป็นแค่เครื่องมือหาเงินของยมราชจริงหรือ
อย่าล้อเล่นน่า!
ถ้ายมราชแข็งแกร่งขนาดนี้ หลี่ฮ่าวคิดว่าชาดจันทรา ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่อาจทัดเทียมอีกฝ่ายได้เลย ใครเล่าจะทิ้งผู้แข็งแกร่งไว้ในองค์กรหาเงินธรรมดาๆ แบบนี้ตั้งมากมาย
‘ต้องเป็นของแปดตระกูลใหญ่ที่ช่วยให้พวกเขาเลื่อนขั้นแน่ๆ…ใช่แน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์!’
หลี่ฮ่าวมั่นใจแล้วในวินาทีนี้ ตระกูลเฉียวไม่ธรรมดา พวกเขาจะต้องค้นพบอะไรบางอย่างและเป็นไปได้ว่าอาจจะฮุบมันไว้
ไม่อย่างนั้นตระกูลเฉียวไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนี้
ลำพังแค่บริษัทหนึ่งตามชายขอบเมืองเล็กๆ อย่างเมืองหยิน แถมมีผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ นี่ดูถูกผู้พิทักษ์รัตติกาลมากเกินไปหรือเปล่า
ในเมื่อหวังหมิงบอกว่าสุริยะพรายเป็นผู้แข็งแกร่งก็ต้องใช่
เพียงแต่ตระกูลเฉียวได้ผลประโยชน์ไป หลี่ฮ่าวปวดใจเหลือเกิน พวกเขาคงไม่ได้ขุดแหล่งอารยธรรมโบราณไปจนหมดเกลี้ยงแล้วนะ
สามีของหลิวเยี่ยนเสียชีวิตไปหลายปี อีกฝ่ายค้นพบแหล่งอารยธรรมโบราณไปตั้งแต่หลายปีก่อน และบางทีหลายปีนี้อาจได้ของดีไปมากมายแล้ว
‘ตระกูลเฉียวปิดเงียบไว้ ยมราชก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด แถมไม่ได้ยินว่ามีความเคลื่อนไหวมากมายใดในเมืองหยินด้วย…ตระกูลเฉียวกับยมราชใช่พวกเดียวกันหรือเปล่านะ หรือว่าตระกูลเฉียวทำอะไรลับหลังยมราชเหรอ’
ตอนนี้เขามีข้อสงสัยในใจ
ไม่อย่างนั้นทางยมราชอาจจะไม่ได้มีแค่เฉียวเฟยหลงคนเดียว บางทีอาจจะมีไตรสุริยาคนอื่นๆ มาซุ่มอยู่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ถึงจะถูก
อย่างน้อยก็ต้องมีการถ่วงความสมดุลกันบ้าง!
‘ไปหาอาจารย์ดีกว่า!’
หลี่ฮ่าวทั้งหวาดกลัวทั้งฮึกเหิม
บางทีครั้งนี้อาจจะได้กำไรสักก้อน…เงื่อนไขคือถ้าไม่ตายไปก่อนนะ
หวังหมิงที่อยู่ข้างๆ มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจหน่อยๆ
เจ้าหมอนี่สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย เป็นกิ้งก่าหรือไง
พอได้พลังลี้ลับมาก็ตื่นเต้นขนาดนี้เชียว
หรือว่าได้มามากเลยหรือ
ตอนนี้เขาเองก็ชักหวั่นไหว แต่ไม่นานก็พับความคิดนี้เก็บไป เราไม่ใช่หลี่ฮ่าว เจ้าหมอนี่สายตาตื้นเขินถึงรับผลประโยชน์ไว้ สักวันจะต้องรายงานเรื่องเขาแก่เบื้องบนให้ได้!
แน่นอนว่าถ้าแบ่งตนสักหน่อย…ถุย ให้ตายอย่างไรเราก็ไม่ขอแบ่งความผิดกับเขาหรอก!
พอความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมา หวังหมิงก็เร่งความเร็วขึ้นมากกว่าเดิม
……………………………………………………………………………..