ตอนที่ 53 ตระกูลเฉียว (3)
เฉียวเผิงทำท่าระอาแบมือสองข้าง “ทีนี้ก็เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว แน่นอนว่าถ้าผู้บังคับการตรวจตราหลี่คิดว่าไม่เหมาะสม…ผมยอมถอยก็ได้ แต่ว่า…ไม่ดีหรอกมั้ง เรื่องรักระหว่างชายหญิง ผมคิดว่าแข่งกันอย่างเท่าเทียมจะดีที่สุด”
หลี่ฮ่าวทำหน้าเย็นชา “ใครจะแข่งอย่างเท่าเทียมกับคุณกัน ถ้ายังพูดจาไร้สาระ ผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“งั้นก็ถือว่าผมพูดจาไร้สาระแล้วกัน อย่าโมโหไปเลยครับ!”
เฉียวเผิงหัวเราะ “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกคนก็เป็นคนเมืองหยินกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ ถ้าผมทำอะไรผิดไป ไว้ว่างเมื่อไรผมจะขอเลี้ยงข้าว บางอย่างคงต้องดื่มไปด้วย!”
“ยังจะพูดอีก!”
หลี่ฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชาอย่างไม่คิดเกรงใจว่า “ผมจะขอบันทึกข้อมูลของปรมาจารย์นักรบและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคน กิจการเหมืองแร่ของคุณใหญ่โต อย่าบอกว่าไม่มีนะ! นอกจากนี้ผมจะขอสำรวจหนึ่งรอบ ร้านค้าภายใต้กิจการเฉียวกรุ๊ป เหมืองแร่ ตึกทำงานผมขอตรวจสอบทั้งหมด! และผมให้คนเอาเครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติมาแล้ว พวกคุณอย่าหวังว่าจะตีเนียนเชียว!”
“ต้องลงทะเบียนในสมุดทั้งหมด ถ้าไม่ลงทะเบียนจะถือว่าทำผิดกฎหมายโดยไม่มีกรณียกเว้น!”
“…”
เฉียวเผิงลอบสบถในใจทีหนึ่ง ออกคำสั่งอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
ก่อนหน้านี้เขาสืบมาแล้วว่าเจ้าหมอนี่ตรวจสอบแบบผิวเผินเท่านั้น แต่พอมาถึงที่นี่กลับทั้งตรวจสอบทั้งใช้เครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติ
แน่นอนว่าวัยรุ่นอารมณ์ร้อน พอมีอำนาจขึ้นมาก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติ
แถมยังทำเพื่อหลิวเยี่ยนด้วย!
เป็นไปตามคาดวัยรุ่นแบบนี้ยากจะต้านทานผู้หญิงที่สุกงอมอย่างหลิวเยี่ยนมากที่สุด เขาคิดในใจ ไม่แน่คู่นี้อาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วก็ได้ ต่ำช้านัก!
แต่ก็เพราะเหตุนี้ เขากลับคิดว่าหลี่ฮ่าวไม่เก่งเรื่องการวางแผนเลย
ทุกอย่างแสดงออกทางสีหน้าหมด
คนประเภทนี้กลับจะรับมือได้ง่าย
ถ้าเจอกันจริงๆ แล้วยิ้มกลบเกลื่อนความแค้น เขากลับคิดว่าไม่เหมาะสมนัก ในฐานะผู้ชายด้วยกัน เขาย่อมเข้าใจดีที่สุด
หากมีชายอื่นตามจีบผู้หญิงของตน ตามตื๊อมากๆ…ตนก็คงไม่เกรงใจหรอก!
ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งวางใจ
ยิ่งบ่งบอกว่าหลิวเยี่ยนยังไม่รู้อะไรจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงเกลี้ยกล่อมให้หลี่ฮ่าวอย่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตนถึงจะถูก แถมแอบเล่นงานในที่ลับต่างหากถึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง
เขาคิดในใจแบบนี้แต่ยังคงหน้านิ่งไว้ ทว่าก็เผยท่าทางระอาใจหน่อยๆ “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกมั้ง คนบ้านเดียวกัน ผมได้ยินมานะว่า…ก่อนหน้านี้ที่คุณไปหยินเหอ…”
หลี่ฮ่าวตอบเสียงเย็น “หยินเหอคือหยินเหอ เฉียวกรุ๊ปคือเฉียวกรุ๊ป! ประธานเฉียว คุณเอาแต่บ่ายเบี่ยงทำให้ผมมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าพวกคุณแอบซ่อนตัวนักโทษหนีความผิดอะไรหรือเปล่า ผมเป็นคนในพื้นที่ เข้าใจเรื่องวงการเหมืองแร่ดีเหลือเกิน คนในเหมืองแร่มักจะทำงานกันหนักจนแทบไม่เจอตัว สถานที่แบบนั้นไว้ซ่อนตัวนักโทษง่ายที่สุดแล้ว!”
“ถ้าคุณยังพูดแบบนี้ ผมจะล็อกตระกูลเฉียวไว้เป็นเป้าสังเกตการณ์สำคัญแล้วนะ!”
พอมีอำนาจในมือ หลี่ฮ่าวในตอนนี้คิดจะหักหน้าก็หักหน้าผู้สืบทอดกิจการยักษ์ใหญ่ตรงหน้าโต้งๆ เลย
เฉียวเผิงเองก็เคยอ่านข้อมูลของหลี่ฮ่าวมาบ้างจึงอดลอบด่าในใจไม่ได้
หมาพึ่งบารมีคน!
ก่อนหน้านี้ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแต่พอวันหนึ่งมีอำนาจขึ้นมากลับเปลี่ยนไปเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ พวกกิ้งก่าเปลี่ยนสี!
เขาแสดงออกถึงความไม่พอใจหน่อยๆ แต่ไม่ชัดเจนมาก ฝืนพยักหน้าไปว่า “ได้ คุณตรวจสอบตามสบาย! แต่ผมขอเตือนผู้บังคับการตรวจตราหลี่ไว้คำหนึ่ง เมืองหยินไม่ใช่สถานที่ที่คนบางกลุ่มจะใช้มือเดียวปิดฟ้าได้…ผู้บังคับการตรวจตราหลี่เองก็อย่าทำให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องเสียชื่อเลย!”
หลี่ฮ่าวแค่นเสียงทางจมูกทีหนึ่งอย่างไม่คิดจะใส่ใจ
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วเดินเข้าลิฟต์ไปโดยตรง บอกกับหวังหมิงว่า “หวังหมิง คุณคอยจับตามองอยู่ชั้นล่าง ห้ามให้ใครไปจากที่นี่เด็ดขาด! ผมจะไล่สำรวจดูทีละชั้นพร้อมใช้เครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติไปด้วย ตรวจสอบสำนักงานใหญ่ของพวกเขาก่อนหนึ่งรอบค่อยไปที่เหมืองแร่กับร้านค้า”
ว่าแล้วก็มองไปทางเฉียวเผิงอีกครั้ง “คุณไปกับผม!”
เฉียวเผิงขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ว่าอะไรแล้วพาพนักงานไม่กี่คนเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับเขา
สำนักงานใหญ่ของเฉียวกรุ๊ปสูงใหญ่มากเพราะมีถึงสามสิบชั้น ซึ่งนับว่าเป็นตึกสูงเพียงน้อยนิดของเมืองหยินแล้ว เมืองหยินมีตึกสูงอยู่ไม่มาก โดยทั่วไปมักเป็นอาคารสูงแค่ห้าหกชั้นเท่านั้น
พวกเขาตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นสูงสุด
หลี่ฮ่าวเอาเครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติออกมาหนึ่งอันจริงๆ ขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งใหญ่กว่าแตงโมหน่อยเดียว หากตรวจจับคลื่นพลังเหนือธรรมชาติได้ก็จะมีจุดสีแดงปรากฏตรงหน้าจอบนเครื่อง
หลี่ฮ่าวเปิดปุ่มใช้งาน เจ้านี่ผลาญพลังลี้ลับเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่เปิดใช้งานง่ายๆ
เพิ่งเปิดเครื่องหลี่ฮ่าวก็ขมวดคิ้วกล่าว “มีปฏิกิริยา!”
เฉียวเผิงเอ่ยอย่างระอา “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่ เฉียวกรุ๊ปของเราไม่เคยบอกว่าไม่มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เฉียวกรุ๊ปมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแถมไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีปรมาจารย์แสงดาราถึงสามคน ผมไม่เคยคิดจะปิดบัง แต่คุณไม่ฟังผมพูดเท่านั้นเอง”
หลี่ฮ่าวหน้าเจื่อนไม่นานก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม “ผมบอกว่ามีปฏิกิริยา แล้วคุณจะตระหนกไปทำไม”
ว่าแล้วก็ขมวดคิ้วพลางมองจอแสดงพลังเหนือธรรมชาติทีหนึ่ง “พวกคุณมีปรมาจารย์แสงดาราสามคนเหรอ”
“ใช่!”
“แต่บนนี้มีจุดแดงแปดจุด…”
เฉียวเผิงหลุดขำ “ผู้บังคับการตรวจตราหลี่ คุณคิดว่าผมไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม เครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาตินี้ทำได้แค่ตรวจจับคลื่นพลังเหนือธรรมชาติในระยะที่กำหนด แต่ไม่สามารถระบุว่ามีกี่คน…แปดจุดอะไรนั่น คุณแน่ใจหรือว่าไม่ได้ตาฝาด”
หลี่ฮ่าวยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ “คุณจะเข้าใจอะไร! นี่เป็นเครื่องตรวจจับพลังเหนือธรรมชาติใหม่ล่าสุดของผู้พิทักษ์รัตติกาล ผมบอกว่ามีแปดก็คือแปด เฉียวเผิง อย่ามายิ้มตีหน้าซื่อกับผม ผมกำลังจับตาดูคุณอยู่!”
“ตามสบายเถอะ!”
ระหว่างที่พูดอยู่ลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ตรงชั้นบนสุด
ชั้นนี้มีห้องทำงานขนาดใหญ่เพียงสองห้อง
หนึ่งห้องสำหรับเฉียวเผิง อีกห้องสำหรับพ่อของเขา
หลี่ฮ่าวตรงไปยังห้องทำงานของประธานอาวุโสเฉียวกรุ๊ป เฉียวเผิงย่นคิ้วกล่าว “นั่นเป็นห้องทำงานของคุณพ่อผม ท่านกำลังยุ่งกับงานอยู่ หลี่ฮ่าว คุณอย่าทำเกินกว่าเหตุนักเลย…”
“หยุดพูดจาไร้สาระสักที!”
หลี่ฮ่าวทำท่าเหิมเกริมเหมือนคนลืมตัว กดเสียงต่ำกล่าว “เฉียวเผิง คุณกับผมไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน! แต่คุณผิดตรงที่ไม่ควรตามรังควานพี่หลิว! สามีของเธอตายที่เหมืองแร่ของพวกคุณผมก็คร้านจะพูดอะไรแล้ว คุณก็นะ ถึงขั้นทำสามีของเธอตายแต่ยังถูกใจพี่หลิวอีก คอยดูต่อไปเถอะ!”
เฉียวเผิงลอบสบถทีหนึ่ง ขมวดคิ้วตอบ “จะพูดเหลวไหลไม่ได้เชียว หลี่ฮ่าว คุณอย่ามาใส่ความผม นั่นเป็นแค่อุบัติเหตุ กองตรวจการณ์ก็สรุปคดีแล้วด้วย”
“เหอะ!”
หลี่ฮ่าวผลักประตูเข้าไป ณ ตอนนี้ภายในห้องทำงานมีเพียงคนแก่คนหนึ่งกำลังเงยหน้ามองหลี่ฮ่าวอยู่
หันไปมองเฉียวเผิงอีกทีพลางทำหน้าเชิงถาม
เฉียวเผิงสาวเท้าเข้าไปพูดเบาๆ ไม่กี่ประโยค คนแก่ก็ลุกขึ้นยิ้มทีหนึ่ง “สวัสดีครับผู้บังคับการตรวจตราหลี่! ประสบความสำเร็จแต่น้อยเลย ผมกับศาสตราจารย์หยวนอาจารย์ของคุณก็นับว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้พบผู้บังคับการตรวจตราหลี่ที่นี่ด้วย สมแล้วที่เป็นศิษย์เอกของศาสตราจารย์หยวน”
“พูดเกินไปแล้วครับ!”
หลี่ฮ่าวตอบรับแบบฝืนๆ ประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ถือเครื่องตรวจจับเดินไปรอบๆ ทีหนึ่งโดยไม่พูดอะไรมาก
คนแก่เองก็ไม่ห้ามเพียงแค่ยิ้มมองหลี่ฮ่าวอย่างเดียว
ตอนนี้หลี่ฮ่าวกลับเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในใจ!
ภายนอกเขาไม่รู้สึกถึงอะไรจริงๆ
ตระกูลเฉียวมีผู้แข็งแกร่งเขารู้ ถึงขั้นรู้ตั้งแต่ก้าวเข้าประตูมาด้วยซ้ำ เจ้าหมอนั่นใจกล้าอย่างมาก ใกล้ๆ เฉียวเผิงเป็นจันทราทมิฬคนหนึ่ง คิดว่าแข็งแกร่งกว่าหวังหมิงอีกต่างหาก อาจจะอยู่ในขั้นจันทราทมิฬเดือนหงาย
แน่นอนว่าต่อให้เป็นอย่างนี้หลี่ฮ่าวก็ไม่แสดงท่าทีอะไร
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเสียอาการอยู่บ้าง แต่อาศัยตอนที่กำลังยืนสำรวจกัดฟันมุ่นคิ้วเลยไม่สะดุดตาใครนัก
สิ่งที่ทำเขาพลาดท่าก็คือคนแก่ตรงหน้า คุณพ่อของเฉียวเผิง
บุคคลในตำนานของวงการธุรกิจเมืองหยิน เฉียวเฟยหลง
นักธุรกิจในตำนานที่อายุเกินเจ็ดสิบ เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยมือเปล่าจนกลายเป็นกิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปในวันนี้ได้
กระทั่งก่อนผลักประตูเข้ามาหลี่ฮ่าวก็ไม่พลาดท่าแต่อย่างใด
แต่เมื่อเขาเห็นอีกฝ่าย…กลับตะลึงจนเหงื่อชื้นหลัง
พลังแสง!
……………………………………………………………………………………..