ตอนที่ 55 จุดที่เหมือนกันของปรมาจารย์นักรบ (2)
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “สาขาย่อยของยมราช!”
“ไม่ใช่ชาดจันทราเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ เป็นของยมราช พี่หลิวบอกว่าเป็นพวกตระกูลเฉียวครับ!”
หลิวหลงแววตาวูบไหวแต่ไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่หลี่ฮ่าวพูดเรื่องตระกูลเฉียว เขาก็พอเดาได้แล้วว่าต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลิวเยี่ยนแน่นอน เพราะเขารู้เรื่องของหลิวเยี่ยนดี เขามุ่นคิ้วเล็กน้อย “คุณแน่ใจนะ ก่อนหน้านี้หลิวเยี่ยนก็เคยคาดเดาเช่นนี้ กระทั่งผมเองก็พอเดาได้ แต่หากไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน คุณก็รู้ว่าพวกเรายึดหลักความเป็นธรรม แต่…ไม่ได้หมายความว่าเราจะปลิดชีพได้โดยไร้ความผิดใด”
เขายังมีความเที่ยงธรรมในใจ
การฆ่าคนควรดูหลักฐานเบื้องต้นและตรรกะความคิดด้วย เรื่องที่ไร้หลักฐานจะฆ่าซี้ซั้วได้ หากเป็นเช่นนั้นจะต่างอะไรกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหล่านั้นที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ส่งเดชกัน
ดังนั้นถึงแม้หลิวเยี่ยนจะเปรยๆ ว่าตระกูลเฉียวอาจจะมีปัญหา กระทั่งเขาเคยลองแอบตามสืบดูแล้วแต่กลับไม่เจออะไร สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไป
กระทั่งเขาเคยแอบแฝงตัวเข้าไปในบ้านตระกูลเฉียวตอนกลางคืน แถมยืนข้างกายท่านผู้เฒ่าตระกูลเฉียวคอยจับสังเกตอย่างลับๆ ตลอดเช่นนั้นอยู่หลายวัน จนสุดท้ายมั่นใจว่าไม่ได้มีปัญหาใดถึงล้มเลิกตามสืบเรื่องของตระกูลเฉียว
การตายของสามีหลิวเยี่ยนในปีนั้นทำได้แค่ผลักไปว่าเป็นอุบัติเหตุ แน่นอนว่าฆาตกรผู้นั้นยังอยู่ในรายชื่อหลบหนีการจับกุมอยู่เลย
หลี่ฮ่าวยิ้มกล่าว “ไม่ต้องการหลักฐานอะไรหรอกครับ เพราะเฉียวหลงเฟยเป็นผู้แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเก็บซ่อนผู้แข็งแกร่งไว้อีกหลายคนด้วย แค่นี้พอไหมครับ”
“ล้อเล่นน่า!”
หลิวหลงยิ้มเจื่อน “สิบสังหาร…ไม่สิ หากสิบสังหารที่ไม่เคยฝึกวิชายุทธ์มาสิบกว่านี้ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งละก็นะ หากคุณพูดแบบนี้ผมก็คงจนปัญญาจะคัดค้าน ผมรู้จักเฉียวเฟยหลงดีเชียวแหละ!”
“ลูกพี่รู้จักเขาเหรอครับ”
“แน่นอน!”
หลิวหลงยิ้มเอ่ย “พูดแบบนี้แล้วกัน ผมเห็นทุกซอกทุกมุมของเขามาหมดแล้ว!”
“……”
หลี่ฮ่าวเผยสีหน้าตกใจยกใหญ่!
นี่…คิดไม่ถึงว่าพวกคุณ…
เขารู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง หรือว่าเราไม่ควรพูดกันนะ
“ผมเคยหลบอยู่ตรงหัวเตียงเขาในที่มืดเพื่อคอยจับตาดูเขาอยู่หลายวันเชียว”
“ลูกพี่!”
เวลานี้หลี่ฮ่าวถึงเข้าใจ เขาเผยสีหน้าตกตะลึงเอ่ย “ลูกพี่รอดมาได้ ดีจริงๆ!”
แม่เจ้า!
นี่คุณสะกดรอยตามไตรสุริยาคนหนึ่ง แถมยังคอยเฝ้าจับตาดูเขาตรงหัวเตียงมาหลายวันด้วย ในเมื่อรอดมาได้…คงกล่าวได้แค่ว่าเพื่อปกปิด เฉียวเฟยหลงก็พยายามทนให้คุณดูเขาอยู่เหมือนกัน
ไม่เช่นนั้นเขาคงตบหน้าคุณตายคามือไปนานแล้ว
ทะลวงร้อยอย่างคุณเอาแต่จับตาดูเขาที่เป็นถึงไตรสุริยาทุกวี่วัน เขาฉี่คุณก็ยังแอบดู…วิปริตใช่ได้เหมือนกันนะเนี่ย
“หมายความว่ายังไง”
หลิวหลงขมวดคิ้วเอ่ย “คุณจะบอกว่าเขาปกปิดพลังอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก!”
เขาไม่ได้โง่เลยฟังความหมายที่จะสื่อออก “เขาไม่มีคลื่นพลังเหนือธรรมชาติใดเลย ส่วนเรื่องขอบเขตปรมาจารย์นักรบ ถึงแม้จะดูยากไปบ้าง แต่ดูจากความยืดหยุ่นและความเงาของผิวหนังแล้ว ความจริงก็พอมองเห็นอะไรเล็กน้อยบ้าง ถึงแม้จะสรุปไม่ได้เลยซะทีเดียว แต่ก็มั่นใจได้ว่าไม่มีทางแน่นอน”
เขาเชื่อมั่นว่าตนไม่มีทางมองพลาด
หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงขรึม “ไตรสุริยา!”
“……”
หลิวหลงผงะไปแล้วมองหลี่ฮ่าวด้วยท่าทีแน่นิ่ง ผ่านไปนานถึงเอ่ยอย่างเหลือเชื่อว่า “อะไรนะ”
“ไตรสุริยา!”
“อ๋อ”
หลิวหลงมึนงงไปชั่วขณะ ผ่านไปนานถึงได้สติ
เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเหม่อลอย ผ่านไปสักพักก็มองไปทางหลี่ฮ่าวเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“อาจารย์ของผมมั่นใจแล้วครับ!”
หลี่ฮ่าวรู้ว่าเขากำลังต้องการคำตอบอะไรเลยรีบบอกคำตอบแก่เขาไปอย่างรวดเร็ว
พอมีหยวนซั่วเพิ่มมาอีกคน ชั่ววินาทีนั้นหลิวหลงก็เข้าใจทันทีว่านี่คือความจริง
เขาอาจสงสัยในตัวหลี่ฮ่าวได้ แต่เขาไม่จำเป็นต้องสงสัยหยวนซั่วเลย ถ้าหยวนซั่วบอกว่าใช่ก็ต้องใช่แน่นอน
ไตรสุริยา!
เขามึนงงเล็กน้อย เมืองหยินมีไตรสุริยา แถมยังเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นไตรสุริยาของเมืองหยินเองด้วย
ใช่แล้ว ถ้าเฉียวเฟยหลงเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นไตรสุริยาละก็ เช่นนั้นเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งเมืองหยิน
เขาหลิวหลงเป็นกังวลว่าเมืองหยินจะถูกอพยพประชากร เขาครุ่นคิดมาตลอดว่าเมืองหยินไม่มีผู้แข็งแกร่งเลยไร้หนทางจะมั่นคงได้ สุดท้ายตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมืองหยินมีผู้แข็งแกร่งอยู่จริงๆ
แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นยืนในยามที่เมืองหยินตกอยู่ท่ามกลางอันตรายมาก่อน
ยามที่ชาดจันทราบุกลอบโจมตี พวกเขาไม่อยู่
ยามที่พวกมีพลังเหนือธรรมชาติก่อคดี เขาก็ไม่อยู่
เฉียวเฟยหลง!
เขาเป็นไตรสุริยาแต่ปกปิดตัวตนมาตลอด กระทั่งตนยังเคยจับตาดูเขามาก่อนด้วย แถมเจ้าหมอนั่นก็ไม่เคยหลุดพิรุธใดให้เห็นอีกต่างหาก
เรื่องการตายของสามีหลิวเยี่ยนต้องมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉียวแน่นอน
ผ่านไปนานหลิวหลงก็หายใจเข้าลึกเอ่ยเย้ยหยันตัวเองว่า “ผมเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองหยิน สุดท้ายก็มีหยวนซั่วแซงหน้ามา จากนั้นก็เป็นเขา…ช่างน่าขำเสียจริง”
“อาจารย์ของผมต่างออกไปครับ!”
หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงขรึม “ผมรับประกันได้ว่าอาจารย์ของผมเพิ่งเลื่อนขั้นเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ซึ่งก็คือวันที่ผมเข้าขั้นสิบสังหาร เขาไม่ได้จงใจปิดบังแต่อย่างใด!”
หลิวหลงสีหน้าเปลี่ยนทันที
จริงหรือ
เขาเข้าใจมาตลอดว่าหยวนซั่วขึ้นเป็นพันยุทธ์นานแล้ว เพียงแต่ปกปิดเอาไว้
“ก่อนหน้านี้เกรงว่าอาจารย์จะแข็งแกร่งสู้ลูกพี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
หลี่ฮ่าวรู้ว่าหลิวหลงคันยุบยิบในใจสงสัยว่าคราวที่เสี่ยวหย่วนตาย อาจารย์ไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดี จนกระทั่งเรื่องเกิดกับหลี่ฮ่าว อาจารย์ถึงเพิ่งเข้ามามีส่วนร่วม
ไม่ใช่แบบนั้นเลย!
หลี่ฮ่าวเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นกล่าว “ผมไม่มีทางปกปิดเด็ดขาด! หากตอนที่เสี่ยวหย่วนตาย อาจารย์ขึ้นเป็นพันยุทธ์แล้วแต่กลับไม่สนใจ…ผมคงไม่รักษาความสัมพันธ์กับอาจารย์มาตลอดเช่นนี้หรอกครับ ผมคงสะอิดสะเอียนใจแต่ไม่ใช่เลื่อมใสแบบนี้! อีกอย่างเหตุที่ผมเลื่อมใสอาจารย์เพราะหากตอนนั้นอาจารย์ขึ้นเป็นพันยุทธ์ เกรงว่าคงปลิดชีพอีกฝ่ายไปนานแล้ว หากผมพูดแบบนี้ลูกพี่จะเชื่อผมไหมครับ”
“เชื่อ!”
หลิวหลงพยักหน้า
เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วกลับมาสงบดังเดิม “ไตรสุริยา…น่าสนใจแฮะ แถมมีความเกี่ยวข้องกับยมราชด้วย”
เขาขบคิดแล้วกล่าว “ผมจะรายงานเบื้องบนดูว่าเราเรียกหัวหน้าเฮ่อมาได้ไหม แต่เกรงว่าหัวหน้าโหวไม่มีทางออกห่างจากเมืองไป๋เยวี่ยแน่นอน ในเมื่อปกปิดตัวตนเช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ต้องกำจัดเขาทิ้ง!”
ใช่แล้ว เขาเองก็ให้คำตอบเช่นนี้เหมือนกัน
ไม่ว่าจะหลิวหลงหรือหยวนซั่ว
บางครั้งปรมาจารย์นักรบก็น่ากลัวและโหดเหี้ยมไม่เบาเลย
พวกเขาไม่ต้องการหลักฐานใดๆ ไม่ต้องพูดอะไรพร่ำเพรื่อ ตอนที่หลี่ฮ่าวบอกว่าอีกฝ่ายเป็นไตรสุริยาและปกปิดตัวตนมาตลอด พวกเขามีเพียงความคิดเดียวก็คือชิงลงมือเพื่อให้ได้เปรียบก่อน ฆ่าตายแล้วค่อยว่ากัน ร้อยทั้งร้อยไม่มีทางฆ่าผิดแน่นอน
หากฆ่าผิด…เช่นนั้นก็ต้องโทษอีกฝ่าย ใครใช้ให้เขาปกปิดความสามารถที่แท้จริงกันล่ะ
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดและไม่เคยสนใจไถ่ถามยามที่เกิดเรื่องในเมืองหยินเลยคนหนึ่ง ตายก็ตายไปเถอะ พวกหลิวหลงไม่เคยนึกเสียใจเลยสักนิด
หลี่ฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “หากจัดการฆ่าไตรสุริยาคนหนึ่งเองได้ พลังลี้ลับพันกว่าลูกบาศก์อาจารย์ขอไม่เอาและจะยกให้ลูกพี่และคนอื่นๆ ในทีมทั้งหมด รวมถึงสุริยะพรายอีกสามคนด้วย!”
หลิวหลงดวงตาเบิกกว้าง!
เวลานี้เขาฟังความหมายของหลี่ฮ่าวเข้าใจแล้ว อย่างแรกอีกฝ่ายยังมีสุริยะพรายอีกสามคน
อย่างที่สองเขากับหยวนซั่วนัดแนะกันแล้วว่าอยากจะลอบฆ่ากันเอง!
เพื่อกอบโกยผลประโยชน์เพียงลำพัง!
แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น เขารีบขบคิดถึงสิ่งที่มีความเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
เขายังไม่ทันคิดออก หลี่ฮ่าวก็ชิงเอ่ยเสียงต่ำก่อนว่า “เขาครอบครองแหล่งอารยธรรมโบราณแห่งหนึ่งในมือ…อาจจะเป็นซากอารยธรรมโบราณ! มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นของตระกูลหลี่ของผม ดังนั้นผมกับอาจารย์ต้องการสิ่งนี้ เราจะให้คนรู้มากไม่ได้”
“แต่คุณมาบอกผมเนี่ยนะ”
หลิวหลงกัดฟันแน่น
ตอนที่หลี่ฮ่าวบอกว่าจะฆ่ากันเอง เขาก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ
คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮ่าวจะพูดออกมาโต้งๆ เช่นนี้เลย
ซากอารยธรรมโบราณ!
ซากอารยธรรมโบราณของแปดตระกูลใหญ่…เวลานี้เขาเข้าใจความหมายของหลี่ฮ่าวแล้ว
…………………………………………………………………