ตอนที่ 31 ชายชู้
หลังจากซย่าชิงอีจัดการอาหารที่มาส่งจนหมด เธอก็เช็ดปากแล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างพึงพอใจ ตอนนั้นเองที่สังเกตเห็นโม่หันที่กำลังนั่งนิ่งอ่านเอกสารตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด เขาครุ่นคิดบางอย่างพลางเอามือข้างหนึ่งเท้าคางขณะที่มืออีกข้างถือปากกาไว้
ระหว่างที่เธอมองดูเขา ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา
“เข้ามาได้ครับ” เขาเอ่ยอนุญาตและวางเอกสารในมือลง
“เจ้านายครับ นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอดีตภรรยาของประธานจางที่คุณถามหาเมื่อช่วงบ่ายครับ” เมื่อหลิวจื้อหย่วนเข้ามาในห้อง หลายครั้งเขาอดเหลือบมองซย่าชิงอีไม่ได้
“มีข้อมูลใหม่บ้างไหม” โม่หันขมวดคิ้วครุ่นคิดเกี่ยวกับวิดีโอที่ถูกส่งให้อดีตภรรยาของประธานจาง หลังจากเธอออกไปจากสำนักงานเมื่อตอนบ่าย เขาก็ต่อสายหาประธานจางเพื่อถามเกี่ยวกับวิดีโอที่เขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ใช่ความจริง แต่เมื่อถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขากลับโวยวายและพูดบ่ายเบี่ยง ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลที่โม่หันไม่รู้แน่ๆ
เงื่อนไขที่ภรรยาของประธานจางเรียกร้องคือการครอบครองหุ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์ของบริษัทจาง ซึ่งเขาต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน คงไม่มีผู้ชายคนไหนยอมยกส่วนแบ่งที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองให้ภรรยาเก่าของตัวเองเปล่าๆ เมื่อประธานจางไม่ยอมอ่อนข้อและภรรยาเก่าของเขายังกดดันอยู่อย่างนี้มาตลอด จึงนับว่าสถานการณ์ในตอนนี้ประธานจางเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่มาก หากยังเป็นเช่นนี้โดยไม่หาทางแก้ไข เห็นทีการขึ้นศาลในวันพรุ่งนี้น่าจะไปไม่สวยแน่
“ไม่ครับ ผมแค่ตรวจดูประวัติส่วนตัวของเธอและรวบรวมรูปภาพจากบัญชีบนอินเทอร์เน็ตของเธอ ทั้งหมดเป็นภาพตอนที่เธอใช้ชีวิตปกติทั่วไป ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากครับ”
โม่หันไม่สบอารมณ์นัก เขากดเสียงต่ำลงก่อนเอ่ยขึ้น “เข้าใจแล้ว คุณออกไปได้แล้วครับ”
ก่อนหน้านี้ตอนที่รออยู่ที่ห้องรับรองด้านนอก ซย่าชิงอียังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รู้เพียงว่าหลังจากที่หลิวจื้อหย่วนออกไป เขาแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเขาและถามขึ้น “ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“ผมสบายดี” เขายังคงก้มหน้าตรวจดูข้อมูลที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่
รูปที่อดีตภรรยาของประธานส่งมาวางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ซย่าชิงอีหยิบรูปหนึ่งขึ้นมาพิจารณา หญิงสาวในรูปแต่งหน้าจัด ไม่มีเส้นผมหล่นลงมาปกปิดใบหน้าสักเส้น ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ ล้วนดูดีอย่างที่คุณหญิงคุณนายหลายคนนิยมกัน
รูปของหญิงสาวในชุดนอนที่ถ่ายในห้องน้ำทำให้เธอรู้สึกถึงว่ามีบางอย่างแปลกๆ ซย่าชิงอีหยิบรูปอื่นๆ ขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด
“ประธานจางอายุเท่าไหร่คะ” เธอถามขึ้น
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา “ประมาณสี่สิบห้าปีได้”
เธอจ้องรูปภาพชั่วครู่ เมื่อแน่ใจว่ารู้อะไรบางอย่างแล้วก็ส่งรูปนั้นให้เขาดู เขายื่นมือรับ มองเธอด้วยท่าทางแปลกใจ “ทำไมเหรอครับ”
“ดูที่ชั้นวางของหลังกระจกในห้องน้ำดีๆ สิคะ เครื่องสำอางด้านบนนั้นน่ะ”
เขามองตาม มันเป็นแค่ขวดครีมบำรุงผิวตั้งวางเรียงกันธรรมดา ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต “ทำไมเหรอ คุณรู้จักของยี่ห้อพวกนี้เหรอครับ”
“นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญค่ะ ดูที่ขวดสีขาวนั้นสิ มันเป็นขวดครีมบำรุงสำหรับผู้ชาย ยี่ห้อนี้เหมาะสำหรับผู้ชายอายุประมาณยี่สิบโดยเฉพาะค่ะ”
“คุณหมายถึง…” โม่หันมองขณะที่นึกบางอย่างขึ้นได้ก่อนเบิกตากว้างขึ้น
“รูปนี้ถูกถ่ายเมื่อปีก่อน ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ภรรยาเก่าของประธานจางน่าจะมีชู้ก่อนที่เธอจะหย่า ดูท่าแล้วน่าจะคบหากันมานานแล้วด้วยค่ะ”
ตอนที่ 32 รูปงาม
ซย่าชิงอีเอ่ยต่อ “เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างประธานจางกับภรรยาเก่าระหองระแหงกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็บอกว่าเธอจะหย่ากับประธานจาง แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมล่ะ เธอไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลหรือมีอภิสิทธิ์มาจากไหน แค่หย่ากับเธอคงทำได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
โม่หันคิดตามที่เธอพูด ดวงตาฉายแววแน่วแน่มั่นใจ “เว้นแต่ว่า…เธอจะไปรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเขาเข้า”
หากแต่ ‘เรื่องบางอย่าง’ นั้นคืออะไรเป็นสิ่งที่ต้องหาคำตอบกันต่อไป แต่ที่รู้ตอนนี้คืออดีตภรรยาของประธานจางไม่ใช่คนเผยแพร่วิดีโอนี้อย่างแน่นอน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิดีโอเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาหย่ากันแล้ว เธอคงไม่พยายามใช้วิดีโอนี้ข่มขู่เขาหรอก ทันใดนั้นโม่หันก็นึกขึ้นได้ว่าไม่แน่อาจหาเบาะแสเพิ่มเติมจากวิดีโอได้ เขาเลยเปิดมันแล้วส่งให้ซย่าชิงอีดู “คุณคิดว่าวิดีโอนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า”
วิดีโอสั้นๆ ที่ยาวเพียงนาทีครึ่ง ถูกตั้งถ่ายจากมุมหนึ่งของโต๊ะและสามารถเห็นการกระทำและท่าทางของประธานจางได้ทั้งหมด ผู้ช่วยหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาของเขาที่อยู่ข้างๆ ยืนเฉยอีกด้านของประตู ก้มหน้าเหมือนไม่สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้น ภาพตัดไปในช่วงสิบวินาทีสุดท้ายเหลือเพียงแต่เสียง ไม่แน่ว่าเป็นไฟล์เสียงหรือความผิดพลาดในการเก็บภาพของกล้อง อย่างไรก็ตามเสียงนั้นก็ได้มัดตัวประธานจางที่ยอมรับว่ายักยอกเงินส่วนกลางของบริษัทไป
เธอดูวิดีโอนั้นซ้ำอีกครั้ง โม่หันสังเกตท่าทีของเธอที่ได้ไม่เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแค่ขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามขึ้น
เธอเอื้อมมือไปกดหยุดวิดีโอก่อนเงียบไปชั่วครู่ ตามองค้างบนหน้าจอ หลังจากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนคิดบางอย่างได้ ค่อยๆ หัวเราะออกมา
“วิดีโอนี้เป็นของปลอม มันถูกตัดต่อขึ้นมาค่ะ”
เขาจ้องมองภาพบนหน้าจออย่างสงสัย เขาเรียกฝ่ายสารสนเทศมาตรวจสอบดูเมื่อตอนบ่ายแต่พวกเขาบอกว่ามันไม่ได้ถูกแก้ไขหรือตัดต่อมา เธอสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมของเขาจึงกล่าวขยายความ “นี่มันเป็นไปไม่ได้ วิดีโอทั้งหมดยาวหนึ่งนาทีและตลอดเวลาก็เป็นการเจรจาเกี่ยวกับการยักยอกเงิน มันพอดิบพอดีเกินไปและไม่มีรายละเอียดอื่นๆ เลยนะคะ”
“แล้ว?” เขาเอ่ย
“คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอคะ คนปกติเวลาพูดเรื่องผิดกฎหมาย เขาก็หาทางหลีกเลี่ยงคำพูดที่มันแล้วสุ่มเสี่ยงกันทั้งนั้น แต่ในวิดีโอนี้ประธานจางกับอีกฝ่ายกลับไม่ได้ทำแบบนั้นเลย แถมยังย้ำคำว่า ‘ยักยอก’ ซ้ำไปซ้ำมาอีกต่างหาก ช่วงสิบวินาที่สุดท้ายที่ภาพตัดไปก็แสดงให้เห็นชัดว่าถ้าได้หลักฐานเพียงพอแล้ว ทำไมยังต้องมีเสียงที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรในตอนท้ายด้วยล่ะคะ
“เพราะฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่สองทาง อย่างแรก เธอตั้งใจทำไฟล์เสียงมาใส่วิดีโอแต่ทำมายาวเกินจำเป็น ส่วนอีกอย่างคือวิดีโอทั้งหมดเป็นของปลอมที่กว่าครึ่งหนึ่งถูกตัดต่อมา”
“แต่ฝ่ายไอทีบอกว่าวิดีโอนี้ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ” เขามองเธออย่างมีคำถาม
เธอยิ้ม “นั่นหมายความว่าฝ่ายไอทีของบริษัทคุณไม่เก่งพอยังไงล่ะ! ทำไมไม่หาผู้เชี่ยวชาญด้านภาพและเสียงจากข้างนอกมาตรวจดูล่ะคะ”
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะมาช่วยแก้ปัญหาที่เขาวุ่นวายกับมันมาทั้งวันได้ง่ายๆ อย่างนี้ ชวนให้นึกไปถึงครั้งแรกที่พบกัน เธอสามารถจัดการปัญหาเรื่องน้ำกรดในมือชายร่างใหญ่คนนั้นได้แบบสบายๆ
นี่นับเป็นครั้งที่สองแล้ว มันช่างเกินกว่าที่จะบอกว่าเป็นความบังเอิญ ซึ่งนี่อาจหมายความว่าเธอ…
ซย่าชิงอีรู้สึกว่าเธอแก้ปัญหาได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากหันไปเห็นสีหน้าไตร่ตรองของอีกฝ่าย เธอก็อารมณ์ดีและสดชื่นขึ้น เด็กสาวตบบ่าเขาเบาๆ “พี่! รู้ว่าฉันฉลาดมากขนาดไหนแล้วใช่ไหมล่ะคะ”