ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 59 คำขอโทษ / ตอนที่ 60 ไม่เข้าใจเขาเลย
ตอนที่ 59 คำขอโทษ
อารมณ์โกรธของเฉินโหรวพลุ่งพล่านขณะที่เธอพูด ดึงแขนของเธอจากการจับของซย่าชิงอีอย่างแรง และตบเข้าที่ใบหน้าเธออีกครั้ง ซย่าชิงอีมึนงงจากแรงตบก่อนล้มลงกับพื้น
เฉินโหรวก้มลงมองคนบนพื้น “เป็นไปไม่ได้! ฉันจะบอกอะไรให้นะ! โม่หันเป็นของฉันคนเดียว! ”
ซย่าชิงอีรู้สึกโมโหที่ถูกตบถึงสองครั้ง เธอลุกขึ้นยืน อยากจะตบคืนและจิกผมแฟนของโม่หันจนกว่าเธอจะร้องขอความเมตตา หรือจนกว่าตัวเธอจะหายโกรธ ไว้ค่อยอธิบายทุกอย่างทีหลัง!
ทว่าก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปทำตามความต้องการของตัวเอง โม่หันก็กลับมาถึงบ้าน
ซย่าชิงอีหันไปมอง ก่อนจะหันไปทางอื่นอย่างเงียบๆ เฉินโหรวรีบเข้าไปหาโม่หัน พลางชี้มาที่ซย่าชิงอีก่อนเอ่ยถามขึ้น “คุณพูดมาสิ! เธอเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านของคุณได้”
“ทำไมคุณถึงกลับมาล่ะ” โม่หันมองเฉินโหรว
“ทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้ล่ะ ถ้าฉันไม่กลับมาคงไม่รู้หรอกว่าคุณให้ผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ในบ้าน! พูดมาสิ! คุณเป็นอะไรกับเธอ” เธอกล่าวทั้งน้ำตาพลางเขย่าแขนโม่หัน
เขารู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นของใช้ที่ถูกทำลายกองอยู่กลางห้องนั่งเล่น รู้ว่าเฉินโหรวต้องเป็นคนโยนออกมาหลังจากรู้ว่าซย่าชิงอีอยู่ที่บ้านของเขาแน่
“เธอเป็นน้องสาวของผม! ” เขาถอนหายใจ
อีกฝ่ายยังคงไม่เชื่อแม้จะได้ยินจากปากของเขาเองก็ตาม “ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีน้องสาวด้วย คุณโกหกฉันอยู่หรือเปล่าคะ”
เขามุ่นคิ้ว เดินไปห้องนอน หยิบกองเอกสารวางลงตรงหน้าเธอ “ดูซะ นี่เป็นเอกสารทั้งหมด! ”
เธอหยิบเอกสารมาดูอย่างสงสัย กระบวนการดำเนินการรับเลี้ยงดูไม่มีรายละเอียดใดที่ผิดพลาด และระบุชัดเจนว่าพ่อแม่ของเขารับซย่าชิงอีมาเลี้ยงตอนอายุสิบสองปีที่อเมริกา
“ทำไมคุณไม่เคยบอกฉันว่ามีน้องสาวด้วย”
“ผมก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้” เขาเอ่ยขึ้น เดินไปหาซย่าชิงอีที่เอาแต่เงียบ หากแต่รอยมือสองรอยบนหน้าของเธอก็บอกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี เขาหันไปมองเฉินโหรว “คุณตบเธอเหรอ”
“ฉัน…”
โม่หันพูดเสียงตำหนิ “ขอโทษเธอซะ”
“ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ฉันคิดว่า…”
“ขอโทษเธอซะ! ” โม่หันกล่าวเสียงดังขึ้น
เฉินโหรวไม่เคยเห็นโม่หันโกรธขนาดนี้มาก่อน เขาไม่เคยพูดขึ้นเสียงใส่เธอ และนั่นทำให้เธอไม่พอใจ “ถึงแม้ฉันจะผิดก็จริง แต่ทำไมคุณต้องพูดจารุนแรงกับฉันขนาดนี้ด้วยคะ”
“ผิดก็คือผิด ขอโทษเธอซะ” เขาเอ่ย
เฉินโหรวหันไปมองซย่าชิงอีที่มองเธอเงียบๆ ให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่น้อย สุดท้ายเธอก็ก้มหัวและพูดขึ้น “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เมื่อซย่าชิงอีได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้สนใจมองเฉินโหรวอีก เธอแค่เดินไปและคุกเข่าลงเก็บของที่ถูกโยนออกมา เสื้อผ้าส่วนใหญ่มีรอยเปื้อน เอาไปซักก็น่าจะยังใส่ได้ แต่ของอื่นๆ อย่างผ้าห่มและของใช้ส่วนตัวล้วนพังแตกหักเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่ว
“พี่ต้องไปหาของพวกนี้มาให้ฉันใหม่แล้วล่ะ” เธอพูดขณะเก็บกวาดอยู่
“ไม่ต้องเก็บแล้ว ทิ้งมันไปเถอะ เดี๋ยวพี่ซื้อของใหม่ให้” เขานั่งลงบนโซฟา วางมือบนศีรษะ ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ไม่ต้องหรอกพี่” เธอกล่าวเสียงหนัก
ยกศีรษะขึ้นมามองเธอที่คุกเข่าบนพื้น ได้ยินเสียงของเธอเอ่ย “ฉันไม่อยากได้ของใหม่ แค่นี้ก็พอแล้ว”
เขาเพิ่งสังเกตว่าเธอไม่ได้มองหน้าเขาตรงๆ ตั้งแต่ที่เขามาถึงจนตอนนี้
ซย่าชิงอีเก็บของของเธอ ลุกขึ้นและส่งเสียงบอก “ฉันจะย้ายของฉันออกมาจากห้องพี่แล้วไปนอนในห้องนอนแขก จะได้ไม่รบกวนพวกพี่อีก”
ตอนที่ 60 ไม่เข้าใจเขาเลย
เฉินโหรวเดินไปนั่งข้างๆ โม่หันแล้วขยับตัวแนบชิดเขาเบาๆ หวังคลายอารมณ์ขุ่นมัวลงเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวอารมณ์ไม่ดีนัก “เอาล่ะ วันนี้ฉันอารมณ์ร้อนไปหน่อย ฉันจะไม่ทำอีก คุณก็เหนื่อยมากแล้ว เราเข้านอนกันเถอะนะคะ”
โม่หันรู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำไมวันนี้ถึงได้เพลียขนาดนี้นะ เขาไม่แม้แต่จะขยับตัวราวกับติดอยู่ในบ่อโคลนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเฉินโหรวเห็นซย่าชิงอีปิดประตูลง ก็กระซิบเสียงเบา “น้องสาวของคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมคุณไม่บอกฉันตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เราคุยกันล่ะคะ”
อีกฝ่ายรู้สึกเส้นเลือดเต้นตุบๆ อยู่ในศีรษะขึ้นมาทันที “ผมลืมบอก เรื่องมันยาวน่ะ” พลางดึงแขนของเธอออกและเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “คุณเพิ่งกลับมา เก็บกระเป๋าแล้วไปนอนก่อนเถอะ ผมขออยู่คนเดียวสักพัก”
เธอไม่กล้าทำให้เขาโกรธอีกรอบ พูดเสียงเบา “อย่างนั้นฉันไปนอนก่อนนะคะ แล้วตามมาล่ะ”
ร่างสูงพยักหน้ารับ
เขานั่งคนเดียวบนโซฟาเป็นเวลานาน ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดมาจากห้องของซย่าชิงอี เธอคงหลับไปแล้วตามเวลานอนปกติของเธอ ส่วนทางห้องนอนของเขายังมีเสียงบางอย่างดังออกมาให้ได้ยิน
เมื่อเสียงนั้นค่อยๆ เงียบลง เขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
เขาไม่ได้ติดบุหรี่ แค่สูบเป็นบางโอกาสตอนที่เขาเครียดจากเรื่องงานเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากจะสูบขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
โม่หันลุกขึ้นหาไฟแช็กและบุหรี่ในลิ้นชักก่อนเปิดหน้าต่างแล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ท่ามกลางความมืด
ทว่าสูบไปได้เพียงครึ่งเดียวก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นข้างหลัง เขาหันไปมอง พบว่าเป็นซย่าชิงอีที่เดินมาหาน้ำดื่มที่ห้องครัว ไม่รู้ว่าเธอเห็นเขาหรือไม่แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปทันทีที่เสร็จธุระ
“ซย่าชิงอี” เขาเรียก
เธอหยุดเดิน หันกลับมาหามองเขาอย่างเฉยชาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“มานี่” เขาเอ่ยพลางดูดบุหรี่ในมือไปด้วย
“ฉันแค่มาหาน้ำดื่ม เดี๋ยวจะกลับไปนอนแล้วค่ะ”
“พี่บอกให้มานี่” โม่หันพยักหน้าไปที่ว่างข้างๆ เขา
เธอนิ่งคิดสักครู่ก่อนเดินไปหาในที่สุด แต่แทนที่จะก้าวไปใกล้ๆ กลับหยุดยืนอยู่ระหว่างทาง ทิ้งระยะห่างจากเขาไว้ “มีอะไรเหรอคะ”
“เธอโกรธเหรอ”
เธอเหยียดยิ้ม “อยู่ดีๆ ก็โดนใครก็ไม่รู้เข้ามาตบถึงสองครั้ง ไม่ควรโกรธเหรอคะ”
“เธอ…อารมณ์ร้อนเกินไปหน่อย พี่ขอโทษแทนเธอด้วยแล้วกัน” เขากล่าวขณะมองหน้าเธอ
“ฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ ถึงยังไงเธอก็ขอโทษฉันแล้ว”
“ประคบน้ำแข็งสักหน่อย พรุ่งนี้จะได้ไม่บวม” อีกคนพูดขึ้น
“รู้แล้วค่ะ”
อันที่จริงเธอยังไม่เข้าใจนัก บางคนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดแค่ดูจากสีหน้าท่าทางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนอย่างไร ทว่าสำหรับโม่หัน เธอไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนหรือคิดอะไรอยู่เลยสักนิด
จากที่คลุกคลีกับคนรอบๆ ตัวเขา ทุกครั้งที่คิดว่าเข้าใจตัวเขามากขึ้น การกระทำของเขาก็มักปัดความคิดของเธอให้ตกไปทุกที
“พี่ไม่รู้เหตุผลจริงๆ ที่ฉันโกรธเหรอคะ” เธอถามขึ้น
เขาจ้องมองเธอ
“ในใจพี่ไม่เคยคิดว่าฉันเป็นน้องสาวบุญธรรมเลยสักนิด”
“ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” เขาถามกลับ คิ้วขมวดมุ่น
“พี่ไม่เคยบอกเรื่องของฉันกับครอบครัวของพี่เลย” เธอสบตาเขาอย่างไม่อ้อมค้อม
โม่หันไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของเธอมาก่อน มันช่างรุนแรงและกรีดลึกเข้าไปในใจของเขา