ตอนที่ 75 รักฉันหรือเปล่า
โม่หันไม่ฟังที่เธอพูดและโยนอีกฝ่ายลงบนเตียง คลุมผ้าห่มบนร่างของเธอ “ไม่ต้องกังวลน่า พี่จะไม่ไปไหนจนกว่าจะเห็นเธอหลับสนิทคืนนี้”
“ฉันจะนอนไม่หลับมากกว่าเดิมถ้าพี่อยู่ที่นี่น่ะสิ”
“ถ้าพี่ออกไป เธอคงไม่นอนดีๆ บนเตียงแน่” เขาเอ่ยพลางทิ้งตัวนั่งลงบนที่ที่เธอนั่งก่อนหน้านี้ ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนดีๆ บนเตียง
“ฉันนอนไม่หลับ ต่อให้ฉันผล็อยหลับไปฉันก็จะตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้ายอยู่ดี เพราะอย่างนี้ฉันถึงไม่กล้านอนหลับบนเตียง” เธอกล่าวหลังจากคิดว่าต้องพูดความจริงออกมา
เขาเริ่มคุยกับเธอ “เธอฝันว่าอะไร”
เด็กสาวว่า “ฉันฝันว่าล่องลอยอยู่ในทะเลลึก มีบางอย่างผลักฉันให้จมดิ่งลึงลงเรื่อยๆ รอบตัวแน่นขนัดและอึดอัดไปหมด ด้านล่างมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไรเลย ฉันฝันแบบนี้มาตั้งแต่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
โม่หันอาศัยแสงสลัวที่ส่องมาจากด้านนอก เปิดลิ้นชักแล้วหยิบขวดยาออกมา เทยาออกมาไม่กี่เม็ดก่อนส่งให้เธอกิน
“อะไรเหรอคะ”
“ยาแก้หวัด มันทำให้ง่วง กินสิ”
เธอรับยามาอย่างไม่พอใจขณะหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะมากินยาในมือ หันหน้าไปมองอีกฝ่ายก่อนพูด “พี่ออกไปได้แล้ว ฉันจะนอนดีๆ บนเตียง แล้วก็จะพยายามนอนต่อแม้จะตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายก็ตาม”
เขาทำเพียงนั่งลงข้างเตียง “พี่จะออกไปก็ต่อเมื่อเธอหลับแล้ว”
ซย่าชิงกลอกตาไปมาพลางหันหน้าหนีเขาอย่างต้องการพักผ่อนเมื่อรู้สึกง่วง
โม่หันมองอีกฝ่ายจากด้านหลัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดในชีวิต “นอนซะ พี่จะปกป้องเธออยู่ตรงนี้เอง ไม่ต้องกลัว ถึงเธอจะฝันร้าย พี่ก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ”
คนฟังปิดตาลง เธฮรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ความไม่สบายตัวที่รบกวนถูกผ้าห่มผืนนุ่มบนเตียงห่อหุ้มไว้จนค่อยๆ จางหายไป
ราวกับว่าเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ แล้ว เธอไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดอีกต่อไป
ถึงจะฝันร้ายก็ไม่เป็นไรหากมีใครสักคนอยู่ข้างกายยามที่เธอตื่นขึ้นมา
บางทีลองเชื่อสักครั้งก็คงไม่เป็นไรนัก
โม่หันกลับมาที่ห้องของตัวเองในเวลาตีสอง ขาชาจากการนั่งบนพื้นนานเกินไป เขาคิดว่าเฉินโหรวคงหลับไปแล้วจึงขยับตัวเงียบๆ อย่างไม่อยากรบกวนการนอนของเธอ ทำเพียงถอดเสื้อคลุมออกก่อนเข้านอน
ในตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงของเฉินโหรวที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ เอ่ยขึ้นเสียงเบาท่ามกลางความมืดในค่ำคืนที่โดดเดี่ยว “ถ้าเป็นฉัน คุณจะทำแบบนี้เหมือนกันไหมคะ”
เขาตอบ “อย่าคิดมากเลย นอนได้แล้ว”
เธอฝืนที่จะไม่หันไปมองเขา อดกลั้นก้อนสะอื้นขณะกระชับกอดตัวเองไว้ “โม่หัน คุณรู้ไหมว่าตอนที่เห็นคุณสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ฉันคิดว่าคงจะดีถ้าได้เป็นคนรักของคุณ เพราะฉันทั้งสวยและมีความสามารถก็เลยคิดว่าคงทำให้คุณมาเป็นของฉันได้ไม่ยากนัก หลังจากนั้นฉันเลยเข้าไปทำความรู้จักกับเพื่อนสนิทของคุณ พยายามไปหาคุณทุกวันจนกระทั่งเรียนจบ แล้วคุณก็กลายมาเป็นแฟนของฉัน แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดขึ้นได้ว่าถ้าได้เป็นน้องสาวของคุณเหมือนซย่าชิงอีคงจะดีกว่า”
โม่หันพูดขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องคิดแบบนั้นหรอก คุณก็คือคุณ เธอก็คือเธอ”
ฝ่ายที่ฟังอยู่พลิกตัวนอนหงายพลางจ้องมองไปในความมืด ก่อนกล่าว “แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนคุณกำลังเลือกระหว่างน้องสาวของคุณกับฉันเลยล่ะคะ เธอมีความสำคัญมากกว่าอย่างนั้นเหรอ”
เขาตัดบท “เลิกคิดไปเรื่อยได้แล้ว เฉินโหรว มันไม่มีอะไรทั้งนั้น”
เธอยิ้มออกมา อาจเป็นเพราะความมืดที่ปิดบังอยู่ทำให้เธอกล้ามากกว่าปกติ เอ่ยถามสิ่งที่อยากถามมาตลอด “โม่หัน คุณรักฉันบ้างหรือเปล่าคะ”
ตอนที่ 76 เราเลิกกันเถอะ
“โม่หัน คุณรักฉันบ้างไหม”
อีกฝ่ายไม่ตอบและพูดเพียงแค่ว่า “ดึกแล้ว คุณนอนเถอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เฉินโหรวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เธอรู้คำตอบอยู่ในใจแล้ว
พวกเขานอนหันหลังให้กันทั้งคืน ต่างคนต่างนอนไม่หลับ
ซย่าชิงอีไข้ขึ้นในเช้าวันต่อมา เมื่อโม่หันเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเธอก้มหน้านั่งอยู่บนเตียง หายใจเนิบช้า ใบหน้าขึ้นสีแดงจัด สายตาล่องลอยอย่างไร้สติ เฉินโหรวรออยู่ที่บ้านขณะที่เขาพาซย่าชิงอีไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล
พวกเขาควรคุยเรื่องที่ค้างคาเมื่อวานอย่างจริงจังกันทีหลัง
เมื่อเขากลับมาจากโรงพยาบาล เฉินโหรวยังคงนั่งอยู่บนโซฟาในท่าเดิมเหมือนกับตอนที่เขาออกจากบ้านไป
“คุณกินอะไรหรือยัง”
เธอส่ายหน้า “ฉันไม่หิวค่ะ รอคุณกลับมาอยู่”
“ออกไปกินข้าวข้างนอกเถอะ ไว้คุยกันระหว่างนั้น” เขาเอ่ย
พวกเขามาที่ร้านอาหารที่ไปกันเป็นประจำก่อนหน้านี้ ทั้งที่อยู่ในสถานที่เดิม คนเดิม แต่กลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
“คุณยังไม่ตอบคำถามของฉันเมื่อวานเลยนะคะ” เฉินโหรวก้มหน้าและถามขึ้น
โม่หันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนกล่าว “ครับ”
อีกฝ่ายสูดหายใจลึก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองตาของเขา ฝืนยิ้มและว่าออกมา “พูดออกมาสิคะ”
เขาตอบ “คุณเป็นคนฉลาด คงเดาคำตอบของผมได้อยู่แล้ว”
เธอรู้สึกใจหาย ปลายนิ้วของเธอสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ “ฉันอยากได้ยินจากปากของคุณค่ะ”
เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้เลยสักนิด แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปได้อีก “เฉินโหรว เราเลิกกันเถอะ”
หยดน้ำตาร่วงลงอาบแก้มของเธอ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “ทำไมล่ะคะ”
เขากล่าวเสียงเย็นชา “คุณรู้ดีว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้รักคุณ”
เธออยากปิดหูไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีก แต่กลับได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจน “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงมาคบกับฉันล่ะคะ ตั้งสามปีเชียวนะ! เราคบกันมาตั้งสามปี ทำไมคุณถึงใจร้ายได้ขนาดนี้!”
“ผมขอโทษ ตอนนั้นผมคิดว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้ เราเห็นตรงกันในหลายๆ เรื่อง ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเคยชอบคุณ ผมเลยอยากลองคบกับคุณ แต่ตอนนี้…ผมไม่รู้ว่าจะรักคุณได้ยังไงแล้ว”
เฉินโหรวเกือบจะเข้าไปตบหน้าเขาแล้ว แต่เธอก็ทำเพียงส่งยิ้มให้ “ไปด้วยกันได้เหรอ! ใช่สิ เราไปด้วยกันได้ ไม่มีใครดูเข้ากันได้ไปมากกว่าเราแล้ว”
เขาเอ่ย “เฉินโหรว ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร คนที่รักคุณมากพอที่จะยกให้คุณเป็นคนสำคัญและเป็นของคุณแค่เพียงคนเดียว แต่คุณต้องเข้าใจว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้ และผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองด้วย”
น้ำตายังคงพรั่งพรูเปรอะเปื้อนใบหน้าของเธอ “แต่…เราคบกันมาตั้งสามปีเชียวนะคะ สามปีเลยนะ”
“ระหว่างเราสองคนต้องมีคนหนึ่งที่ต้องใจร้าย ผมรู้ว่าคุณทำไม่ได้ ดังนั้นผมต้องเป็นคนใจร้ายคนนั้นเอง”
เธอดึงมือของเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง “ไม่… ไม่ โม่หัน ถอนคำพูดของคุณเถอะนะ เรา… ลืมเรื่องที่พูดก่อนหน้านี้ไปเถอะนะคะ… ฉันไม่สนใจว่าคุณจะรักฉันหรือเปล่า แค่คุณยังชอบฉันอยู่ก็พอแล้ว เรามาค่อยๆ ลองกันอีกครั้งนะคะ นะคะ…”
โม่หันดึงมือของเธอออก “ผมมาที่นี่วันนี้เพื่อสะสางเรื่องของเราให้เรียบร้อย ผมเคยคิดเรื่องนี้มาสักพักหลังจากที่คุณกลับมา และผมคิดว่าคงไม่สามารถโกหกคุณต่อไปได้อีกแล้ว ขอโทษสำหรับเรื่องในอดีตด้วย เป็นความผิดของผมเอง”
“ฉันไม่ต้องการจะฟังสิ่งเหล่านี้… ฉันอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม… คุณโกหกฉันต่อไปก็ได้” เฉินโหรวเอ่ยพลางร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง
“เฉินโหรว ปล่อยผมเถอะ คุณต้องการคนที่ดีกว่าผม” เขากล่าว
“ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น ฉันต้องการแค่คุณ” เธอร้องสะอื้นไห้
“ฉันต้องการแค่คุณ” ดึงแขนเสื้อของอีกฝ่าย พูดไปทั้งน้ำตา “ฉันจะไม่ทะเลาะกับน้องสาวของคุณอีก ฉันรู้ว่าเธอเป็นน้องสาว เป็นญาติของคุณ ฉันจะไม่หาเรื่องเธอ ไม่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณอีก ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว คุณช่วยอยู่ข้างฉันต่อไปได้ไหมคะ ขอร้อง ฉันขอร้องนะคะ”
โม่หันขมวดคิ้วมุ่นก่อนว่าขึ้น “เฉินโหรว นี่มันไม่เกี่ยวกับซย่าชิงอีเลย มันเป็นเรื่องของเรา คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่นเลย”