จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 737 ข้าสงสัยว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่737 ข้าสงสัยว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส

วี่อู๋เสียตกตะลึง ดวงตาเต็มไปด้วยความระวังและตื่นตัว “เจ้าถามพวกนี้ทำไม?”

“เจ้าไม่ต้องสนว่าข้าจะทำไร ตอนนี้ข้าเป็นคนถามเจ้า ไม่ใช่เจ้าถามข้า หากรู้สึกว่าหมูในนี้ยังไม่พอ ข้าก็สามารถให้คนเอาวัว เอาแกะ และก็หมาป่ามาให้เจ้าได้ ออใช่แล้ว ยังมีด้วงมูลสัตว์ ของแบบนั้นชอบกลิ้งมูลสัตว์มากที่สุดแล้ว ตัวเจ้ามีมูลหมูเยอะขนาดนั้น พวกมันคงมีความสนใจเป็นอย่างมากแน่!” หยุนถิงจงใจพูด

เมื่อวี่อู๋เสียนึกถึงแมลงดำๆนั้น ก็หันศีรษะด้วยความขยะแขยงและอาเจียนในทันที

แน่นอนว่า เขาไม่ได้อาเจียนอะไรออกมาเลย เพียงแค่คลื่นไส้ ช่วงนี้คนเหล่านั้นให้หมั่นโถวเพียงลูกหนึ่งกับเขา คนทั้งคนหิวจนอ่อนแอยิ่งนัก

กำลังภายในของเขาถูกปิดผนึกเอาไว้ ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอ ตอนแรกๆก็ตะโกนไปสองสามวัน แต่หลังๆมาเสียงแหบแห้ง ไม่มีคนสนใจเขาเลย วี่อู๋เสียตกอยู่ที่ที่ลำบาก ไม่มีคนช่วยเหลือ

“ซื่อจื่อเฟยถามเจ้าอยู่ หากเจ้ายังอยากอยู่ตรงนี้อีกสักหนึ่งปีหรือครึ่งปี ไม่ต้องพูดก็ได้!” จวินหย่วนโยวทำเสียงเชอะอย่างเผด็จการ เอื้อมมือไปจับมือของหยุนถิงหันหลังและจากไป

วี่อู๋เสียเห็นพวกเขาจะไปจริง ก็ตื่นตระหนกในทันที

เขารู้ว่านี่คือโอกาสเดียวของตัวเอง แม้ว่าการทรยศคนในเผ่าจะไม่ค่อยดี แต่เขาก็ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อนสิ

“ได้ ข้าบอกเจ้า แต่เจ้าต้องพาข้าออกไปจากที่นี่ก่อน เตรียมชุดที่เปลี่ยนให้ข้า แล้วก็ของกิน เล้าหมูนี้ข้าไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียวแล้ว” วี่อู๋เสียเสนอเงื่อนไขออกมา

“ได้”

ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนเดินเข้ามา ประคองวี่อู๋เสียออกมาด้วยความขยะแขยง และพาเขาไปอาบน้ำ

ประมาณครึ่งชั่วยามวี่อู๋เสียจึงค่อยออกมา ชุดขาวสะอาด ผมถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย แม้สีหน้าจะซีดเล็กน้อย แต่ดูแล้วก็เหมือนคนขึ้นสักหน่อย

“ข้าจะกินของ”

“มาทางนี้!” ผู้ใต้บังคับบัญชาพาเขาไปที่ลานหน้าบ้าน เมื่อเห็นอาหารสี่อย่างและซุปหนึ่งชามบนโต๊ะ สีหน้าของวี่อู๋เสียก็มืดครึ้มในทันที

หมูสามชั้นน้ำแดง ซี่โครงหมูซอส ขาหมูพะโล้ หมูหยองผัดพริกหยวก ทุกจานมีหมู เมื่อคิดถึงกลุ่มหมูอ้วนที่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนั้นก็รู้สึกอยากอวกยิ่งนัก วี่อู๋เสียยังไม่ทันได้กินก็หันหลังและคลื่นไส้ในทันที

“ยกไป ยกออกไป ยกไปให้หมด พวกเจ้าจงใจทรมานข้าหรือ”

“กินอย่างไม่ต้องเสียเงินยังจะมาไม่ชอบอีก ข้าว่าเจ้านะไม่หิว ที่พวกข้านะเป็นที่เลี้ยงหมู เนื้อที่กินก็ต้องเป็นเนื้อหมูอยู่แล้ว ล้วนเป็นผักที่ผัดกับเนื้อ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดียิ่งนัก อันนี้ไม่กินก็กินผักเขียวได้แล้ว” ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งพูดอย่างหมดความอดทน

“ถ้าอย่างนั้นก็เอากินผัก รีบยกไป!” วี่อู๋เสียเร่ง

ผู้ใต้บังคับบัญชารีบยกไป ไม่นานก็มีผักมาวางเต็มโต๊ะ ไม่มีอาหารเนื้อสัตว์และคาวสักอย่างเลย

วี่อู๋เสียรีบวิ่งไป ใช้มือกินโดยตรงแม้แต่ตะเกียบก็ไม่ใช้

หิวมานานขนาดนี้ ทำเขาจู่เขาก็รู้สึกว่าผักถึงได้อร่อยมากเช่นนี้ ปกติกินแต่อาหารชั้นเลิศ ปลาและเนื้อจนเคยชิน เกลียดผักที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้กลับกินผักในจานหมดติดต่อกันไปหลายจานเลย

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวยืนอยู่ข้างๆ และมองดูอย่างเย็นชา

ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนยกเก้าอี้มา จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงก็นั่งลงทันที “นั่งทางนี้ ตัวไอ้หมอนั้นมีกลิ่นขี้หมู เดี๋ยวจะเหม็นเอา!”

วี่อู๋เสียที่กำลังกินอยู่ พ่นอาหารทั้งหมดในปากออกมาทันที และจ้องมองจวินหย่วนโยอย่างโหดร้าย

“จวินหย่วนโยไอ้คนไร้มโนธรรม เจ้าจงใจสินะ!”

“ข้าก็แค่พูดตามความจริง” จวินหย่วนโยทำเสียงเชอะ

“ข้าอาบไปตั้งครึ่งชั่วยามแล้ว” วี่อู๋เสียมองดูสีหน้าที่เย็นชาของจวินหย่วนโย ก็รู้สึกเริ่มไม่แน่ใจ รีบก้มหัวลงแล้วดมกลิ่นบนตัวดู

พอดมแล้วก็ทำเอาเขาต้องขมวดคิ้ว มีกลิ่นขี้หมูจริงด้วย กลิ่นที่ทำให้อยากคลื่นไส้นั้น ทำให้เขาอาเจียนอีกครั้ง จนอาเจียนผักที่พึ่งกินเข้าไปนั้นออกมาหมดเลย

จวินหย่วนโยวมองอย่างเย็นชา บนใบหน้าไม่มีแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจและความสงสารสักนิดเลย

กล้าแตะต้องลูกชายของเขา การลงโทษนี้ก็ยังถือว่าเบาไปเลย

“ให้เจ้าให้การอย่างชัดเจนเสร็จโดยเร็ว ก็จะได้รีบจากไป!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ

วี่อู๋เสียอาเจียนจนหน้ามืดตามัวเลย คนทั้งคนก็ทรุดตัวลงจากเก้าอี้และกลิ้งลงมาอยู่บนพื้นโดยตรง และเช็ดคราบที่มุมปากอย่างแรง

“ได้ ข้าบอก ข้าบอกตอนนี้เลย บอกหมดแล้วเจ้าก็ปล่อยข้าไป ห้ามให้คนมาแอบโจรตี หลังข้าไปแล้วก็ยิ่งห้ามจับข้ากลับมาอีก!” วี่อู๋เสียพูดไว้ก่อน

“ข้าจะไม่ผิดคำมั่นสัญญาอย่างแน่นอน”

“ข้าก็จะทำอย่างที่พูด”

ได้รับการรับประกันของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง วี่อู๋เสียก็รีบพูดออกมา “ข้าเป็นคนของเขตทะเลนิรนามจริง ตรงนั้นมีสำนักหนึ่งที่เลี้ยงพิษกู่โดยเฉพาะ ก็คือตระกูลเซียว

หากจะบอกว่าวิชาพิษกู่เก่งที่สุด นั่นก็คือเซียวหรูซื่อเจ้าบ้านในรุ่นนี้ของตระกูลเซียว ตอนนี้นางควบคุมทั่วทั้งตระกูลเซียว แถมยังเป็นฮูหยินเจ้าทะเลของเขตทะเลนิรนาม

โดยปกติแล้วเจ้าทะเลไม่ค่อยสนใจอะไร ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าน่านน้ำทางทะเลทั้งหมดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเซียวหรูซื่อ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าอำนาจใหญ่โต ตระกูลเซียวมีการสนับสนุนของนาง ตอนนี้ได้กลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจใหญ่อันดับหนึ่งในเขตทะเลนิรนามแล้ว”

“เซียวหรูซื่อ!” หยุนถิงพูดอย่างครุ่นคิด “ดังนั้นครั้งนี้ที่เจ้าลักพาตัวลูกชายข้าไป ก็เป็นเพราะได้รับการสั่งการของนางหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว นางอยู่ในเขตทะเลนิรนาม จะไปมีเวลามายุ่งเรื่องแคว้นต้าเยียนได้อย่างไร นี่เป็นเพียงอารมณ์ขึ้นชั่วคราวของข้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าเห็นคนของเจ้าเอาของที่เหมือนกระบอกปืนเอามา ทรงพลังยิ่งนัก ดังนั้นข้าจึงเกิดความคิดที่อยากจะเอาลูกชายเจ้ามาแลกอาวุธนั้นกับเจ้า” วี่อู๋เสียตอบโต้ทันที

ดวงตาที่มืดทึบของจวินหย่วนโยวกวาดมองมา “คนชุดดำที่มาช่วยเจ้าคือใคร เจ้ากับผิงหนานอ๋องมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”

“ชื่อของเขาคือเจว๋กู่ ลือกันว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของเซียวหรูซื่อ ไอ้หมอนั้นถูกทิ้งเอาไว้ในกองศพตั้งแต่เด็ก เขารอดชีวิตมาได้ด้วยการฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ไม่ใช่คนธรรมดา ตั้งแต่เด็กข้าสู้กับเขา ก็ไม่เคยชนะมาก่อนเลย”

เขากับผิงหนานอ๋องแห่งแคว้นเทียนจิ่วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันมั้ง ข้ารู้เพียงว่าผิงหนานอ๋องมักจะสะสมสมบัติหายาก และยังส่งทหารส่วนตัวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีไปให้เซียวหรูซื่อ เพื่อช่วยนางขยายอำนาจ

อันที่จริง ข้าอยากรู้อยากเห็นกว่าพวกเจ้าอีก ก่อนหน้านี้สงสัยว่าเจว๋กู่เป็นบุตรนอกสมรสของเซียวหรูซื่อกับผิงหนานอ๋องหรือไม่ แต่ต่อมาข้าสืบไปตั้งนานก็ไม่พบเบาะแสใดๆเลย

อีกอย่างคนที่เซียวหรูซื่อรักที่สุดคือเจ้าทะเล และยังได้ให้กำเนิดลูกสามคนกับเขา แถมนางก็ไม่เคยออกจากเขตทะเลนิรนาม ดังนั้นภายหลังข้าจึงยอมแพ้แล้ว” วี่อู๋เสียพูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมาให้หมด

หยุนถิงได้ยินอย่างชัดเจน “เจ้าทะเลของพวกเจ้าเป็นคนอย่างไร?”

“มีข่าวลือว่าโหดร้าย กระหายเลือด หยิ่งยโสและก้าวร้าว และไร้ความปรานี ว่ากันว่าตอนนั้นเจ้าทะเลอาศัยเพียงกำลังของตัวเองเพียงผู้เดียวก็ทำให้ทั่วทั้งเขตทะเลอื่นหวาดกลัวกันไปหมด จึงได้ชื่อที่ว่าเป็นน่านน้ำทางทะเลอันดับหนึ่งของเขตทะเลนิรนาม” วี่อู๋เสียพูดถึงเจ้าทะเล ดวงตาเต็มไปด้วยความนับถือและตื่นเต้น

“เจ้าทะเลของพวกเจ้าชื่ออะไร?”

“ไม่สิ นี่มันหลายคำถามแล้ว พวกเจ้าบอกว่าถามข้าเพียงคนที่เลี้ยงกู่ ข้าได้ตอบไปแล้ว ตอนนี้ปล่อยข้าไปได้หรือยัง” หวี่อู๋เสียเลิกคิ้วและมองมา

“เจ้าไปได้แล้ว!” เสียงอันเย็นชาของจวินหย่วนโยวดังขึ้น

“ได้เลย! ชาตินี้ไม่ต้องพบกันอีก” วี่อู๋เสียลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งไปที่ประตูทันที

“ไอ้โง่ ประตูอยู่ทางนี้!” ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งพูด

“งั้นเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก!” วี่อู๋เสียรีบวิ่งไปอีกด้านทันที เพราะเร็วเกินไป คนทั้งคนก็ล้มลง วี่อู๋เสียก็ไม่อาจสนความเจ็บปวดบนร่างกายได้ รีบวิ่งหนีไปอย่างเร็ว

ที่นี่คือนรกชัดๆ ไม่สิ มันเป็นสถานที่ที่น่ากลัวกว่านรก

“ท่านพี่ ท่านคิดอย่างไรกับสิ่งที่เขาพูดในเมื่อครู่” หยุนถิงถาม

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท