จอมนางข้ามพิภพ – บทที่ 854 ซื่อจื่อเฟยนี่เจ้าปล้นหรือไง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่854 ซื่อจื่อเฟยนี่เจ้าปล้นหรือไง?

หยุนถิงมองอย่างปลื้มใจ หยวนเป่ายังไม่ถึงขั้นที่ช่วยไม่ได้ เขาสามารถริเริ่มยอมรับความผิดและไปทำท่านั่งม้า เช่นนั้นก็แสดงว่ายังมีความหวัง มิฉะนั้นอยู่กับหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยคู่ที่สับสนนี้ ต่อไปต่อให้โตขึ้นก็ไม่ได้เรื่องอะไรแน่เลย

“หลู่อ๋อง หลู่หวางเฟยเนื้อย่างเสร็จแล้ว มาทานด้วยกันเถอะ” หยุนถิงเสนอแนะ

“อืม!” หลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยตอบตกลงอย่างดีใจ

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกชาย พวกเขาสองคนต่างก็ดีใจยิ่งนัก

อันที่จริง ในใจของพวกเขาเองก็รู้ดีว่าตามใจลูกเช่นนี้ไม่ดี แต่หลายปีแล้วหลู่หวางเฟยก็ยังท้อง และในที่สุดก็ให้กำเนิดลูกชายอย่างยากลำบาก ดังนั้นทั้งสองจึงตามใจเกินไปหน่อย

รั่วจิ่งยื่นเนื้อย่างเสียบไม้มา “ซื่อจื่อน้อย พวกนี้ย่างเสร็จหมดแล้ว”

“ขอบคุณ” จวินเสี่ยวเทียนรับมา และไม่ได้กินเอง แต่กลับหันมองหยุนถิง “ท่านแม่ ข้าสามารถเอาเนื้อย่างนี้ให้น้องกินได้หรือไม่?”

“เนื้อย่างของเจ้า เจ้าตัดสินใจเอง” หยุนถิงตอบ

“ขอบคุณท่านแม่” จวินเสี่ยวเทียนรีบวิ่งไปหาจวินเสี่ยวเหยียนพร้อมกับเนื้อย่าง “น้องสาวรีบกินเร็ว นี่พึ่งย่างเสร็จ”

เดิมที่จวินเสี่ยวเหยียนที่ยังโกรธอยู่ เห็นเนื้อย่าง ความไม่พอใจในเมื่อกี้นั้นก็สูญหายไปในทันที และรีบเอื้อมมือรับมาและกินไปคำใหญ่

“อืม อร่อย อร่อยจริงๆเลย สิ่งที่อารั่วจิ่งย่างนั้นอร่อยยิ่งนัก” จวินเสี่ยวเหยียนพูดชมเชย

หยวนเป่ามองดูเนื้อย่างที่หอมมากนั้น ก็น้ำลายไหลอย่างตะกละตะกลาม “ให้ ให้ข้าไม้หนึ่งได้หรือไม่?”

จวินเสี่ยวเทียนหันมองเขา “งั้นต่อไปเจ้ายังแย่งของกับข้าอีกหรือไม่?”

“ไม่แย่งแล้ว ข้ารู้ผิดแล้ว ต่อไปข้าจะไม่แย่งกับเจ้าอีกแล้ว” หยวนเป่าตอบทันที

“งั้นก็ได้ ให้เจ้าสองไม้” จวินเสี่ยวเทียนยื่นมา

“ขอบคุณ” หยวนเป่ายื่นมือไปรับ เพราะอ้วนเกินไป และได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก และไม่เคยทำท่านั่งม้ามาก่อนเลย คนทั้งคนจึงล้มลงกับพื้น

“โอ๊ย!” หยวนเป่าร้องลั่น แต่ก็นั่งกินบนพื้นโดยไม่ร้องไห้ทันที

เมื่อหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยเห็นลูกชายล้มลง ก็อยากไป แต่ถูกหยุนถิงห้ามเอาไว้ “บางครั้ง พ่อแม่ปล่อยมืออย่างพอเหมาะ ก็เป็นการฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก

ข้าเข้าใจถึงความรักที่พวกเจ้าสองคนมีต่อลูก แต่หากพวกเจ้ายังคงปรนเปรอตามใจไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วมันต้องทำร้ายหยวนเป่าแน่

ตอนนี้พวกเจ้าสามารถปกป้องเขา ดูแลเขา และตามใจเขา ต่อเมื่อพวกเจ้าตายไปละ ถึงตอนนั้นหยวนเป่าจะทำอย่างไร?

ถ้าเขาไม่สามารถจัดการกับชีวิตของตัวเองได้ ไม่มีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด และไม่สามารถตัดสินถูกหรือผิดได้ เพียงแค่ทรัพย์สินเหล่านั้นของจวนหลู่อ๋องก็คงถูกเขาล้างผลาญหมดภายในไม่กี่ปีอย่างแน่นอน

ตั้งแต่เด็กเขาก็คุ้นเคยกับการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ถ้าไม่มีเงินใช้ ก็ย่อมคิดหาทุกวิถีทาง หากถูกผู้ที่คิดไม่ดีใช้ประโยชน์ไป หรือทำเรื่องอะไรที่ร้ายแรงหรือไร้มโนธรรมลงไป ต่อให้เขาสืบถอดตำแหน่งหลู่อ๋อง ถึงเวลานั้นฝ่าบาทก็คงไม่ปล่อยเขาไว้ หรือพวกเขาอยากตายไปแล้วก็ยังตายตาไม่หลับอีกหรือ? “หยุนถิงถามกลับ

หลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยทั้งสองตกตะลึงไปชั่วขณะ และยืนนิ่งอยู่อย่างไม่ขยับ

พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย คิดเพียงว่าจะทำดีต่อลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในขณะนี้ได้ยินคำพูดของซื่อจื่อเฟย ทั้งสองคนก็ตระหนักได้ทันที

ใช่ หากพวกเขาเสียไปหยวนเป่าจะทำอย่างไร?

พ่อบ้านส่งนำเนื้อย่างที่ย่างเสร็จแล้วส่งมาต่อ เด็กทั้งสามกินอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจวินเสี่ยวเหยียนจะยังคงทำท่านั่งม้าอยู่ แต่สองมือของนางกลับเอาไว้เยอะสุด เด็กๆหัวเราะกันอย่างมีความสุข

ไม่ไกล ระหว่างคิ้วของโม่ฉือหานมีความชื่นชมขึ้นเล็กน้อย สมกับเป็นหยุนถิงจริงๆเลย พูดแทงใจคนยิ่งนัก คำพูดเพียงไม่กี่คำก็เตือนสติหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยเลย

ดวงตาแสนสวยของเป่ยตันเสวี่ยมีร่องรอยของความรังเกียจ หยุนถิงกลับสอนหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยสั่งสอนลูก ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งชัดๆ

“ท่านอ๋อง ไม่สู้พวกข้ากลับ——-” เป่ยตันเสวี่ยกำลังจะพูด โม่ฉือหานก็ได้ยกเท้าและเดินไปแล้ว

“จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมีเก่งยิ่งนัก สอนเด็กได้ดีเยี่ยงนี้” โม่ฉือหานกล่าว

จวินหย่วนโยวเหลือบมองเขา ใบหน้าเย็นชาเหมือนเคย “ถิงเอ๋อร์ของข้าสอนมาดี ก็ต้องเก่งอยู่แล้ว”

สีหน้าของเป่ยตันเสวี่ยดูไม่ดีเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะ ก็ซ่อนความไม่พอใจในดวงตาแสนสวยไว้แล้ว “ไม่ทราบว่าจวินซื่อจื่อกกับซื่อจื่อเฟยทำของอร่อยอะไรกัน กลิ่นหอมยิ่งนัก?”

“ปิ้งย่าง หากเรียกตามทั่วไปก็คือเนื้อย่างเสียบไม้ แคว้นเป่ยลี่ไม่มีอยู่แล้ว หากหลีหวางเฟยอยากกิน ไม้หนึ่งสิบตำลึงเงิน” หยุนถิงจงใจกล่าว

“สิบตำลึงเงินเนื้อไม้หนึ่ง ซื่อจื่อเฟยนี่เจ้ากำลังปล้นหรือ?” เป่ยตันเสวี่ยโกรธจนหน้ามืดครึ้มทันที

“ไม่ได้ปล้น เป็นเพียงป้ายราคาที่ชัดเจน เนื้อของข้าก็ไม่ได้ได้มาเปล่าๆ ใช้หมูสามชั้นที่ดีที่สุดและหมักด้วยเครื่องปรุงรสพิเศษเป็นเวลาเจ็ดวัน ให้รสชาติมันเข้าไปก็ได้แล้ว ในฐานะหลีหวางเฟยยังไม่มีเงินกินเนื้อย่างเพียงไม่กี่ไม้หรือ?” หยุนถิงจงใจถามกลับ

สีหน้าของเป่ยตันเสวี่ยแย่ลง และกำลังจะหักล้าง โม่ฉือหานก็กล่าวว่า “หวางเฟยของข้าก็ย่อมมีเงินกินอยู่แล้ว นางอยากกินเท่าไหร่ข้าจ่ายให้เจ้า”

“ดี รั่วจิ่งเอาเนื้อย่างมาบริการ!” หยุนถิงพูดอย่างได้ใจ

“ได้เลยขอรับ!” รั่วจิ่งยกเนื้อย่างทั้งหมดที่ย่างเสร็จมาทันที

โม่ฉือหานเอื้อมมือไปรับมา และเดินตรงไปที่โต๊ะข้างๆ แล้ววางลง “หวางเฟย เชิญทานตามใจชอบ!”

“ขอบคุณท่านอ๋อง!”เป่ยตันเสวี่ยรู้สึกประทับใจมาก หยิบเนื้อย่างขึ้นมาและเริ่มกินโดยไม่เกรงใจทันที

โม่ฉือหานได้กลิ่นหอมนั้นก็เริ่มกินตาม

“ซื่อจื่อเฟย ให้พวกเขากินจริงหรือ” เยว่เอ๋อร์กระซิบ

“เงินที่ส่งมาถึงหน้าประตูทำไมจะไม่เอา!” หยุนถิงตอบ

เยว่เอ๋อร์จึงค่อยเข้าใจ และอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ซื่อจื่อเฟย ต้องเป็นซื่อจื่อเฟยเท่านั้นที่หาเงินเก่ง

“ซื่อจื่อเฟย มิสู้พวกข้าก็ให้เงินเถอะ” หลู่หวางเฟยเสนอแนะ ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

“ไม่เป็น พวกเจ้าเป็นคนกันเอง กินตามสบายไม่ต้องจ่ายเงิน!” หยุนถิงจงใจพูด

ซื่อจื่อเฟยตรงไปตรงมายิ่งนัก “หลู่อ๋องไม่เกรงใจทันที และเริ่มกินและมองดูโม่ฉือหานอย่างได้ใจ

การปฏิบัติที่แตกต่างเช่นนี้ สะใจยิ่งนัก

เนื้อย่างมื้อหนึ่ง โม่ฉือหานทั้งสองคนกินไปเกือบแปดสิบไม้ สุดท้ายโม่ฉือหานก็ให้เงินหนึ่งพันตำลึงโดยตรง

หยุนถิงพอใจเป็นอย่างมาก และให้หลงเอ้อเก็บตั๋วเงินอย่างดีใจ จนเด็กทั้งสองเล่นจนเหนื่อย ง่วงแล้ว พวกเขาจึงค่อยกลับไป

ก่อนไป หยวนเป่ายังได้ทำข้อตกลงกับจวินเสี่ยวเหยียนและจวินเสี่ยวเทียนไว้ด้วยว่า วันหลังจะไปหาพวกเขาเล่นที่จวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวรู้สึกส่งสารมากที่จวินเสี่ยวเหยียนทำท่านั่งม้า ตอนกลับไปในรถม้า นวดขาทั้งสองให้ลูกสาวตลอดทางเลย

จวนซื่อจื่อ

ทันทีที่หยุนถิงและคนอื่นๆ กลับมา ก็เห็นบ่าวรับใช้ชายพาหยุนห้าเข้ามา หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พี่ห้าคนนี้มักจะไม่สนิทกับนาง วันนี้เขามาทำไม

เมื่อหยุนห้าเห็นหยุนถิง สีหน้าก็เขินอายเล็กน้อย “น้องสาว วันนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องจะขอ เรื่องนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้”

“พี่ห้าเจ้าอย่ารีบร้อน เรื่องใด?” หยุนถิงถาม

แม้ว่าพี่ห้าคนนี้จะไม่ได้สนิทกับตัวเองมาก แต่ตั้งแต่เด็กก็ไม่เคยคิดร้ายตัวเอง ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นนางเองก็ย่อมต้องช่วยอยู่แล้ว

“ข้า ข้าชอบผู้หญิงคนหนึ่ง นางเป็นลูกสาวนอกสมรสของตระกูลเก๋อ ปกติพวกข้ามักติดต่อกันอย่างลับๆ

วันนี้ไม่ระวังถูกคุณหนูใหญ่ของตระกูลเก๋อมาเห็นเข้าพอดี นางจงใจบอกว่าหงหลิงสมรู้ร่วมคิดกับชายนอก ข้าอธิบายกับพวกเขาแต่พวกเขาไม่ฟังเลย

ปกติคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อนั้นก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว รังเกียจที่นางเป็นลูกสาวนอกสมรส และมักจะทรมานนางด้วยวิธีต่าง ๆ ตอนนี้นางถูกกำลังถูกรังแกอยู่แน่เลย ขอเจ้าช่วยนางด้วย! ”

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท