ตอนที่ 149 ฉันไม่ใช่พี่ชายของเธอ
ซย่าชิงอีรู้ว่าเธอไม่สามารถหลบซ่อนความจริงกับเขาได้ก่อนพยักหน้ารับ “นิดหน่อยค่ะ”
“จำอะไรได้บ้าง” น้ำเสียงของเขาแตกต่างจากปกติไปถนัดหู
“ผู้หญิงที่อยู่ชั้นล่าง ฉันจำบางอย่างเกี่ยวกับเธอในอดีตได้ ฉันเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงแม้ตอนนั้นฉันจะยังเด็กอยู่ก็ตาม”
“แล้วกับหันเลี่ยงล่ะ”
“ไม่เลยค่ะ” เธอส่ายหน้า “แต่ฉันคิดว่ามันก็อาจจะเป็นเรื่องจริง”
อีกฝ่ายหัวเราะออกมา “อะไรที่ว่าจริง มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของเธอ เธอเป็นคนฉลาด เธอจะมาสับสนง่ายๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้”
“พี่คะ… เมื่อตอนบ่าย… ฉันเห็นรูปที่เสียวเหม่ยให้ดู ฉันคิดว่าคนในรูปคือฉันจริงๆ อีกอย่างตอนที่อยู่ในห้องที่ร้านอาหาร ฉันก็คิด… ว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“แค่เธอจำผู้หญิงที่อยู่ชั้นล่างได้ก็คิดว่าทุกอย่างที่หันเลี่ยงพูดเป็นความจริงแล้วอย่างนั้นเหรอ” เขาถามเธออย่างต้องการคำตอบ
“ถ้าไม่อย่างนั้น… พี่จะอธิบายรูปนี้ว่ายังไงคะ พี่จะอธิบายสถานที่แห่งนี้ยังไง” เธอชี้ไปที่ภาพแต่งงานด้านหลังเธอขณะที่ตอบอีกฝ่าย “พี่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้เพื่อให้ฉันเป็นภรรยาของเขาเหรอคะ…พี่คะ…” เธอเอ่ย “อย่า…”
โม่หันขัดเธอขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว “อย่ามาเรียกฉันว่าพี่… ฉันไม่ใช่พี่ชายของเธอ!”
เธอนิ่งค้าง น้ำเสียงของเธออ่อนลงพร้อมไหล่ที่ลู่ตกลง “ฉันรู้ว่าพี่ไม่ใช่พี่ชายของฉัน ตอนฉันเจอพี่ครั้งแรกที่บริษัท ฉันก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่พี่ชายของฉันตั้งแต่ฉันจ้องตาพี่แล้ว ฉันรู้ว่าฉันไม่มีพี่น้องที่ไหน” เธอก้มหน้า “แต่ว่าในที่สุดวันนี้…ฉันก็จำเรื่องในอดีตได้บ้าง ฉันมีความสุข ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ฉันรู้สึกว่าในที่สุดฉันก็เป็นมากกว่าคนที่ถูกคนอื่นทอดทิ้ง
“ถ้าหาก… วันนี้ฉันจำอะไรไม่ได้เลย… หรือถ้าหากไม่รู้สึกอะไรเลย ฉันก็คงต้องตามหลังพี่ไปเงียบๆ และเป็นส่วนหนึ่งครอบครัวของพี่เพราะคิดว่าเขากำลังโกหก”
เธอพูดต่อ “แต่ฉันก็จำได้… ฉันจะพยายามแม้ว่ามันจะเป็นเพียงความทรงจำส่วนเล็กๆ ของฉันก็ตาม ฉันอยากจะรู้ว่าการมีครอบครัวมันเป็นยังไง”
“งั้น… เธออยากกลับไปอยู่กับพวกเขาไหม” เขาถาม
เธอไม่ตอบ
โม่หันมองเธอก่อนเลื่อนสายตาไปที่รูปแต่งงานด้านหลังที่เธอถ่ายกับผู้ชายคนอื่น รูปภาพที่บาดตาบาดใจเขา ซย่าชิงอีในภาพกำลังมองผู้ชายคนนั้นด้วยความรัก มันจะเป็นเธอไปได้ยังไงกัน
เธอต้องไม่ใช่ซ่งเยว่เนี่ยนที่แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นมาเป็นปีแน่ๆ ต้องเป็นผู้หญิงคนอื่นแน่ๆ
โชคร้ายที่ซย่าชิงอีดูเหมือนจะไม่เชื่อดังนั้น เขาไม่สามารถห้ามความคิดเธอได้ ไม่สามารถห้ามสิ่งที่เธอต้องการจะทำได้
เสียงเคาะดังขึ้นจากอีกฟากของประตู หันเลี่ยงตะโกนมาจากด้านนอก “ทำไมประตูถึงล็อกล่ะ”
เธอมองโม่หันที่ไม่ขยับตัว เขาจ้องมาที่เธอซึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาที่เธอไม่เคยเห็น และในที่สุดเธอก็เดินไปเปิดประตูท่ามกลางเสียงตะโกนของหันเลี่ยง
เขาจับมือเธอที่อยู่บนลูกบิดประตูอย่างแรงให้เธอหยุดการกระทำ
ซย่าชิงอีใช้มืออีกข้างผลักเขาออกไปขณะที่เอ่ยปากกับเขา “ปล่อยค่ะ ปล่อยให้ฉันได้ลองดู”
ประตูเปิดขึ้น หันเลี่ยงที่ยืนอยู่อีกฝั่งมองโม่หันที่หันหลังให้และซย่าชิงอีที่ยิ้มให้บางๆ “ทำไมถึงล็อกประตูล่ะ”
“ฉันไม่รู้ น่าจะถูกล็อกก่อนหน้านี้ ลมพัดเข้ามาจนมันปิดเองน่ะ เรากำลังจะมาเปิดประตูพอดีเลย”
อีกฝ่ายมองหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ก่อนจะเดินไปปิดมัน “ฉันลืมปิดหน้าต่างน่ะ”
โม่หันเอ่ยขึ้น “ฉันมีงานค้างที่บริษัท ฉันจะกลับก่อน”
“ทำไมรีบกลับนักล่ะ คุณไม่ได้ขับรถมาที่นี่แล้วจะกลับอย่างไร” หันเลี่ยงถาม
“ผมจะเรียกแท็กซี่เอง ผมไม่ควรรบกวนคุณต่อไปแล้ว” โม่หันใช้แรงทั้งหมดในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง
พูดจบเขาก็ไม่ทนอยู่ต่อไปนานกว่านี้และรีบออกจากห้องไป
หันเลี่ยงอยากจะรั้งเขาแต่ก็หันมามองซย่าชิงอีด้วยความสับสน
“ให้เขาไปเถอะค่ะ เขาก็งานยุ่งแบบนี้แหละ” เธอว่าขึ้นระหว่างที่มองตามทางที่เขาเดินจากไป
ตอนที่ 150 ความทรงจำของเรา
หันเลี่ยงกดไหล่เธอให้นั่งอยู่บนเตียง “รอที่นี่สักครู่นะ ฉันมีบางอย่างให้เธอดู”
เขาหยิบอัลบั้มรูปเล่มหนามาและนั่งข้างซย่าชิงอีขณะที่พลิกเปิดมันขึ้น ชี้ไปที่รูปภาพด้านในพลางอธิบายรูปให้เธอฟังช้าๆ “รูปนี้เป็นรูปตอนที่เรามัธยมต้น ฉันกำลังสอนเธอเพราะเธอเรียนเลขไม่เก่งเลย สุดท้ายแม่เธอเลยขอให้ฉันมาสอนให้ เธอมักจะฟังฉันอธิบายอย่างเงียบๆ แต่ถึงอย่างนั้นผลการสอบก็ยังออกมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหมือนเดิม ฉันมักจะพูดตลอดว่าเธอน่ะฟังที่ฉันสอนไปแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“รูปนี้เป็นตอนที่ฉันไปซื้อของเป็นเพื่อนเธอหลังจากเธอเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราคบกันและกำลังจะแต่งงานกัน ดูหน้าเธอสิ เธอยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเลยนะ บอกว่าทุกอย่างที่ฉันซื้อมาให้กินอร่อยไปหมด และยังจะงอแงให้ฉันซื้อเพิ่มให้อีกด้วย
“ดูรูปนี้สิ… เราแต่งงานกันและจดทะเบียนสมรสกันเมื่อปีก่อน เธอยังไม่อยากให้ฉันจัดงานแต่งงาน บอกว่าอยากจะจัดพร้อมกับงานจบการศึกษาตอนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เราถึงทำแค่ถ่ายรูปแต่งงานกันเท่านั้น…
“ส่วนรูปนี้… เป็นตอนที่เธอทำอาหารให้ฉัน อืม… รสชาติก็ไม่ได้แย่นัก อย่างน้อยหน้าตาก็น่ากินอยู่ ฉันเห็นเธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปเรื่อยๆ แต่อาหารมื้อนั้นที่เธอทำมันน่าตกใจสุดๆ ไปเลยล่ะ เธอเกือบจะเผาครัวแหนะ”
หันเลี่ยงลูบภาพเหล่านั้นราวกับติดอยู่ในห้วงความทรงจำของตัวเอง “เธอจำเรื่องพวกนี้…ไม่ได้เลยเหรอ ไม่แม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ”
“ฉันขอโทษ”
สายตาของอีกฝ่ายยังจับจ้องบนรูปภาพ “ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เรามีอนาคตร่วมกัน” เขาเอ่ยพลางมองเธอด้วยความรักใคร่ “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอจากฉันไปไหนอีกแล้ว”
เขากอดเธอ เธออยากจะผลักเขาออกแต่ก็คิดได้เมื่อจับเข้าที่เสื้อของเขาว่าเธอไม่ควรทำแบบนี้ หากเธอต้องการจะกลับมา ต้องการที่จะจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้ เธอต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง
พวกเขาเป็นครอบครัวขงเธอ พวกเขารอเธอมาแสนนาน เธอทำให้พวกเขาเศร้าใจไม่ได้
เมื่อเธอตัดสินใจที่จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็ควรที่จะเรียนรู้การเป็นภรรยาของชายคนนี้ เป็นลูกสาวของผู้หญิงที่อยู่ชั้นล่าง
ซย่าชิงอีจึงกอดเขากลับไป
วันแรกในบ้านหลังนี้ หันเลี่ยงและแม่ของเธอถามเธอแทบทุกวินาทีว่าอยากจะกินอะไร ว่าต้องการอะไรไหม ว่าเธอสบายดีหรือเปล่า พวกเขาทำแม้กระทั่งรอที่หน้าทางเข้าตอนที่เธอไปเข้าห้องน้ำอย่างกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ
โดยเฉพาะหันเลี่ยง ดูเหมือนเขาจะต้องการชดเชยช่วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่ข้างเธอ พวกเขาดูแลเธอดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เธอเคยชินกับการมีอิสระตอนที่อยู่กับโม่หัน เขาให้เวลาเธอได้อยู่กับตัวเอง เมื่อเขากลับมาบ้าน ถ้าเขาไม่ทำงานหรือทำอาหารให้เธอกิน บางครั้งก็จะนั่งดูโทรทัศน์กับเธอบนโซฟา ไม่มีใครที่บ้านมารบกวนเวลาส่วนใหญ่ของเธอ และเธอก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจเมื่อเป็นเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันตอนนี้เธอก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา แม่ของเธอถามนับครั้งไม่ถ้วนว่าเธออยากจะกินอะไรไหม
เธอทำได้เพียงฝืนยิ้มตอบไป “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่หิว”
หลังจากนั้นไม่นาน หันเลี่ยงก็มาบอกเธอเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวและการใช้ชีวิตประจำวันของเธอที่ถูกเรียกเก็บจากโม่หันหลังจากที่เธออยู่ที่บ้านของเขามานาน ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกตัว มันแน่อยู่แล้วที่ต้องจ่ายเงินคืน เขาถามเธอว่าเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม
เธอเอ่ย “คุณตัดสินใจเองเถอะ แต่ว่าก็น่าจะดีที่จะคืนให้เขามากกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องเป็นกังวลเพราะฉันมามาก”
ซย่าชิงอียังนึกขำกับตัวเองที่ตอนนั้นคิดจะช่วยเขาหาเงิน งานของเขาหนักมากพอแล้ว แม้เธอจะไม่รู้ว่าเขาจะพอใจกับเงินก้อนนั้นหรือไม่ ไม่รู้ว่าโม่หันนั่นมีฐานะแค่ไหน
เขาอาจจะพูดขึ้นว่า ‘เงินทั้งหมดที่เธอให้มาเทียบกับเงินที่พี่หามาจากสำนักงานกฎหมายไม่ได้แม้สักนิด’
เมื่อพวกเขาเข้านอนในคืนนั้น เธอเองนอนไม่หลับอย่างที่เป็นมาตลอด หันเลี่ยงนอนลงบนเตียงของพวกเขาพลางอ่านหนังสือไปด้วย เธอครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนแตไม่ได้ก้าวเข้าไป “คืนนี้ฉันจะไม่นอนที่นี่ ฉันจะไปนอนที่ห้องนอนแขกข้างๆ ”
อีกฝ่ายรู้สึกแปลกๆ “ทำไมล่ะ เราแต่งงานกันแล้วนะ ทำไมเธอยังคิดมากเรื่องนี้อีก”