ตอนที่ 157 แม่
“เนี่ยนเนี่ยน ลูกควรฟังเลี่ยงเลี่ยงบ้าง เขาพูดแบบนี้เพราะเขาเป็นห่วงลูกนะ ต่อไปลูกควรบอกเราว่าจะกลับถึงบ้านกี่โมง ตอนนี้ข้างนอกมีคนไม่ดีอยู่ไม่น้อย” แม่ของเธอเอ่ยเห็นด้วยกับหันเลี่ยง
“คิดมากกันไปหรือเปล่าคะ คุณไม่ต้องห่วงฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันจะระวังตัวเองให้ดี” สิ้นประโยคเธอก็นึกถึงตอนที่โม่หันพยายามให้เธอไปเรียนศิลปะป้องกันตัว และสุดท้ายเธอก็มาที่เมือง F ก่อนที่จะมีโอกาสได้เข้าเรียน และในตอนนี้เธอก็กำลังเถียงเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับการปกป้องตัวเองของเธอ ถ้าโม่หันมาได้ยินเขาคงต้องพูดบางอย่างขึ้นมาแน่ๆ
“เนี่ยนเนี่ยน ฟังฉันสักครั้งเถอะนะ ต่อไปอย่างเป็นอย่างนี้อีกเลย” หันเลี่ยงว่าขึ้น
เธอไม่อยากจะถกเถียงเรื่องนี้อีกต่อไป เธอรู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอในขณะที่กลืนก้อนทิฐิของตัวเองลงไปก่อนพูด “ก็ได้ๆ … ต่อไปฉันจะกลับถึงบ้านกี่โมงแล้วจะบอกคุณแล้วกัน ตกลงไหม”
ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายดูสบายใจขึ้น เธอดึงพวกเขาตามมาขณะที่เดินมาที่มุมหนึ่ง “เอาเถอะ… ยังไงฉันก็กลับมาแล้ว… ฉันหิว… มากินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”
คำพูดของเธอทำให้แม่ของเธอนึกถึงซุปไก่ที่เธอต้มไว้เมื่อเช้า เธอเอาชามซุปออกมาอุ่นให้ร้อนอีกครั้ง และวางมันบนโต๊ะ ทั้งสามคนนั่งอยู่รอบๆ โต๊ะและเริ่มลงมือกินอาหารเย็น
“ทำไมฉันไม่เห็นรูปครอบครัวบ้างที่นี่เลยล่ะ พ่อของฉันอยู่ที่ไหน” เธอถามขึ้นระหว่างมื้ออาหาร
ทั้งสองนิ่งงันไปทันที ก่อนที่แม่ของเธอที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะส่งเสียงขึ้น “พ่อของลูก… ตายไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว”
“เขาตายไปแล้วเหรอ”
“เขาสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เมื่อสองปีก่อนจู่ๆ เขาก็เลือดคั่งในสมอง เราส่งเขาไปห้องฉุกเฉินแต่ก็ช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ทัน เขาเสียชีวิตบนเตียงผู้ป่วย” น้ำเสียงของแม่ของเธอดูเรียบเฉย
“ฉันก็ยังอยาก… เห็นหน้าเขา” เธอยิ้มอย่างผิดหวัง
“อีกไม่กี่วันจะเป็นวันครบรอบวันตายของท่าน ฉันจะพาเธอกับแม่ไปเยี่ยมท่านด้วยกัน หลุมศพของท่านอยู่ในเมือง F ไม่ห่างจากที่นี่นัก” หันเลี่ยงกล่าว
เธอพยักหน้ารับและลงมือกินอาหารอีกครั้ง
หลังมื้ออาหาร เธอเห็นแม่ของเธอล้างจานอยู่คนเดียวในครัว เธอก้าวเข้าไปข้างในและยืนอยู่ข้างๆ หมายจะช่วยอีกฝ่ายล้างจาน แต่ทว่าเมื่อแม่ของเธอเห็นก็รีบจับมือเอาไว้ก่อนห้ามไม่ให้เธอจุ่มมือในน้ำ จากนั้นจึงบอกให้เธอไปพักผ่อน เธอล้างจานคนเดียวได้
ซย่าชิงอีตอบเธอว่าไม่เป็นไรและเอื้อมมือจะไปจับจานมาล้าง
แต่แม่ของเธอกลับจับมือเธอไว้อีกครั้งเพื่อหยุดการกระทำของเธอ ก่อนบอกว่าเธอไม่ควรทำงานบ้านเพราะมือของเธอเป็นมือของนักออกแบบ
เธอไม่ฟังขณะที่เริ่มลงมือล้างจานตรงหน้าแม้แม่ของเธอจะห้ามขนาดไหนก็ตาม นอกจากนี้เธอยังพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มอีกด้วย
“แม่คะ แต่ก่อนหนูขี้เกียจมากเลยเหรอ” เธอถาม
อีกฝ่ายหยุดมือและหันไปมองเธอสักพักใหญ่
จากนั้นก็เอ่ยตอบ “ไม่ ลูกขยันมาก ตอนยังเล็กๆ สูงแค่เอวของแม่ ลูกก็ยังมาป้วนเปี้ยนที่ครัวและมาขอช่วยแม่ทำอาหาร แถมยังชอบวิ่งไปทั่วอีกด้วย แทบจะไม่มีเวลาไหนที่ลูกจะขี้เกียจเลย”
เธอฟังพลางถูจานในมือ
“ลูกเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร ไม่ชอบเป็นเพื่อนกับใครและมักจะมองเด็กคนอื่นว่าทำตัวไร้สาระเวลาที่พวกเขาชวนลูกเล่นตุ๊กตา แถมชอบอ่านหนังสืออยู่ในห้องคนเดียวมากกว่า”
วูบหนึ่งในความคิดปรากฏขึ้นเมื่อเธอถามขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว “หนูอ่านหนังสือเรื่อง ‘ฉันสงสัยว่าทำไม’ ใช่ไหมคะ”
แม่ของเธอจ้องมองมาอย่างอึ้งๆ “ลูกรู้ได้ยังไง”
เธอตอบ “จู่ๆ หนูก็จำบางอย่างตอนเด็กๆ ได้น่ะค่ะ”
ซย่าชิงอีรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนเธอจะจำรายละเอียดในช่วงที่เธอยังเด็กจากสิ่งที่แม่ของเธอเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังได้มากโดยไม่รู้ตัว เธอยังจำได้ว่าเธอร้องไห้อยู่นานหลังจากหนังสือเล่มนั้นหายไป
ความทรงจำของเธอดูจะค่อยๆ กลับมาทีละนิดหลังจากกลับมาที่นี่ ที่ที่แม่ของเธออยู่
“แม่ได้ซื้อสารานุกรมให้ฉันหลังจากหนังสือเล่มนั้นหายไปด้วยใช่ไหมคะ” ทันใดนั้นเธอพบว่าตัวเองจำเรื่องต่างๆ ในตอนที่ยังเล็กได้ง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ภาพเก่าๆ ค่อยๆ ย้อนเข้ามาปรากฎต่อหน้าเธอ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาก่อนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“ลูกจำทุกอย่างได้แล้วเหรอ” ดูเหมือนแม่ของเธอจะตกใจมาก
ซย่าชิงอีครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะพบว่าความทรงจำของเธอหยุดชะงักลงทันทีและนึกอะไรไม่ออกอีกเลย
ตอนที่ 158 นอนด้วยกัน
เมื่อแม่ของเธอเห็นท่าทางไม่ค่อยดีนักของเธอก็ส่งยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอกนะ เราค่อยคิดเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้ อย่างไรลูกก็กลับมาแล้ว ยังมีเวลาอีกมาก”
ซย่าชิงอีหัวเราะกลับไปเช่นกัน “หนูรู้ค่ะ”
ตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจเมื่อได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของตัวเองหลังจากเผชิญกับเรื่องราวที่ผ่านมา แม้จะทำเพียงช่วยแม่ของตัวเองล้างจานแต่เธอก็มีความสุขมาก ถึงแม้จะจำได้เพียงความทรงจำในตอนที่ยังเด็ก ทว่าในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับคนอื่นที่มีความทรงจำและครอบครัวเสียที
หันเลี่ยงนั่งทำงานอยู่ข้างๆ เธอระหว่างที่เธออ่านหนังสือก่อนที่จะไปเข้านอน เธอก็รู้สึกง่วงขึ้นมาและตั้งท่าจะลุกกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเข้านอน ในจังหวะนั้น เธอก็ถูกหันเลี่ยงรั้งไว้
“คืนนี้นอนในห้องของเรากันเถอะนะ”
เมื่อวานเธอไม่ได้บอกเขาไปแล้วหรือว่าต้องการนอนคนเดียวสักพัก เขายังตกลงกับเธออยู่เลยแล้วทำไมวันนี้ถึงมาพูดแบบนี้กับเธอกัน เธอรู้สึกงุนงงอย่างมาก “เมื่อวานเราไม่ได้ตกลงกันแล้วเหรอว่าฉันจะนอนคนเดียวน่ะ”
“ฉันไม่ชอบแบบนั้นเลย” หันเลี่ยงพูดเสียงเรียบ
“แต่ว่า… ฉันไม่ชิน…”
“เดี๋ยวเธอก็จะชินไปเอง เธอเป็นภรรยาของฉันนะ”
“คุณไม่ได้พูดเองว่าจะเคารพความเห็นของฉันเหรอ” เธอโกรธเขาอยู่ในที
“ฉันพูดแบบนั้นก็จริง แต่ฉันก็เป็นสามีของเธอนะ เราเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฉันแค่อยากจะนอนกับเธอเท่านั้นเอง”
เธอยืนกรานหนักแน่น “ฉันบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วนะ หันเลี่ยง ฉันความจำเสื่อม จำเรื่องในอดีตไม่ได้แม้แต่น้อย และฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยสักนิดเดียว ตอนนี้คุณจะทำกับฉันเหมือนเมื่อก่อนที่เราเคยอยู่ด้วยกันไม่ได้”
“เดี๋ยวเธอก็จำได้เอง! เธอจะจำทุกอย่างในอดีตได้โดยเร็วถ้าเราอยู่ด้วยกันเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน!” อีกฝ่ายพูดพลางเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ
เธอขยับถอยหลัง “แต่คุณต้องให้เวลาฉันบ้าง ฉันไม่รู้ว่าต้องอยู่กับคุณในฐานะสามีภรรยากันยังไงได้ในเร็ววันหรอกนะ”
“อย่างนั้นเธอต้องการเวลาเท่าไรล่ะ เป็นเดือนหรือเป็นปี ถ้าหากความทรงจำของเธอไม่กลับมาเลยล่ะ เราต้องอยู่กันแบบนี้ไปตลอดเลยเหรอ” ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจนักเช่นกัน
“คุณให้เวลาสักอาทิตย์หนึ่งฉันได้ใช่ไหม ฉันไม่สามารถกลายมาเป็นภรรยาของคุณเหมือนเมื่อก่อนได้ทันทีหรอกนะ”
“เนี่ยนเนี่ยน… ฉันไม่ได้จะฝืนใจเธอนะ… ฉันแค่อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น…” เขาพูดพลางยกมือเสยผมของตัวเองที่ปรกอยู่บนหน้าผาก
เธอพยายามที่จะไม่ก้าวถอยหนี “ฉันจะพยายามละกัน”
หันเลี่ยงก้าวเข้าไปหาเธอหนึ่งก้าวขณะที่โน้มศีรษะและหลับตาลงหมายจะจูบเธอ ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงขยับถอยหลังไปพร้อมหันหน้าหนีก่อนชิงพูดขึ้น “ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะ”
เธอไม่รอให้เขาพูดอะไรพร้อมก้าวออกไปหลังจากมองเขาแวบหนึ่ง และเดินกลับมาที่ห้องที่ใช้นอน
เมื่อวานเพื่อเข้านอน
เมื่อเธอกลับมาในห้อง อาการนอนไม่หลับก็กลับมาหาเธออีกครั้ง
ความง่วงงุนที่เธอมีตอนที่อ่านหนังสือตอนแรกหายไปในทันทีเพราะหันเลี่ยง
เธอพลิกตัวไปมา พลันนึกได้ว่าเธอตั้งใจจะกลับไปเอาหมอนที่ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับของตัวเองแต่เธอก็ลืมตอนที่เธอออกจากที่นั่นมา หากเธอมีหมอนใบนั้นในอ้อมแขนตอนนี้ เธอคงไม่ตกอยู่สภาพที่ต้องพลิกตัวไปมาบนเตียงโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลับลงแม้แต่นิดแบบนี้
เมื่อคิดถึงหมอนใบนั้น เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงจุมพิตแสนอ้อยอิ่งที่เธอมีกับโม่หันเมื่อตอนเย็นไม่ได้
จูบนั้นช่างเชื้อชวนให้ใจเต้นแรง แม้ว่าตอนนี้มันจะผ่านมาสักพักแล้วแต่ในใจของเธอก็ยังคงสั่นระรัวเมื่อคิดถึงมัน ความรู้สึกนั้นแจ่มชัดและทำให้ใจของเธอกระตุกราวกับว่าลมหายใจหนักๆ ของเขายังคงรินรดอยู่บนลำคอของเธอ
เธอรู้สึกอึ้งไปไม่น้อย ด้วยคิดมาตลอดว่าความรู้สึกที่โม่หันมีให้เธอคือความรักระหว่างพี่น้องที่เกิดจากความสงสาร ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะรู้สึกเช่นนี้กับเธอ
เขาบอกว่าสิ่งที่เธอคิดถูกแล้วแต่ทว่าเธอไม่เคยคิดว่าเขาจะชอบเธอแม้แต่น้อย มีเพียงสายตาของเขาเมื่อวานที่ส่งมาให้เธอเท่านั้นที่ทำให้เธอเริ่มเข้าใจในทันที