ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 22
”เพราะอะไรคะ?” โรสถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ทะเลาะกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียน แถมยังพาเจนสันหนีเรียนไปเที่ยวเล่น… เธอยังจะมีหน้ามาถามฉันกลับอีกเหรอ?” ร่างสูงขบฟันแน่น ความโกรธที่อัดอั้นมาทั้งวีนกำลังจะปะทุออกมาในที่สุด
โรสเริ่มที่จะมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง
สงสัยว่าคุณแนนซี่จอมขี้ฟ้องคนนั้นคงจะเอ่ยออกมาหมดเปลือกแล้วสินะ
หญิงสาวเริ่มหน้าตึง “ท่านอาเรสคะ ท่านรู้เหตุผลที่ดิฉันปะทะคารมณ์กับผู้ปกครองท่านนั้นไหมคะ? ทำไมดิฉันต้องพาเจนสันออกไป? นั้นก็เพราะ—”
พลันร่างสูงกลับเอ่ยขัดทันควัน “ไม่ว่าเหตุผลของเธอจะเป็นอะไร แค่สิ่งที่เธอทำลงไปมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฉันรู้ถึงความไร้สำนึกคิดของเธอ!”
หล่อนเถียงกลับทันควัน “ฉันเผชิญหน้ากับผู้ปกครองแย่ ๆ พวกนั้นก็เพราะเขาทำร้ายเจนสัน พร้อมยังวิจารณ์ถึงการเลี้ยงลูกของคุณ คุณคิดบ้างไหมว่ามันจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อเจนขนาดไหน?”
“ท่านอาเรส คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันจนกว่าคุณจะรู้และเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เจย์ยังคงจ้องมองไปยังใบหน้าที่ยืนกรานหนักแน่นของหญิงสาว พลางยักคิ้วอย่างประหลาดใจ หลังจากที่เขาไม่ได้พบเธอประมาณห้าปี จากผู้หญิงที่พูดไม่คิดกลับแปรเปลี่ยนเป็นมีการคิดไตร่ตรองที่มากขึ้น และสิ่งที่เธอพูดออกมา ต้องยอมรับว่ามันผ่านการคิดวิเคราะห์มาแล้วจริง ๆ
“แล้วข้ออ้างสำหรับการโดดเรียนละ?”
หญิงสาวหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม
“เจนสันไม่ชอบไปโรงเรียน” โรสเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในตาที่สวยคู่นี้
ร่างสูงใหญ่ของเจย์ยืนขึ้นมาทันที เขาก้าวเดินเข้าไปหาเธอ เงาอันใหญ่โตกำลังเคลื่อนกายโอบอุ้มร่างของโรสไว้ “เด็กที่ผิดพลาดย่อมเป็นเพราะมีแม่ที่ไร้สำนึก” ชายหนุ่มกล่าวอย่างฉุนเฉียว
ดวงตากลมโตถลึงออกกว้าง ก่อนที่จะพยายามอธิบายถึงเหตุผล
“ท่านอาเรส คุณต้องย้ายโรงเรียนให้เจนสัน! เจนสันต่อต้านการไปเรียนที่นั้นจริง ๆ นะคะ ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ไม่ต้อนรับเจนสัน ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของเจนสันเลยนะคะ!”
แต่ก่อนที่โรสจะได้เอ่ยต่อ ร่างสูงกลับก้าวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวมากขึ้น ส่วนสูงร้อยแปดสิบห้าของเขาทำให้ร่างของโรสที่ดูเล็ก ยิ่งเล็กลงไปอีก
ชายหนุ่มชายตามองหญิงสาวอย่างวางอำนาจ เขาใช้สายตามองเธออย่างหยามเหยียด
“โรส เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน เจนสันน้อยของฉันไม่เหมือนกับเธอที่เอาแต่วิ่งหนีแล้วซ่อนไปเรื่อยเวลาเจอปัญหา ฉันสอนเขาตลอดว่าควรจะเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไร”
โรสเอ่ยต่อทันที “แม่ของเมนเชียซย้ายโรงเรียนให้ลูกของเธอสามครั้ง เพื่อทำให้ลูกของเธอได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ท่านอาเรส คุณควรจะเรียนรู้จากแม่ของเมนเชียซ…”
“โรส!”
เจย์ทนไม่ไหวกับคำพูดของหล่อน จึงเอ่ยตัด “ถ้าเธอเข้าใจจริง ๆ ว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อคนคนหนึ่ง งั้นลองมาเริ่มกับเจนสันดู ถ้าพรุ่งนี้เธอมาสายอีก ก็ก้าวออกจากบ้านหลังนี้ไปซะ” เมื่อจบประโยคร่างสูงก็หันกลับเดินขึ้นบันไดไป
“ท่านอาเรสคะ ดิฉัน…ดิฉันสัญญาว่าจะมาให้ตรงเวลาค่ะ” พลันความดื้อดึงโกรธเคียงของโรสก็จางหายไปในอากาศ
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวัง ร่างสูงตรงหน้าทำตัวอย่างกับพระราชาจอมบงการอย่างใดอย่างนั้น
“เดี๋ยว…” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นมาจากบันไดบนชั้นสอง ตาคมคู่นั้นมองลงมายังหญิงสาวเบื้องล่าง “ฉันไม่อนุญาตให้เธอตัดสายฉันแบบนั้นอีก”
โรสเอ่ยเสียงแผ่ว “รับทราบค่ะ”
หลังจากนั้นร่างสูงจึงผละออกไป
หญิงสาวยกข้อมือขึ้นพลางดูเวลา เซ็ตตี้กับร็อบบี้คงจะเลิกเรียนนานแล้ว
เซ็ตตี้อาการดีขึ้นหลังจากที่ได้รับยาจากคุณหมอเมื่อช่วงเช้า แต่คุณหมอยังคงเตือนว่าอาจจะกลับมามีอาการได้อีก
โรสไม่มีอารมณ์จะมาต่อเถียงกับเจย์ในตอนนั้น เธอจึงรีบออกจากคฤหาสน์ไป
เธอเร่งรีบไปที่โรงเรียนด้วยความวิตกกังวล และเป็นอีกครั้งที่เธอโดนครูพี่เลี้ยงต่อว่าเรื่องการมาสายของเธอ เธอทำได้แต่ผงกศรีษะรับทราบพลางเอ่ยปากว่าจะไม่มาสายอีก ก่อนจะโค้งตัวขอบคุณบอกลาก่อนที่เธอจะพาลูกน้อยทั้งสองคนกลับบ้าน
“คุณแม่ครับ คุณแม่ไม่รักผมแล้วจริง ๆ เหรอครับ?”
เซ็ตตี้น้อยกระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมกอดของแม่ หนูน้อยยังคงป่วยอยู่และนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว โดยปกติแล้วคุณแม่ของเธอจะไปพาเธอไปส่งที่โรงเรียน ไม่ว่าเธอจะป่วยหรือแม้ว่าแม่ของเธอจะมาช้า
ดวงตาของหญิงสาวแดงก่ำ โอบกอดเซ็ตตี้และร็อบบี้ด้วยมือไว้คนละข้างอย่างรุ้สึกผิด หล่อนกระซิบ “แม่รักลูกนะจ๊ะที่รัก แม่รักลูกทั้งสองมาก ๆ”
ร็อบบี้มองไปยังใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยของแม่ตนพลางรู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะถาม “แม่ครับ งานใหม่เหนื่อยไหมครับ? แม่จะเปลี่ยนงานก็ได้นะครับ ถ้าไม่ต้องซื้อของแพง ๆ ให้ผมกับน้อง เลิกซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ หรือคอร์สเรียน แล้วก็พวกขนมแพง ๆ?”
โรสยิ้มพลางบีบลูบแก้มลูกชายด้วยความเอ็นดู “แม่ไม่เหนื่อยเลยครับ มันยากมากกว่าแม่จะได้งานนี้มา ดังนั้นแม่จึงต้องตั้งใจมาก ๆ ลูกจะคอยให้กำลังใจแม่ใช่ไหมครับ?”
ร็อบบี้มองเข้าไปยังดวงตาที่รื่นน้ำของแม่ของเขา ‘นั้นสินะ ต้องเป็นแบบนั้น คุณแม่ดูท้อแท้และน่าสงสารมากเลย คุณแม่คงจะเจองานที่ยากมากแน่ ๆ ถึงไม่สามารถออกมารับพวกเราได้’
โรสพาลูก ๆ ของเธอกลับบ้าน เธอรู้สึกเหนื่อยมาก ยิ่งกว่าก่อนที่จะเซ็ตตี้ไปไปหาหมอเสียอีก
ตลอดทั้งคืนนั้นเธอแทบจะไม่ได้นอน
แต่คงเป็นโชคดีของเธอ อาการป่วยของเด็กน้อยดีขึ้นแล้ว และไม่มีไข้อีก
ช่วงรุ่งสางนั้น โรสรู้สึกเพลียมากจนเผลอนอนจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง
ไม่ทันจะได้ลืมตาตื่น ก็มีเสียงตวาดเตือนของเจย์ดังก้องขึ้นภายในหัว ‘ถ้าเธอมาสายอีก ก็ไม่ต้องเข้ามาบ้านหลังนี้อีก’
หญิงสาวตื่นเต็มตา รีบเร่งเก็บของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม เวลาก็เร่งรีบเดินไปกับเธอเช่นกัน ถ้าเธอไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนเธอต้องสายเป็นแน่แท้
ร็อบบี้ดูจะเข้าใจแม่ของเขา เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องของแม่พลางหยิบกระเป๋าขึ้นมา ก่อนเอ่ย “คุณแม่รีบไปทำงานเถอะครับ ผมกับน้องรู้ทางไปโรงเรียนแล้ว เราเดินไปกันเองได้”
โรสยังคงลังเลใจ ร็อบบี้เอานาฬิกาสมาร์ทวอชและโทรศัพท์มือถือของแม่ออกมา ก่อนที่จะเปิดเครื่องพวกมันพร้อมแชร์โลเคชั่นสถานที่ให้แม่ของตนดู “แม่ครับ คราวนี้แม่ก็จะรู้ได้ว่าว่าเซ็ตตี้กับผมอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่”
หญิงสาวยังคงรู้สึกแย่และเป็นกังวล หากแต่โรงเรียนของเซ็ตตี้และร็อบบี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก รวมทั้งยังสามารถรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจากโลเคชั่นแทร็ก เธอขบเขี้ยวฟันด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะเห็นด้วยกับความคิดของลูกชาย “เอาล่ะ งั้นเดินทางปลอดภัยนะ อย่าลืมโทรหาแม่เมื่อถึงโรงเรียนด้วยนะ”
เด็กทั้งสองพยักหน้าตกลงในทันที
หญิงสาวเห็นดังนั้นเธอจึงรีบคว้ากระเป๋าแล้วออกเดินทางในทันที
หลังจากที่คุณแม่เดินออกไปแล้ว เจ้าตัวยุ่งทั้งสองก็รีบไปเปิดคอมพิวเตอร์ของพวกเขาทันที ทำให้รู้ว่ายามที่แม่ของทั้งสองสังเกต เด็กไปแอบเชื่อมโยงข้อมูลจากโทรศัพท์ของแม่ของตนเข้ากับคอมพิวเตอร์ของพวกเขา ซึ่งนั้นจะทำให้ทั้งคู่สามารถรู้ได้ว่าแม่ของเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน
“นี่ ดูสิ! แม่เดินเข้าไปในคฤหาสน์โฮไรซอน คอลเลอร์แล้ว” เซ็ตตี้ชี้ไปยังจุดแดง ๆ บนจอภาพ ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างตกใจ
ตาคู่สวยของร็อบบี้จ้องไปยังจอเขม็ง
ก่อนจะเอ่ย “เซ็ตตี้ เอานาฬิกาฉันไปที่โรงเรียนไป แม่จะได้ไม่เป็นกังวล ฉันจะแอบเข้าไปในคฤหาสน์แล้วคุยกับหัวหน้าของแม่ ฉันจะบอกให้เขาหยุดใช้งานแม่หนัก ๆ ทุกวันได้แล้ว”
“ได้เลย โชคดีนะ!” เซ็ตตี้ให้กำลังใจ
อาการป่วยของเด็กน้อยดูเหมือนจะหายไปในทันตา ตอนนี้เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว