“คุณแน่ใจเหรอว่าคนที่เจอเมื่อสองปีที่แล้วคือฉัน” เธอเอ่ยถาม
“แน่ใจสิ ตอนนั้นฉันเห็นรอยสักบนหลังของเธอ” หันเลี่ยงตอบ
ตอนนั้นเองที่ซย่าชิงอีเริ่มเชื่ออีกฝ่ายเมื่อเขาพูดถึงรอยสักบนหลังของเธอ
“ถ้าฉันไม่ได้เจอเธอตอนนั้น ฉันคงไม่ทำให้เธอเชื่อได้ง่ายขนาดนี้หรอก” เขาหัวเราะกับตัวเอง
เธอพบว่ายิ่งคิดเรื่องของตัวเองก็ยิ่งสับสนงุนงงมากขึ้น เธอจึงตัดสินใจเลิกอ้อมค้อมและโพล่งถามเขา “ทำไมตอนนั้นคุณถึงอยากให้ฉันไปแทนที่เนี่ยนเนี่ยน”
เขายิ้มและมองออกไปที่ถนนด้านนอก “ตอนที่ฉันเห็นศพของเนี่ยนเนี่ยนตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันจบสิ้นแล้ว เธอจากไปแล้วและไม่มีทางกลับมาหาฉันอีกต่อไป จากนั้นพอฉันเห็นเธอบนถนนครั้งนั้นจู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเนี่ยนเนี่ยนกลับมาแล้ว ท่าทางของเธอดูคล้ายกับเนี่ยนเนี่ยนมาก
“ในตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าในที่สุดเนี่ยนเนี่ยนก็ได้กลับมาบ้านเสียที ทั้งหน้าตาและท่าทางของเธอทั้งสองคนดูเหมือนกันมาก ฉันคิดว่าเธอคงกลายเป็นเนี่ยนเนี่ยนคนที่สองได้ แต่ว่า…ฉันคิดผิดไป”
เขาหันหน้ามามองเธอด้วยท่าทีจริงจัง “แม่ของเธอพูดถูก เธอทั้งสองคนไม่มีทางเหมือนกัน ไม่ว่าหน้าตาจะเหมือนกันขนาดไหนแต่เธอก็คือซ่งเนี่ยนมู่ และเนี่ยนเนี่ยนก็คือซ่งเย่ว์เนี่ยน”
“แม่… ทำไมเธอถึงยอมให้คุณทำเหมือนฉันเป็นเนี่ยนเนี่ยนและพาฉันกลับบ้าน”
อีกฝ่ายว่าขึ้น “แม่ของเธอรักเธอมากนะ จริงๆ แล้วท่านกลัวไม่น้อยเพราะเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้ว ท่านไม่อยากเสียเธอไปอีกคน ตอนแรกท่านไม่มีทางเลือกเพราะว่าเธอไม่ยอมกลับมา พอท่านรู้ว่าเธอความจำเสื่อมก็เลยอยากใช้โอกาสนี้พาเธอกลับมาที่บ้าน ไม่ว่าเธอจะกลับไปในฐานะของเธอเองหรือเนี่ยนเนี่ยนก็ตาม ท่านแค่ต้องการให้เธอกลับมาเท่านั้น”
ไม่รู้ว่าทำไมแต่ในตอนนั้นหันเลี่ยงกลับรู้สึกสงบใจอย่างไม่น่าเชื่อ เขามองซย่าชิงอีและเอ่ย “เธอรู้ไหม ทั้งเธอและน้องสาวของเธอต่างก็มีชื่อที่มีคำว่า ‘เนี่ยน’ แต่จริงๆ แล้วตอนแรกเนี่ยนเนี่ยนเป็นชื่อเล่นของเธอ ส่วนภรรยาของฉันเดิมชื่อเย่ว์เย่ว์ หลังจากเธอจากไปตอนเด็ก เธอก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็นเนี่ยนเนี่ยน”
ซย่าชิงอีทำเพียงมองเขา หลังจากฟังเรื่องที่เขาเล่าให้ฟังก็รู้สึกราวกับทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน
“ฉันหวังว่าเธอจะยังกลับมาแม้ว่าจะรู้ความจริงแล้วนะ เนี่ยนเนี่ยน…คงจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว” เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดขึ้น “ถ้าเธอจากไปอีกครั้ง แม่ของเธอคงจะไม่เหลือใครแล้วจริงๆ”
เธอก้มหน้าก่อนกล่าว “ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปคิดแล้วกัน”
เขาครุ่นคิดและเอ่ย “อันที่จริงแล้วฉันควรขอโทษเธอ…”
เธอเงยหน้ามองอีกฝ่าย หันเลี่ยงส่งยิ้มมาให้ “คืนนั้น… ที่ฉันทำกับเธอแบบนั้นในห้อง… ฉันขอโทษจริงๆ นะ… วันนั้นฉันคิดถึงเนี่ยนเนี่ยนเหลือเกินและเธอสองคนก็เหมือนกันมาก… ฉันคิดว่าหลังจากนี้เธอคงจะหลงรักฉัน จากนั้นฉันก็คงจะได้กลับไปมีชีวิตแบบเมื่อก่อน ฉันปวดใจมากจริงๆ ฉันขอโทษ”
ซย่าชิงอีรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องที่เขาทำกับเธอที่ห้องในคืนนั้น แต่เธอก็ไม่อาจทนเห็นเขาเป็นแบบนี้ได้ และมองศีรษะที่ก้มลงอย่างรู้สึกผิดของเขาก่อนว่าขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก”
“ว่ากันตามจริง เธอในตอนนี้ก็ดูเหมือนเนี่ยนเนี่ยนมากจริงๆ ความแตกต่างเดียวคือเธอไม่ได้รักฉัน” น้ำเสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวกำลังนั่งจับแก้วน้ำที่เย็นสนิทไปแล้วด้วยท่าทีที่จมดิ่งไปในอดีต “มีแค่เธอที่รักฉันมากขนาดนี้”
“เราทำให้เธอผิดหวังหรือเปล่า” เขาเงยหน้าขึ้นถามเธอ
เธอส่ายหน้า “ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจ”
หันเลี่ยงทำเพียงยิ้มบางๆ และไม่พูดอะไรออกมา
“พาฉันไปหาเธอทีสิ” เธอเอ่ย
เขาตอบกลับ “ให้แม่ของเธอพาไปหาสิ ฉันไม่รู้ว่าเธอถูก…ฝังอยู่ที่ไหนหรอก” เขาเงยหน้ามองท่าทางสงสัยของเธอและพูด “หลังจากเธอ… เสียไป ฉันก็ไม่เคยไปหาเธอเลย ฉันไม่กล้าไปเห็นเธอนอนนิ่งอยู่ที่นั่น”
เธอกล่าว “ก็ได้ ตามใจคุณแล้วกัน”
ทั้งคู่คุยกันน้อยคำอยู่ที่โต๊ะข้างกระจกของร้านอาหาร หลังจากมื้ออาหารจบลง พวกเขาก็ไม่ได้แตะต้องอาหารในจานมากนัก และท้องฟ้าข้างนอกก็มืดลงเสียแล้ว
เธอมองนาฬิกาก่อนว่าขึ้น “ฉันต้องไปแล้ว”
“เธอไม่คิดจะกลับไปเมือง F จริงๆ หรือ ถ้าเธอกังวลเรื่องของฉัน ให้ฉันย้ายออกไปอยู่อีกบ้านก็ได้นะ”
เธอปฏิเสธข้อเสนอของอีกฝ่าย “ไม่ล่ะ ฉันยังอยากอยู่ที่เมืองนี้ ฝากคุณบอกแม่แทนฉันว่าจะกลับไปเยี่ยมเธอเรื่อยๆ ด้วยแล้วกัน”
“เธอชินกับการอยู่ที่นี่หรือ”
“คงเป็นแบบนั้น อาจเป็นเพราะฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาและก็สบายใจดีหลังจากอยู่มาพักใหญ่” เธอมองสีท้องฟ้าในยามค่ำคืนและผู้คนที่เดินผ่านไปมา “คุณไม่คิดว่าที่นี่สวยไม่น้อยบ้างเลยเหรอ”
หันเลี่ยงมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง “ก็สวยจริงๆ แหละ” ก่อนหันมาถามเธอ “แต่เธอคงไม่ได้อยากอยู่ที่นี่เพียงเพราะว่ามันสวยหรอกใช่ไหม มีเหตุผลอื่นใช่ไหมล่ะ เพราะใครบางคนงั้นเหรอ”
เธอรู้ว่าเขาคงหมายถึงโม่หันแต่ดูเหมือนเธอเองก็ยังไม่รู้คำตอบของคำถามนั้นเช่นกัน จึงทำเพียงตอบเขาไปตามตรง “ฉันไม่รู้”
ทั้งสองคุยกันต่อไม่นาน ทีแรกหันเลี่ยงอยากจะไปส่งเธอแต่เธอปฏิเสธและยืนกรานจะนั่งแท็กซี่กลับเอง เมื่อเห็นรถของหันเลี่ยงขับออกไปเธอก็ผ่อนคลายลงก่อนจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน
เธอมองเวลาบนหน้าปัดในรถแท็กซี่และพบว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว คงจะถึงบ้านราวสามทุ่มครึ่งได้และโม่หันคงใกล้กลับมาแล้ว
ทว่าเมื่อปลดล็อกประตูเข้ามาในบ้านกลับพบว่าด้านในตัวบ้านยังมืดอยู่ เธอเอื้อมมือไปเปิดไฟ กวาดตามองไปรอบๆ และไม่เห็นใครอยู่ในบ้าน
โม่หันยังไม่กลับมาหรอกเหรอ
แต่ก่อนเขากลับมาถึงบ้านสองทุ่มตลอดไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้เขายังไม่ถึงบ้านล่ะ หรือว่างานจะยุ่งกันนะ
เธอได้แต่สงสัยไปเรื่อยขณะที่เดินตรงไปที่ห้องนอนของตัวเอง เปิดไปในห้องและเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ แต่เมื่อเธอเดินมาเอาเสื้อผ้าที่ตู้เสื้อผ้าและมองไปรอบๆ ก็สังเกตว่ามีบางอย่างในห้องเปลี่ยนไป
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะทำงานก็เห็นหนังสือหลายเล่มวางกระจัดกระจายอยู่ ทั้งคำอธิบายและคดีตัวอย่างของกฎหมายเศรษฐกิจจีนและบทบังคับใหม่ปี 2017 ในกฎหมายเศรษฐกิจจีน รวมถึงหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนาอีกหลายเล่ม เธอพลิกอ่านมันแต่ก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด
ต้องเป็นหนังสือของโม่หันแน่ ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ
บนโต๊ะหัวเตียงยังมีผ้าปิดตาสีดำวางอยู่อีก เธอหยิบมันขึ้นมามอง ดูเหมือนไม่ใช่ของเธอเช่นกัน
และแก้วที่มีน้ำอยู่เพียงครึ่งเดียวเหมือนกับมีใครบางคนเพิ่งดื่มมันก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
เธอเดินสำรวจไปรอบห้อง โม่หันเข้ามาที่นี่เหรอ จากที่เห็นดูเหมือนเขาจะอยู่ที่ห้องตัวเองเป็นเวลานานแล้วทำไมเขาต้องเข้ามาในห้องของเธอด้วย เขาไม่ได้มักจะทำงานอยู่ในห้องอ่านหนังสือข้างๆ หรอกเหรอ
เธอไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว ตลอดทั้งวันนี้สมองของเธอถูกใช้จนหมดแรงจะคิดอะไรได้อีก เธอส่ายหน้านวดคลึงต้นคอของตัวเองก่อนจะหยิบชุดนอนและเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
โม่หันกลับมาถึงบ้านหลังจากเธอเข้าไปในห้องน้ำไม่นาน
เอื้อมมือหมายจะไปเปิดไฟโดยสัญชาตญาณแต่เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่ามันถูกเปิดไว้แล้ว
เขาเห็นกระเป๋าของซย่าชิงอีอยู่บนโซฟา กุญแจถูกวางไว้บนโต๊ะ เสื้อคลุมถูกพาดเอาไว้ที่พนักอีกด้าน และแสงไฟที่ลอดออกมาจากประตูห้องนอนของเธอที่เปิดอ้าไว้
กระเป๋าเอกสารในมือของเขาถูกวางไว้บนพื้นพร้อมกับเสียงน้ำที่ดังมาจากห้องของเธอ เขาก้าวไปอีกไม่กี่ก้าวและเปิดประตูเดินเข้าไป
ห้องยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนกับในตอนเช้า สิ่งที่แตกต่างไปคือแสงไฟที่ส่องผ่านกระจกและเสียงน้ำที่มีต้นทางมาจากห้องน้ำ
เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง คลายเนกไทลงและถอดเสื้อคลุมออก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ดบนออกและรอให้เสียงน้ำหยุดลง
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนพร้อมเช็ดผมไปพลาง ก่อนจะตกใจจนขยับถอยหลังไปเมื่อเห็นเขานั่งอยู่บนเตียง
“ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” เธอเอ่ยถาม
“มารอเธอ” เขาตอบ
“รอทำไมคะ”
“รอให้เธออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้าน่ะสิ”
เธอเดินผ่านเขาไปพลางเช็ดผมขณะที่ตรงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบครีมเพิ่มความชุ่มชื่นและเทมันออกมาทาบนใบหน้า “มันซับซ้อนน่ะค่ะ พี่จะให้ฉันเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ”
เขาว่าขึ้น “เล่ามาตั้งแต่แรก”
เธอยิ้ม “อย่างนั้นมันก็ยิ่งยากสิคะ ขอฉันคิดก่อน ฉันว่าฉันเล่าเรื่องของฉันเมื่อก่อนให้ฟังก่อนแล้วกัน”
“อะไรนะ เธอจำได้แล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นและหันไปมองหน้าเธอ
“ยังค่ะ” เธอถอนใจ “แต่ก็เกือบแล้วล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ความจริงบ้างแล้ว”
เธอพิงตัวกับโต๊ะและหันหน้ามามองเขาขณะที่เช็ดผมให้แห้ง “ว่าง่ายๆ ก็คือจริงๆ แล้วฉันไม่ใช่ซ่งเย่ว์เนี่ยนแต่เป็นพี่สาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อซ่งเนี่ยนมู่”
คนฟังขมวดคิ้งมุ่น “พี่สาวฝาแฝดงั้นเหรอ”
“ค่ะ หันเลี่ยงยอมรับความจริงที่น้องสาวฉันตายเพราะอุบัติเหตุไม่ได้ พอเขาเจอฉันวันนั้นเลยอยากให้ฉันไปแทนที่เธอ”
เขาบ่นพึมพำเสียงเย็น “พี่บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอะไร บอกแล้วว่าเขาโกหก แต่เธอก็ไม่เชื่อพี่แล้วจะให้พี่ทำอะไรได้”
“เขาตั้งใจจะโกหกฉันเพราะเขารู้สึกเจ็บปวดในใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของฉัน” เธอนึกถึงท่าทางของเขาในร้านกาแฟก่อนเอ่ยออกไป
“ขนาดนี้แล้วเธอยังจะเห็นใจเขาอยู่อีกเหรอ” เขาจ้องหน้าเธออย่างเหลือเชื่อ
“เขาไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายและทำอันตรายฉันนี่คะ จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลย”
“เขาไม่ได้ทำอันตรายเธอใช่ไหม” โม่หันยังคงไม่ลืมที่หันเลี่ยงบอกเขาที่ห้องทำงานถึงค่ำคืนที่พวกเขาใช้ร่วมกัน
“ถ้างั้นเธอจะกลับมาทำไม ทำไมไม่ไปอยู่ที่นั่น” น้ำเสียงเย็นของเขาทำให้เธอรู้ทันทีว่าเขากำลังโกรธ
“พี่ไม่อยากให้ฉันกลับมาเหรอคะ” เธอถามเขากลับ
“เธอจะกลับมาหรือเปล่ามันก็เรื่องของเธอ พี่จะไปห้ามอะไรเธอได้ ต่อให้ตอนนี้เธอกลับไปเมือง F พี่ก็คงไม่มีอะไรจะพูด ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกแล้วนี่ บ้านของเธออยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือไง” เขากล่าว