ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 183 คนแปลกหน้า

ตอนที่ 183 คนแปลกหน้า

“เป็นเพราะว่าผมไม่เคยได้ยินมาก่อนน่ะครับ…”

“คุณเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณต้องรู้เรื่องส่วนตัวของผมขนาดนั้นด้วยครับ…”

“โอ๊ะ… ยังไงคุณทั้งสองคนก็คบกันไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ ทนายโม่ ทำไมถึงไม่แนะนำเธอให้กับผมล่ะครับ ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ…”

ที่บอกว่าคบกันไม่ได้และให้แนะนำเธอให้เขามันหมายความว่าอะไรกัน!

สำหรับคนที่ปกติแล้วจะใจเย็นอย่างโม่หัน แม้เขาจะอดไม่ได้ที่คิดอยากโยนเอกสารอย่างแรงใส่หน้าของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังพยายามจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ “คุณเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว”

“แต่ว่าผมถามหลิวจื้อหย่วนเมื่อวานแล้ว เขาบอกว่าเธอไม่มีนี่ครับ”

“เธอเพิ่งคบกับเขาเมื่อคืน” น้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างเหลือเชื่อ

ตอนนี้ทนายหวังสัมผัสได้ว่าโม่หันคงรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก จากประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมา คิดว่าการถอยหลังออกไปจากที่นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนเอ่ยกับทนายโม่ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ “ถ้างั้นผมเอาเอกสารไปแล้วนะครับ ทนายโม่ เดี๋ยวจะให้คุณหลิวเอามาให้คุณหลังจากที่ผมจัดการเสร็จแล้ว”

สายตาของโม่หันของคงจดจ้องอยู่ที่เอกสารตรงหน้า “ออกไปได้แล้วครับ”

เขายังคงรู้สึกไม่สบายใจนักหลังจากที่ทนายหวังเดินออกไป ต่อสายโทรหาซย่าชิงอี เสียงสัญญาณดังขึ้นสองครั้งก่อนที่จะถูกตัดสายไป ข้อความจากเธอถูกส่งตามมาทีหลังจากนั้นไม่นาน

[ฉันเรียนอยู่! มีอะไรเหรอคะ]

เขาตอบข้อความของเธอกลับไป [เธอเลิกเรียนกี่โมง]

[ห้าโมงครึ่งค่ะ]

[เลิกเรียนแล้วรอพี่ที่มหาวิทยาลัยด้วย]

[ฉันไปที่บริษัทเลยไม่ได้เหรอคะ เวลานั้นพี่ทำงานอยู่เลยนี่]

[เธอไม่ต้องเข้ามาที่บริษัท พี่จะไปหาเธอเอง] เมื่อเขาจรดปลายนิ้วพิมพ์ข้อความตอบ เมื่อคิดถึงตอนที่ทนายหวังเข้ามาในห้องทำงานของเขา รู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ที่นึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเธอไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ

เขาอยากจะซ่อนเธอเอาไว้

อยากจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเธอน่ารักขนาดไหน คนเดียวที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ความคิดที่เหมือนกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะตกหลุมรักใครสักคน

เขาไม่ปล่อยให้เธอรอนาน หลังจากจัดการเรื่องการเซ็นสัญญาเสร็จก็เหลืองานอีกไม่มาก เขาออกจากบริษัทเร็วกว่าปกติเล็กน้อยและขับรถมุ่งหน้าไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อรับเธอ

เธอกำลังรออยู่บริเวณประตูทางเข้า เขาเห็นเธอมาแต่ไกลขณะที่จอดรถไว้ข้างทาง จากนั้นจึงโทรหาอีกฝ่าย

[มองทางขวาของเธอสิ] เขาเอ่ย

เธอมองไปด้านหลังอย่างงุนงง พยายามสอดส่ายสายตาหาคนที่โทรหา

[เธอกำลังมองไปทางซ้ายอยู่นะ] เขาหลุดหัวเราะออกมา

เธอหันไปมองอีกทางจนในที่สุดก็เห็นรถของเขาที่จอดอยู่ริมถนน โม่หันยื่นมือออกมาด้านนอกกระจกรถโบกมือให้เธอ

ซย่าชิงอีวางสายและเดินเข้ามาเปิดประตูรถ ทิ้งตัวลงบนที่นั่งด้านหน้า ในจังหวะที่เธอเอ่ยปากถามว่าพวกเขาจะไปกินอาหารกันที่ไหน เขาก็เอนตัวเข้ามาตรึงร่างของเธอไว้กับเบาะก่อนที่จะประกบจูบอีกฝ่าย

ตอนนั้นเองที่จูบดูดดื่มและยาวนานได้เริ่มขึ้น เธอตีไหล่เขาเบาๆ ขณะที่ครางอื้ออึงในลำคอทั้งดวงตาที่เบิกกว้าง ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงยึดร่างของเธอไว้จนขยับไม่ได้

ในที่สุดพวกเขาก็ผละริมฝีปากออกจากกัน เขายังคงโน้มตัวมาข้างหน้าเธอพร้อมสบสายตามองเธอด้วยรอยยิ้ม

เธอเช็ดน้ำลายที่เลอะบนริมฝีปาก ชำเลืองมองคนที่ส่งยิ้มให้ “พี่อย่าพุ่งเข้ามาจูบแบบนี้สิคะ! ฉันตกใจแทบตายแหนะ”

“เดี๋ยวต่อไปเธอก็ชินเองนั่นแหละ” เขาว่าขึ้น

คนถูกจูบผลักเขาออก “ต่อไปอย่างทำแบบนี้อีกนะคะ คนข้างนอกเยอะแยะ”

“กลัวอะไรล่ะ พวกเขาไม่เห็นสักหน่อย”

“พวกเขาไม่เห็นแต่ฉันเห็นพวกเขานี่คะ”

“ต่อให้พวกเขาเห็นก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย เธอเป็นแฟนพี่นะ ทำแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไรสักหน่อย” เขากล่าวเสียงหนักแน่น

เธอเหลือบมองเขาครู่หนึ่งอย่างไม่อยากจะถกเถียงกับเขาอีกต่อไปและพูดขึ้น “ช่างเถอะค่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้และไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”

เขาพาเธอมาร้านอาหารฝรั่งร้านหนึ่ง รายการอาหารทั้งหมดถูกเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสที่เธอไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว เพราะอย่างนั้นเธอจึงโยนหน้าที่ในการสั่งอาหารให้กับโม่หัน

เขาสั่งสเต๊กมาให้เธอ เนื้อนุ่มลิ้นที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสที่เคลือบอยู่ด้านบนทำให้อาหารจานนี้ยิ่งหอมชวนกินมากขึ้น และมันยิ่งอร่อยมากขึ้นเมื่อกินคู่กับผักสดที่เคียงมาให้ เธอคิดในใจระหว่างที่กินว่าต่อไปหากคราวหลังเธอคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร เธอจะยกหน้าที่สั่งอาหารให้เขาอย่างแน่นอน สำหรับเธอแล้วอาหารที่เขาสั่งมักจะอร่อยกว่าสิ่งที่เธอสั่งมาเองเสมอ

เธอมองไปที่อีกฝ่าย เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเหมือนเธอที่ระหว่างกินก็เอาแต่พยักหน้าและบอกว่าอร่อยอยู่อย่างนั้น เขาทำเพียงส่งยิ้มให้พลางหั่นสเต๊กในจาน อย่างไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่

ระหว่างมื้ออาหาร เธอเช็ดปากและไปเข้าห้องน้ำ หลังจากที่ทำธุระเสร็จ ในขณะที่ล้างมืออยู่เธอก็ตั้งใจจะรีบออกไปเพื่อจัดการสเต๊กในจานให้หมด

ทว่าเธอก็เกือบจะชนเข้ากับผู้ชายด้านหลังเมื่อกลับหลังหันไป เธอสะดุ้งด้วยความตกใจพลางรีบกล่าวขอโทษเขา เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นผู้ชายร่างสูงโดดเด่น รูปร่างกำยำ และดูเหมือนว่าจะตัดผมสั้นเกรียนเมื่อมองไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายที่ก้มลงมาซึ่งสวมหมวกเบสบอลอยู่

ชายคนนั้นขยับถอยหลังทิ้งระยะห่างกับเธอ ราวกับจะเปิดทางให้เธอเดินผ่านเขาไป

เธอเอ่ยขอบคุณพร้อมก้มหัวลง ก่อนที่จะเดินผ่านเขาไปทางด้านหลัง

ระหว่างทางเธอก็หยุดฝีเท้าและหันกลับไปมองชายคนก่อนหน้านี้ชั่วครู่

แต่เขากลับหายตัวไป ไม่ได้อยู่ที่เดิมกับที่เธอเห็นเขาเสียแล้ว

เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในใจนัก แม้จะไม่รู้ความอึดอัดใจที่มีนั้นมาจากไหนก็ตาม

เมื่อกลับถึงโต๊ะเธอก็ลงมือกินอาหารในจานต่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าสเต๊กในจานเย็นชืดหรือเธอสูญเสียสัมผัสการรับรสไป แต่รสชาติของเนื้อตรงหน้ากลับไม่เหมือนก่อนหน้านี้เสียแล้ว

เธอกินไปอีกไม่กี่คำก่อนจะวางมีดและส้อมลง

โม่หันหยุดมือและเงยหน้ามองเธอ “เธอไม่กินแล้วเหรอ”

“อิ่มแล้วค่ะ”

“ไม่อยากกินอีกหน่อยจริงๆ เหรอ”

คนถูกถามส่ายหน้าพลางส่งยิ้มให้ “ไม่ล่ะค่ะ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ ”

เขาวางมีดและส้อมตามเธอและใช้ผ้าเช็ดปากตัวเอง “งั้นก็ไปกันเถอะ”

ซย่าชิงอีและโม่หันไม่ได้ใช้เวลาอยู่ข้างนอกนานนัก หลังจากกินอาหารเสร็จเขาก็พาเธอกลับบ้านตั้งแต่ช่วงเย็น พวกเขานั่งดูหนังบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แขนของเขาพาดอยู่บนไหล่ของเธอที่เอนแนบชิดกับโซฟา ทีแรกเธอดูหนังด้วยท่าทีจริงจังขณะที่กอดหมอนในอ้อมแขนไว้ แต่หลังจากนั้นเขาก็โน้มศีรษะของเธอให้ซบเข้าที่ไหล่ของตัวเอง เธอชำเลืองมองเขาก่อนที่จะกลับมานั่งหลังตรงดูหนังต่ออีกครั้ง

จากนั้นไม่นานโม่หันเขาก็ทำเหมือนเดิมอีก เขาคะยั้นคะยอให้เธอซบศีรษะกับไหล่ของตัวเองเข้าจนได้

“ทำแบบนี้เดี๋ยวฉันก็ปวดคอกันพอดีหรอกค่ะ” เธอร้องโอดโอย

เขายีผมของเธอจนยุ่ง “แค่นอนพักมาแป๊บเดียวเองน่า”

แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกเหนื่อยกับการตั้งหน้าตั้งตาดูหนังและค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น ก่อนจะเอนศีรษะพักบนไหล่ของอีกคน เขาลูบศีรษะของเธอพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ฉันหิวขึ้นมาอีกแล้วค่ะ” เธอว่าขึ้น

“เธอเพิ่งบอกว่าอิ่มไปตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารเองไม่ใช่เหรอ” คนฟังหัวเราะพลางเขกศีรษะน้อยๆ ของเธอเบาๆ

เธอตอบกลับ “ตอนนั้นฉันอิ่มจนกินต่อไม่ไหวจริงๆ นี่คะ แต่หลังจากดูหนังก็หิวขึ้นมาอีกแล้ว”

จริงๆ แล้วโม่หันสังเกตเห็นท่าทีของเธอตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อหลังจากเห็นดังนั้น กลัวว่าจะทำให้เธอไม่มีความสุขเสียเปล่าๆ

เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นพลางเอ่ยถามอีกฝ่าย “มีอะไร… เกิดขึ้นที่ร้านอาหารก่อนหน้านี้หรือเปล่า”

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาและตกใจเล็กน้อย “พี่รู้ด้วยเหรอ…”

เขาส่ายหน้า “พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ท่าทางของเธอตอนที่เดินกลับมามันดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย”

เธอยกศีรษะออกจากไหล่ของเขาและกลับมานั่งตรง “จริงๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ…” เธอหรี่ตาลง “จู่ๆ ฉันก็แค่… รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาน่ะ”

“อึดอัดใจเหรอ”

“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันค่ะ… แค่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกขึ้นมาเฉยๆ ”

ซย่าชิงอีไม่ได้บอกโม่หันเรื่องที่เธอเกือบจะชนกับผู้ชายคนนั้น ด้วยคิดได้หลังจากที่เธอกลับมาว่าตอนนั้นตัวเองคงอารมณ์อ่อนไหวมากไป เขาเองไม่ได้ทำอะไรที่แปลกสักนิด ไม่แม้แต่จะพูดออกมาสักคำ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ไม่สบายใจเมื่อยืนต่อหน้าเขาเช่นกัน

แม้ว่าเธอจะรู้สึดอึดอัดในใจไม่น้อยเมื่อเห็นเขาหายตัวไปก็ตาม

เธอไม่อยากให้โม่หันต้องกังวลกับเรื่องนี้ มันเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญใจเล็กๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาใส่ใจ

“เธอกลัวอะไรอยู่เหรอ…พี่อยู่ตรงนี้ รู้ใช่ไหม” เขาดึงเธอเขามาซบที่อกของตัวเอง ปล่อยให้เธอนอนบนตัวเหมือนกับตัวเขาเป็นหมอน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่ข้างเธอเสมอนะ”

เสียงหัวใจของเขาดังทะลุเสื้อเชิ้ตของเขาแทรกเข้ามาในหู เสี้ยวหน้าของเธอสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจแผ่วเบา เธอควรจะมีความสุขเพราะในตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดได้มาอยู่ข้างกายเธอ

แม้ว่าเสี้ยวมุมหนึ่งในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความอึดอัดก็ตาม

เธอได้ยินเสียงหนึ่งที่ดังบอกกับตัวเองอย่างเงียบเชียบ ‘เธอกลัวที่จะได้รับความสุขมาอย่างง่ายดายเหรอ แล้วความสุขนี้จะอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่ แม้ว่าโม่หันจะชอบเธอ แต่มีอะไรมายืนยันได้ล่ะว่าเขาจะยังอยู่ข้างเธอหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว’

เธอไม่มั่นใจเลย แม้แต่เธอยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถยอมรับกับความจริงของเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้หรือไม่ แล้วโม่หันล่ะ

เสียงถอนหายใจของเธอดังออกมาอย่างไม่รู้ตัว อีกฝ่ายลูบใบหน้าของเธอและเมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดมุ่น เขาก็ขยับมือมาคลายมันลงพร้อมส่งยิ้มใจเย็นให้ราวกับจะปลอบโยนเธอ

เธอเกาะแขนเสื้อของเขาไว้อย่างไม่อยากจะคิดถึงเรื่องใดอีกแล้ว ต้องการเพียงรักษาช่วงเวลานี้เอาไว้ให้นาน

อย่างน้อยแค่เธอมีความสุขในเวลานี้ก็เพียงพอแล้ว

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด

เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง

เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ”

เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร

เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท