ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 289
โรงพยาบาลแกรนด์เอเชีย
เจย์ลากโรสตลอดทางเดินถึงหน้าห้องผู้ป่วยวิกฤต เขาไม่สามารถระงับความโกรธของตนไว้ได้เลย และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่ได้บอกให้ระวังหรือยังไง?”
คุณหมอดูละอายใจและลำบากใจ แต่เขาก็อธิบายตามหลักความเป็นจริงและวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์ถึงเหตุผลของภาวะการณ์นี้ให้ท่านอาเรสฟัง “ท่านอาเรสครับ อย่าโกรธผมเลยนะครับ แม้ว่าอาการของท่านปู่เซเวียร์ยังทรงตัว แต่กล้ามเนื้อของเขาจะลีบลงเรื่อย ๆ หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว เราตัดสินใจที่จะเพิ่มระดับการรักษา โดยจะการใช้ยาอิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำและฮอร์โมน ร่วมกับยาที่กดภูมิคุ้มกันจะต้านทาน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง แต่เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นอาการของเขาก็จะบรรเทาลง บางทีกล้ามเนื้อของท่านปู่ก็จะกลับมาแข็งแรงได้ช้า ๆ ครับ”
คุณหมออธิบายอย่างเป็นมืออาชีพ แต่ก็คงจะยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจหลักการของภาวะแทรกซ้อนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก่อนที่คนไข้จะฟื้นตัว เจย์มองไปที่โรสเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาใส่ใจมากที่สุดก็คือความรู้สึกของหญิงสาว
โรสได้ตรวจสอบประเด็นข้อมูลหลังจากทราบว่าปู่ของเธอป่วย แม้จะไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่เธอก็รู้ว่าภาวะแทรกซ้อนระหว่างรักษาเป็นเรื่องปกติ
อย่างไรก็ตามปู่ของเธอยังอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต เธอก็เป็นกังวลในทุกทาง
ใบหน้าของเธอขาวซีด มือมีเหงื่อออก แม้แต่ร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นเทา
โจเซฟินรีบไปที่ห้องผู้ป่วยวิกฤตทันทีที่จอดรถเสร็จ เธอเห็นพี่ชายของเธอกอดโรสไว้ในอ้อมแขนและลูบหลังเธอเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังปลอบโยนเด็กน้อย
ความรู้สึกแห่งรักเอ่อล้นจากเขา
โรสตาแดง น้ำตาไหลพรากจากดวงตา
ในสายตาของโจเซฟินนั้นเต็มไปด้วยความสับสน
ท่านปู่เซเวียร์ป่วยแต่ทำไมพี่สะใภ้ถึงดูโศกเศร้าในเรื่องนี้มากกว่าพี่ใหญ่ของเธอเสียอีก?
พี่สะใภ้ของเธอคือลูกสาวนอกสมรสของตระกูลลอยล์ อะไรคือความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลเซเวียร์จากเมือง นกนางแอ่น?
โจเซฟินเดินไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับนั่งรอ มองไปที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของเธอที่กอดกันด้วยความรัก แสดงออกของโจเซฟินจึงเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อน
“อะแฮม อะแฮ่ม อะแฮ่ม…” โจเซฟินอดไม่ได้ที่จะกะแอมไอเพื่อเตือนพี่ใหญ่ของเธอว่าที่นี่คือโรงพยาบาล แกรนด์ เอเชีย และทุกคนที่เดินไปเดินมาก็รู้จักเขา พี่ชายและพี่สะใภ้ไม่กลัวที่จะแสดงความรักในที่สาธารณะเลยหรือไง?
นี่เขาไม่กลัวจะกลายเป็นหัวข้อที่เป็นประเด็นร้อนให้ค้นหาหรืออย่างไร?
แม้ว่าโจเซฟินจะไอจนถึงจุดที่จะอ้วกออกมา เจย์และโรสก็ยังคงไม่สนใจเธอ
เมื่อคุณหมอเดินเข้ามาหา เจย์จึงชี้ไปที่โจเซฟินและสั่งคุณหมอว่า “จัดการตรวจระบบทางเดินหายใจของเธอเดี๋ยวนี้ คอของเธอไม่ค่อยสบาย”
เจโซฟินกระโดดหย่ง “พี่ชาย ฉันไม่ได้ป่วยนะ”
“แล้วทำไมเธอถึงไอ?” เจย์ถาม
“ฉัน… ฉันอยากจะเตือนนายว่าให้ระวังการแสดงออกในที่สาธารณะสักหน่อย” โจเซฟินกระซิบ
เจย์จึงตระหนักขึ้นมาได้ว่าเขายังวางแขนไว้ที่หัวไหล่ของโรส เขารีบดึงแขนกลับอย่างรวดเร็ว เขามองคุณหมออย่างบาดลึก มันคือสัญญาณเตือนเงียบ ๆ
คุณหมอหันหลังกลับ เขาเบนสายตาไปที่อื่น และรับปากอย่างเขร่งขรึม “คุณอาเรสสบายใจได้ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
“สถานการณ์เป็นอย่างไงบ้าง?” เจย์ถาม
หมอยังคงหันหลังให้และพูดว่า “อาการผ่านวิกฤตแล้วครับ สัญญาณชีพจรก็อยู่ในระดับที่ดี คุณอาเรสสามารถกลับไปพักผ่อนได้อย่างสบายใจ”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น โรสก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
เธอยืนขึ้นและหันหน้าคุยกับคุณหมอตามมารยาทสังคม “หมอคะ ฉันสามารถเข้าเยี่ยมท่านปู่ได้ไหมคะ?”
สีหน้าของคุณหมอลำบากใจ
เจย์พูดว่า “ท่านปู่เพิ่งย้ายจากห้องผู้ป่วยวิกฤตมาเป็นแผนกคนไข้ทั่วไป คุณหมอยังต้องคอยเช็คอาการของเขาอยู่ ฉันว่าเธอรอเจอท่านปู่จะดีที่สุด ตอนนี้ท่านปู่ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว เธอมั่นใจได้เลยและกลับไปรอฟังข่าว”
โรสพยักหน้า
เจออกคำสั่งโจเซฟินที่มัวแต่ครุ่นคิดว่า “ไปเอารถมาออกมา”
โจเซฟินบ่นพึมพำ “อย่างน้อยฉันก็ควรได้รับเงิน หากนายจะทำให้ฉันเป็นคนขับรถ?”
พวกเขาไปนู่นไปนี่กันมาตลอดทั้งคืน ในเวลาที่พวกเขากลับมาถึงสวนบันทึกรักพระอาทิตย์ก็ขึ้นเสียแล้ว
โรสยืนอยู่ตรงประตูของสวน มองไปที่เจย์อย่างซาบซึ้ง “ท่านอาเรส ขอบคุณนะ”
เจย์ค่อนข้างสูงและตัวใหญ่มากเมื่อเทียบกับร่างอันบอบบางของเธอเขาก้มลงมองเธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา