นายน้อยสามไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบก่อนที่จะเป็นเธอที่โพล่งถามขึ้น “นายน้อยสาม ฉันอยากถามบางอย่างกับคุณค่ะ”
ก่อนว่าต่อ “เสียวเหยี่ยตายยังไงกันแน่คะ”
เพราะฝันร้ายเกี่ยวกับการตายของเสียวเหยี่ยที่ตามหลอกหลอนเธอมานานจึงอดถามเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้ หากเธอยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ความฝันนั้นอาจตามติดเธอต่อไปในอนาคต
“เขา… ฉันไม่คิดว่าเขาจะตาย ฉันรู้ว่าว่าหวังเซิงชอบเขา… ที่ฉันพาเขาไปด้วยเพราะฉันไม่มีทางเลือก… หวังเซิงไม่ได้ปิดบังความรู้สึกของเขาเมื่อเห็นหน้าเสียวเหยี่ย เขาคงรู้แล้วว่าฉันรู้เรื่องนี้ ท่าทางของเขาแทบอยากจะกลืนกินเสียวเหยี่ย… ฉันไม่คิดเลยว่าเสียวเหยี่ยจะตาย… อย่างน้อยที่สุดเขาก็น่าจะเอาตัวเสียวเหยี่ยไปด้วย… แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะฆ่าเสียวเหยี่ย”
อีกฝ่ายยังคงพูดต่ออย่างตะกุกตะกัก “เขาถูกหวังเซิงฟันเข้าที่ท้อง” คนเล่าก้มหน้าลง “ตอนแรกฉันไม่เข้าใจแต่มานึกได้ทีหลังว่าหากเขาไม่มีทางครอบครองสิ่งที่ตัวเองชอบ สู้ทำลายสิ่งนั้นทิ้งเสียดีกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่เขาฆ่าเสียวเหยี่ยด้วยมือตัวเอง”
หัวใจของเธอชาหนึบไปหมด “เขาพูดอะไรก่อนตายหรือเปล่าคะ”
เขามองมาที่เธอ “เขาบอกฉันว่าไม่ให้บอกเธอว่าเขาตายได้ยังไง และปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ จริงๆ แล้วคำพูดส่วนใหญ่ของเขาคือคำพูดสั่งเสียถึงเธอ”
เธอเม้มริมฝีปาก ก้มมองพื้นอย่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขา…” เขาเอ่ยถามกลับ “เธอเกลียดฉันเพราะเรื่องนั้นเหรอ”
“ไม่ได้เกลียดหรอกค่ะ ตอนนั้นฉันพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าคุณต้องทำแบบนี้ เป็นฉันเองที่เมินเฉยกับหลายๆ เรื่อง ฉันเหนื่อยและไม่อยากจะอยู่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว”
เธอสูดหายใจลึก “คุณสงสัยมาตลอดว่าทำไมฉันกับเสียวเหยี่ยถึงได้สนิทสนมกันใช่ไหมคะ และคุณก็คงรู้ดีแล้วว่าฉันรักใครมาตลอดหกปี”
เธอก้มหน้าและพึมพำกับตัวเอง “อันที่จริง ฉันเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงชอบคุณ เสียวเหยี่ยเองก็รู้เรื่องนี้ดีว่าฉันชอบคุณมาตลอดหกปีนั้น ระหว่างเราสองคนไม่มีความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ แบบนั้นเกิดขึ้นหรอกค่ะ เขาคิดกับฉันเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง และฉันก็วางเขาไว้ในฐานะน้องชายเท่านั้น”
“ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรไปมากกว่านี้” เธอยังคงก้มศีรษะ “บางครั้งฉันเองก็คิดว่าเขาค่อยๆ กลายมาเป็นน้องของฉันจริงๆ มันอบอุ่น อบอุ่นมากจริงๆ ” เธอว่าขึ้น
นายน้อยสามจ้องมองมาที่เธอ “ถ้าอย่างนั้นเธอยังรู้สึกแบบนั้นกับฉันอยู่เหรอ จนถึงตอนนี้น่ะเหรอ”
คนฟังเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างเงียบๆ สายตาของเธอเรียบเฉย มีเพียงแววตาที่ส่งออกมาเป็นความจริงลึกๆ ในใจในขณะที่ไม่ได้ปริปากตอบใดๆ
อีกฝ่ายสบตาเธอ รู้สึกราวกับถูกเสียดแทงในใจเมื่อเข้าใจคำตอบที่เธอส่งมาให้ ก่อนฝืนยิ้มและเอ่ย “ฉันเข้าใจ เธอไม่จำเป็นต้องตอบฉันหรอก”
เธอยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้และมองตรงมาที่เขา ในเวลาเดียวกับที่เสียงประกาศหมดเวลาของเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ด้านข้างดังขึ้นก่อนจะมาพาตัวเขาออกไป เขาหันเดินออกไปกับเจ้าหน้าที่ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนกับตอนที่เขาเข้ามา แม้แต่ในคุกเขาก็ยังคงรักษาท่าทีเป็นนายน้อยสามของลูกน้องในกลุ่มอยู่เช่นเดิม
โทรศัพท์ที่แนบหูค่อยๆ ถูกวางลง เธอมองตามเขาจนกระทั่งลับตาไปก่อนหันหลังเดินจากไป
โม่หันคงกำลังรอเธออยู่ที่บ้าน
จากนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนายน้อยสามจะกลายเป็นเพียงเรื่องในอดีต เธอจะไม่มาพบหน้าเขาอีกต่อไป
ในที่สุดเธอก็ปลดปล่อยตัวเองจากความกังวลทั้งหมดและได้พักผ่อนชั่วครู่ในระหว่างทางกลับบ้าน ทว่าโล่งใจได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาที่ต้องบอกเรื่องราวในอดีตของเธอกับโม่หันเสียที และไม่ว่าเขาจะทำอะไรหลังจากรับรู้เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา
หากเขาเลือกที่จะจากไปเธอก็คงไม่ได้แปลกใจมากนัก เธอจะไม่ตามรังควานเขาถ้าเขาทำเช่นนั้นจริงๆ และจะเคารพการตัดสินใจของเขา
อันที่จริงเธอเองก็หวังให้เขาทิ้งเธอไปเช่นกัน เธอยังคงเป็นเหมือนเดิมตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ในขณะที่เขาเป็นคนดีมากคนหนึ่งและควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ หากไม่สามารถเป็นคนที่ดีที่สุดคนนั้นให้เขาได้ เธอยินดีที่จะให้คนที่ดีกว่ามาอยู่เคียงข้างเขาแทนเธอ
แม้ว่าแค่นึกถึงมันขึ้นมาก็พาให้ใจเสียแล้วก็ตาม
ทว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเขา
เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเธอในอดีตเป็นอย่างไรมาก่อน
คงยากสำหรับคนทั่วไปที่จะทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีตได้
แม้ว่าเธอจะเตรียมใจมาแล้วแต่ในจังหวะที่เปิดประตูเธอก็ยังอดกังวลขึ้นมาไม่ได้
โม่หันนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเมื่อเธอเปิดประตูและก้าวเข้าไปในบ้าน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า บรรยากาศในบ้านเงียบสงัด ไม่มีแม้เสียงจากโทรทัศน์ ทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมา
“กลับมาแล้วเหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ ปิดประตูและเปลี่ยนรองเท้า ก่อนเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหม”
เธอไม่กล้านั่งลงข้างๆ หรือแม้แต่สบตากับอีกฝ่าย ทำเพียงยืนนิ่งอยู่ห่างๆ เขา “ค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
เขาถามขึ้นมาในท้ายที่สุด “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
คนถูกถามเงยหน้ามองเขาและรู้ว่าคงไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป แต่ไม่รู้ว่าจะบอกเขาอย่างไร ก่อนถอนหายใจเล็กๆ และตอบกลับ “มีค่ะ”
เธอเดินไปตรงหน้าเขา บังคับตัวเองในเผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมด ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ และสบตาเขาด้วยท่าทีจริงจังก่อนพูดขึ้น “พี่โม่หัน… ฉันจำทุกอย่างได้แล้วค่ะ”
ท่าทางของเขาดูไม่ตกใจนัก เธอคิดว่าเขาคงคาดเดาออกอยู่แล้วเช่นกัน
“ฉันจำทุกเรื่องได้แล้ว… ทุกอย่าง…” เธอว่า
เขานิ่งฟังในขณะที่เธอจ้องเข้าไปในดวงตาเขาและครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “สิ่งที่ฉันกำลังจะพูดต่อไปนี้อาจจะแตกต่างจากที่พี่คิดอยู่ เตรียมใจไว้ดีๆ นะคะ”
มือของเขาวางและลูบที่ศีรษะของเธออย่างทนเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเธอไม่ได้ และพยายามผ่อนคลายความรู้สึกของเธอ “ต่างตรงไหนกัน เธอแต่งงานแล้วเหรอ”
เธอส่ายหน้า
“หรือเธอมีแฟนแล้ว”
เธอยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ ท่าทีดูกังวล “ไม่ใช่ทั้งคู่ค่ะ…”
อาการว้าวุ่นยังอยู่กับเธอก่อนเข้าตัวจะว่าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ “อดีตของฉัน… อาจจะยอมรับได้ยาก…” เธอหันมามองท่าทางของเขาแต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็ไม่เปลี่ยนไป ยังคงจ้องมาที่เธอเขม็ง
“หยุดพูดทำไมล่ะ” เขาถาม “พี่ไม่ได้หัวโบราณแบบที่เธอคิดหรอกนะ แค่เล่าออกมาให้พี่ฟัง ไม่ต้องเกร็ง พี่จะนั่งฟังเธออยู่ข้างๆ ตรงนี้เอง”
อารมณ์ของเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อย และทำใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตัวเองตั้งแต่อายุสิบเอ็ดให้เขาฟัง ยกเว้นเรื่องที่ตกหลุมรักนายน้อยสามมาหกปี
ที่เธอทำเช่นนั้นเพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงอีกต่อไปแล้ว
บอกเพียงว่าเขาเป็นหัวหน้าของเธอ
ซย่าชิงอียอมรับว่าเธอยังคงรู้สึกบางอย่างกับนายน้อยสาม แต่มันไม่ใช่ความรักที่เจ็บปวดอย่างในตอนนั้นอีกแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวในอดีตและจะไม่อยู่ในอนาคตของเธอ อนาคตที่จะมีเพียงโม่หัน
ตั้งแต่ที่เธอบอกกับนายน้อยสามว่าจะไปจากเขา เธอรู้ดีว่าจะไม่มีทางหันกลับไปอีกครั้งเด็ดขาด จะไม่ปล่อยให้ตัวเองติดกับดักความเจ็บปวดตลอดหกปีนั้นอีก ซ่งเนี่ยนมู่และลิน่าในอดีตได้ตายไปที่โกดังเก่าๆ นั้นแล้ว
อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปเสียหน่อย แต่เธอไม่ต้องการให้โม่หันติดอยู่กับเรื่องราวในอดีตของตัวเองเช่นกัน ไม่ต้องการเห็นเขาต้องกังวลกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนายน้อยสามตลอดช่วงเวลาในอดีต สำหรับซย่าชิงอี สุดท้ายแล้วนายน้อยสามจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งในอดีตเท่านั้น
เธอรู้สึกคอแห้งผากเมื่อเล่าเรื่องย่อๆ ทั้งหมดตลอดเวลาเก้าปีของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง กลืนน้ำลายและสบตากับเขาอย่างรอดูท่าทีตอบสนอง
เขามองเธอกลับพร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูดออกมาในท้ายที่สุด “รู้สึกเหมือนพี่กำลังฟังเรื่องของคนอื่นอยู่เลย”
“แต่… มันคือเรื่องจริงนะคะ”
แววตาของเขาส่งประกายระยิบระยับก่อนตบศีรษะเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องในอดีต”
เธอจ้องมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ
“พี่แค่… รู้สึกเห็นใจเธอ” เขาเอ่ย “ในที่สุดพี่ก็รู้ว่ารอยแผลเป็นบนตัวของเธอมาจากไหน… จริงๆ แล้วพี่พอจะเดาได้บ้าง ตอนที่ส่งเธอเข้ารักษาที่โรงพยาบาลครั้งแรก หมอบอกเรื่องแผลของเธอกับพี่นานแล้ว ตอนที่เห็นเธอนอนอยู่บนเตียงผ่านหน้าต่าง หลังจากนั้นก็รู้สึกได้ว่าอดีตของเธออาจจะไม่ธรรมดา”
คนฟังคาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขนาดนี้ ท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจกับอดีตของเธอนักทำให้เธอรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่ฉันเคยใกล้ชิดและถูกชายอื่นพวกนั้นกอด แถมฉันยังควงแขนและไปตามที่ต่างๆ กับพวกเขาอย่างนั้นเหรอคะ”
เขามุ่นคิ้วและหันมามองหน้าเธอ “เธอจะยั่วโมโหพี่เหรอ…”
เธอกลับมาแสดงสีหน้าอีกครั้ง “ก็พี่ดู… ไม่สนใจอะไรเลยนี่คะ พี่ดูไม่ใส่ใจเรื่องที่ฉันเคยทำเมื่อก่อน…”
เขากอดกระชับร่างเธอในอ้อมแขนไว้แน่น “ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ… แต่… พี่ไม่อยากให้เรื่องในอดีตของเธอมาส่งผลกระทบกับชีวิตของเราตอนนี้ต่างหาก”
เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “แต่อดีตของแฟนพี่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาชญากรนะคะ! ผู้หญิงอันตรายขนาดนั้นพี่จะไม่สนใจหน่อยเลยเหรอ”
เขายกยิ้มขึ้นอีกและบีบจมูกเธอเบาๆ “ยัยตัวแสบจากกลุ่มอาชญากร ดูมีเสน่ห์ดีออก”
เธอมุ่ยหน้า “ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าต่อไปฉันจะทำเรื่องแย่ๆ กับพี่บ้างเหรอ ถ้าฉันกลับไปเดินเส้นทางเดิม ฆ่าคนและนอนกับคนอื่นทุกครั้งที่ฉันต้องการล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ต่อไปพี่จะคอยดูแลเธอไม่ให้คลาดสายตาและห้ามไม่ให้เธอทำอย่างนั้นเอง”
เธอพูดอะไรไม่ออก ความกลัวว่าเขาจะทิ้งไปหลังจากรับรู้อดีตของเธอจางหายไป และดูเหมือนมันจะไม่มีผลกับความสัมพันธ์ของพวกเขาแต่อย่างใด
ทว่าความกังวลในใจของเธอก็ยังคงหลงเหลืออยู่ อย่างไรพวกเขาก็ยังคบหากันได้ไม่นาน ไม่มีสิ่งใดมารับประกันได้ว่าต่อไปเขาจะไม่เสียใจที่ตัดสินใจเช่นนี้ลงไป แต่เธอต้องการเพียงอยู่ในที่แห่งนี้ที่ในที่สุดก็มาถึงหลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปพี่…ต้องดูแลฉันให้ดีๆ นะคะ” เธอนอนลงบนตักของอีกฝ่าย
“ฉันจะเชื่อฟังและไม่ก่อเรื่องวุ่นวายให้พี่ค่ะ” ซย่าชิงอีเอ่ยขึ้นแผ่วเบา