ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 532
ร็อบบี้น้อยกำหมัดของเขา “คุณแม่บอกว่าเด็กผู้ชายไม่ควรจีบผู้หญิง แต่เมื่อผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนั้น พวกเธอสมควรถูกทำร้ายเสียจริง ๆ”
เซ็ตตี้น้อยจ้องเขม็งไปที่กลุ่มผู้หญิงที่แต่งหน้าอย่างเวอร์วัง “แต่ผู้ชายห้ามทำร้ายผู้หญิงนะ ทว่าผู้หญิงทำร้ายผู้หญิงคนอื่นได้นะ ฉันคิดว่างั้น”
ขณะที่เธอพูดออกไปอย่างนั้น ไม่นานเธอก็กระโจนไปทางพวกเธอ
ร็อบบี้น้อยรีบตะโกนออกมาจากข้างหลังเธอ “เธอดูไม่ใช่ผู้หญิงเลย เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงอยู่ เธอรู้ตัวไหมเนี่ย?”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ร็อบบี้น้อยเหงื่อออกอย่างกังวลและหันไปหาเจนสันเพื่อขอความช่วยเหลือ “เด็กผู้หญิงคนนั้นบอบบางมาก เมื่อถูกอะไรที่ทำให้เจ็บเพียงเล็กน้อยเธอก็ร้องไห้แล้ว แล้วตอนนี้เธอเลือกที่จะสู้เหรอ?”
เจนสันตอบว่า “ไปช่วยเธอสิ”
ร็อบบี้น้อยมองไปที่เจนส์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน “แล้วนายล่ะ?”
เจนสันตอบว่า “ฉันก็แค่รู้สึกขยะแขยงเมื่อสัมผัสร่างของคนแปลกหน้า”
“ความบ้าอย่างกล้าหาญของนายนี้คืออะไร?” ร็อบบี้น้อยถามด้วยความชื่นชม
ความทุกข์เต็มใบหน้าของเจนสันแสดงออกมาว่า “เป็นอาการผิดปกติของเขาที่จะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นความผิดพลาดของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว”
ร็อบบี้น้อยหน้ามุ่ย “ก็ได้ งั้นฉันจะไปเอง”
ตอนนี้เซ็ตตี้น้อยกำลังเดินไปที่ด้านข้างพ่อของเธอและจ้องไปที่ผู้หญิงพวกนั้นด้วยสายตาเหมือนเพลิงไฟ “พวกคุณทุกคนควรอยู่ห่าง ๆ จากพ่อของฉันนะ คุณแม่ของฉันจะไม่มีความสุขถ้าเห็นพวกคุณทุกคนอยู่ใกล้ตัวคุณพ่อของฉันแบบนี้”
จะดีกว่านี้ถ้าเซ็ตตี้น้อยไม่พูดถึงแม่ของเธอ เมื่อเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ใบหน้าของเจย์ก็เปลี่ยนเป็นดูเข้มขึ้นเล็กน้อย
โรสทิ้งเขาไปนานแล้วและเขาไม่รู้เลยว่าเธออยู่ที่ไหน เธอตัดสินใจที่จะทิ้งเขาไปตลอดกาลแล้วใช่ไหม?
เธอโหดร้ายขนาดนั้นได้อย่างไร?
พวกผู้หญิงแอบมองเจย์และเห็นท่าทางเย็นชาของเขา พวกเธอจึงคิดว่าเขาโกรธเคืองที่เซ็ตตี้น้อยกำลังกระทำอยู่
“หนูน้อย เรากำลังรับใช้ดูแลคุณพ่อของหนูอยู่นะ นี่คืองานของเรา” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดอย่างเขินอาย
“อ้าว นี่กำลังทำงานกันเหรอคะ?” เซ็ตตี้น้อยจำได้ว่าแม่ของเธอเคยบอกว่าไม่ควรเลือกปฏิบัติต่องานไหนและทุกคนควรได้รับความเคารพ ดังนั้น เซ็ตตี้น้อยจึงคิดว่าเธอไม่ควรรบกวนการทำงานของพวกเธอ
เจนสันเดินไปหาพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกคุณกำลังรับใช้ด้วยเสน่หาของพวกคุณอยู่หรือเปล่า มันไม่ใช่งานที่ดีเลย แต่พวกคุณยังกล้าพูดว่ามาทำงานรับใช้อย่างนั้นเหรอ?”
เจย์นั่งมองดูลูก ๆ ทั้งสามของเขา ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองในสายตาของเด็ก ๆ เขารู้เลยว่าตอนนี้ขาไม่สามารถห้ามอะไรเด็ก ๆ ได้เลย ดังนั้นเขาจึงโบกมือให้พวกผู้หญิงที่นั่งอยู่ล้อมรอบ “ลุกขึ้น แล้วออกไปซะ”
ผู้หญิงเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ
“ยินดีด้วย” เจนสันกล่าวขณะเดินไปหาเจย์ โดยที่ยื่นมือน้อย ๆ ออกไป
เจย์ปัดมือของเจนสันลง “ลูกพูดกับพ่อไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้”
เจนสันตอบว่า “ยินดีด้วย ที่คุณพ่อได้เลิกรู้สึกหงุดหงิดสักทีเมื่อเห็นอะไรแย่ ๆ ของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว”
เจย์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ลูกชายคนนี้ได้ติดสอยห้อยตามเขาไปทุกที่ตั้งแต่เด็กคนนี้ยังเล็ก ๆ เวลาที่เขาไปร่วมงานแวนิตี้ แฟร์ หนังสร้างฝันหลาย ๆ แห่ง ตาของเด็กน้อยช่างเฉียบแหลมขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเจนสันจะสังเกตการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาในวันนี้
ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยซึ่งถูกเลี้ยงดูจากโรส ดังนั้นพวกเขาจึงดูเป็นเด็กร่าเริงสนุกสนานตามวัย เมื่อพวกเขาเริ่มโตขึ้น ความคิดของพวกเขาก็ยังเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสา
เจย์รู้สึกเสียใจในบางครั้งที่ไม่ได้ให้โอกาสเจนสันเป็นเหมือนร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยที่โตมาอย่างมีความสุขโดยไร้เรื่องกังวลใด ๆ
“คุณพ่อจะโทรหาน้าโจเซฟินให้พาพวกหนูกลับไปที่โฮไรซอน คอลเลอร์นะ” เจย์กล่าว
เจนสันมองมาที่เขา “แล้วคุณพ่อล่ะครับ?”
สายตาของเจย์มองไปที่ห้องใต้หลังคาบนชั้นสอง “หอท่าเรือหอมหวนแห่งนี้ไม่ได้รับการดูแลซ่อมแซมมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นพ่อจึงต้องอยู่ที่นี่สักพักเพื่อดูและสั่งงานคนงานในระหว่างทำงานด้วย”
เจนสันกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คุณพูดว่าหอท่าเรือหอมหวนแห่งนี้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์และเป็นมรดกที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่เหรอ? หากยังไม่ถึง 10,000 ปี ก็ไม่ควรนำมาซ่อมบำรุงนะ เพื่อเคารพสถานที่แห่งนี้ควรให้มันเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ว่าไหมครับ?”
เจย์ถึงกับอึ้ง “เจนส์ วันนี้ลูกพูดจาไม่ค่อยเข้าหูเลยนะ”
เจนสันสัมผัสได้ถึงการดูถูกเหยียดหยามที่เขาพูดมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างเย็นชาว่า “งั้นผมคิดว่าผมไปหาน้าโจเซฟินดีกว่า”
ร็อบบี้น้อยและเจนสันเป็นเหมือนฝาแฝดที่แยกกันไม่ออก แล้วตอนนี้ร็อบบี้น้อยก็ทำตามพี่เขาโดยที่เดินตามหลังไปทันที
“เจนสัน รอผมด้วย!”
เจนส์เดินไปอย่างเงียบ ๆ