ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 725
เจย์เอนศีรษะพิงลงบนหลังรถเข็น หน้าตาของความพ่ายแพ้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาไม่เต็มใจเล็กน้อยเมื่อพูดว่า “ดูเหมือนว่าความกังวลของคุณปู่เซเวียร์มันสมเหตุสมผลจริง ๆ ด้วย”
ผู้มีอิทธิพลคนไหนกันที่ครอบครัวอาเรสทำให้ขุ่นเคือง?
เป็นคนที่ทำให้ ท่านปู่เซเวียร์และท่านปู่อาเรสระแวง
เกรย์สันครุ่นคิด “ท่านอาเรสครับ ตระกูลอาเรสมีความลับซ่อนอยู่หรือเปล่า?”
คำใบ้ของท่านปู่เซเวียร์ซึ่งเป็นคำว่า ‘ยอร์ก’ ปรากฏในความคิดของเจย์
เจย์ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งและพูดว่า “ถ้าเราอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ฉันเกรงว่าเราจะต้องไขความลับจากฝั่งทางแม่ของฉันแล้วล่ะ”
ใบหน้าของเกรย์สันและคนอื่น ๆ เริ่มจริงจัง
“ท่านอาเรส ตัวตนของแม่คุณถูกซ่อนโดยตระกูลอาเรสมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว หากคุณตรวจสอบตัวตนของเธออีกครั้ง ผมเกรงว่าครอบครัวอาเรสจะพยายามหยุดคุณในทุกวิถีทางแน่ ๆ ” เกรย์สันเตือนเจย์
เจย์กล่าวว่า “เราต้องลุกขึ้นสู้”
“ใช่” เกรย์สันตอบ
แขนของสตอร์มซึ่งได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดี ในส่วนที่บาดเจ็บไม่ใช่เส้นหลอดเลือดแดงที่สำคัญ หมอสามารถหยุดเลือดได้ หลังจากใช้ยารักษาแผลเสร็จแล้ว สตอร์มก็ถูกซับเลือดด้วยผ้าก๊อซหนาพันรอบแขนของเขา
ความปลอดภัยของเจย์กลายเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดในมือ และหน้าที่ในการดูแลเจย์ตอนนี้เป็นของฟินน์
ในตอนนี้ไม่ได้คำนึงถึงการคัดค้านของเจย์ เกรย์สันตัดสินใจบังคับบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งให้เขา เทมเพสเป็นหนึ่งในกลุ่มคนของพวกเขา
ในตอนกลางคืน เจย์ได้กลับมาที่สวนคฤหาสน์
เด็ก ๆ ตกตะลึงเมื่อเห็นทีมบอดี้การ์ดมากกว่าหนึ่งโหลเดินตามพ่อของพวกเขา
เจนสันคิดอย่างรอบคอบแล้วถาม “คุณพ่อครับ ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่กันเยอะแยะ?”
เจย์ไม่เคยปกปิดเรื่องอันตรายใด ๆ ต่อหน้าลูกชายของเขา ในความเห็นของเขา เด็กผู้ชายควรฝึกนิสัยให้เฉียบแหลมเพื่อที่ว่าเมื่อเจอปัญหาและอุปสรรคในอนาคต พวกเขาจะรู้ว่าต้องเผชิญอันตรายอย่างไร
“เจนส์ เรากำลังถูกคนร้ายจับตามองอยู่ ลูกต้องระวังให้มากในไม่กี่วันนี้” เจย์สั่งเด็กน้อยอย่างเคร่งขรึม
เจนสันพยักหน้า “ตกลงครับ”
เซ็ตตี้น้อยแสดงท่าทีหวาดกลัว
ร็อบบี้น้อยตบไหล่เธอเพื่อปลอบโยน “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง”
เจย์มองดูร็อบบี้น้อยผู้กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว โดยเข้าไปบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาและเตือนเขาว่า “พ่อรู้ดีว่าลูกเก่งศิลปะการต่อสู้ แต่คราวนี้ศัตรูของเราแข็งแกร่งกว่ามาก เลยต้องเตือนลูกว่าอย่าแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองในช่วงอันตรายแบบนี้ ควรใช้สมองดีกว่ากำลังนะ”
ร็อบบี้น้อยยังคงดูไม่ความเกรงกลัวที่แสดงออกมาบนใบหน้าของเขา “ไม่ต้องกังวลครับ คุณพ่อ ถ้าเจนสันอยู่กับผม เขาจะใช้สมองของเขาและผมจะใช้พละกำลังในช่วงเวลาวิกฤติได้ครับ ส่วนเซ็ตตี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเด็กสาวที่ดูทุกข์ทรมานเพื่อหลอกล่อพวกมันได้ พวกเราจะทำได้สบาย ๆ”
เจย์ขยี้ผมและเสียงของเขาก็จริงจัง “เจนส์กับลูกเป็นผู้ชาย อย่าเอาเรื่องความปลอดภัยของน้องสาวไปล้อเล่นเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ตกลงครับ” ร็อบบี้น้อยพูด
เซ็ตตี้น้อยเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและไม่เคยกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง เธอกลับสนใจเฉพาะเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าเท่านั้น
“คุณพ่อคะ ทำไมคุณแม่ไม่กลับมากับคุณด้วยล่ะ?”
มีความเหงาในดวงตาสีดำจาง ๆ ของเจย์
คราวนี้แองเจลีนเสียใจจริง ๆ เธอไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว
“คุณพ่อ ผมเตือนคุณพ่อแล้วว่าคุณพ่ออาจทำให้ภรรยาของคุณพ่อทุกข์ทรมานในตอนนี้ แล้วคุณพ่อจะต้องชดใช้ค่าเสียหายในภายหลังกับเรื่องนี้ ตอนนี้คุณพ่อเชื่อผมแล้วหรือยัง?” เจนสันเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า
ร็อบบี้น้อยเห็นว่าพ่อของเขารู้สึกเศร้า เขาไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์พ่อของเขาอีกต่อไป แต่เขาปลอบโยนพ่ออย่างอบอุ่นและพูดว่า “คุณพ่อครับ ไม่ต้องเสียใจไปเลย ตราบใดที่คุณพ่อคุกเข่าลงต่อหน้าแม่และยอมรับความผิดพลาดของคุณพ่อ คุณแม่จะให้อภัยคุณพ่อแน่ ๆ ในตอนที่เซ็ตตี้กับผมทำผิดครั้งก่อน วิธีนี้ยังใช้งานได้อยู่เสมอ”
เจย์เหลือบมองขาที่แข็งทื่อของเขาและไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้
ในตอนกลางคืนช่างเงียบเหลือเกิน
สวนคฤหาสน์จมลงในความเงียบ
เจย์นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อเขามองดูพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่ ความเศร้าก็เกิดขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
เขาหวังว่าความลับที่ซ่อนอยู่ในตระกูลอาเรสจะถูกเปิดเผยให้โลกรู้โดยเร็วที่สุด อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างวิตกกังวล สิ่งเดียวที่เหลือที่ต้องทำคือเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดและก้าวไปข้างหน้าให้ได้