ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1198
เธอรู้ว่าเจนสันจะสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้ เซ็ตตี้จึงกางแขนออกทันทีและไปยืนอยู่ข้างหน้าเจนสันเพื่อปกป้องเขา
เซ็ตตี้น้อยเริ่มทำท่าเล่นใหญ่แล้วตอนนี้ เธอเปลี่ยนทีท่าทันทีและเริ่มเยินยอพวกเด็กชาย “แฟนของฉันสู้ไม่ได้หรอก ได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ พวกนายแค่อยากให้ฉันไปที่บาร์ด้วยใช่ไหม? ตกลง ฉันจะไปกับพวกนายทันทีเลย”
เจนสันงงงัน
เขาจ้องเซ็ตตี้น้อย “นี่เธอทำอะไรน่ะ?”
เซ็ตตี้กระซิบบอกเขา “คนฉลาด ๆ เขาจะไม่สู้เวลาที่เสียเปรียบหรอก เจนส์รีบหนีไปเร็วเข้า ฉันหนังหนาเพราะงั้นฉันไม่เจ็บเท่าไรหรอก เร็วเข้า รีบไปสิ”
เจนสัน “…”
กลายเป็นว่าเจ้าตัวแสบน้อย ๆ นี่กำลังพยายามปกป้องเขาอยู่
เจนสันยกตัวเซ็ตตี้ขึ้นด้วยการจับคอเสื้อในท่าทางของผู้ที่เหนือกว่าแล้วให้เธอยืนอยู่ด้านหลังเขาราวกับว่าเธอเป็นเพียงลูกไก่ แล้วบอกวว่า “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เพราะงั้นถ้าเธอมีแผลที่หน้า รอบหน้าก็อย่าวิ่งมาหาฉันแล้วกัน”
เซ็ตตี้รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
เธอต้องเจ็บตัวมีบาดแผลแน่ถ้าเธอสู้กับพวกเด็กเกเรพวกนี้
แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเจนสันเริ่มลงมือ
เขาเตะอย่างว่องไว ร่างสูงของเขาพุ่งเข้าใส่พวกนักเลงนั่นทีละคนรวดเร็วปานสายฟ้า เพียงแค่พริบตาเจนสันก็กลับมายืนนิ่งสงบอยู่ข้างกายเซ็ตตี้
เซ็ตตี้น้อยนั้นประหลาดใจจนอ้าปากหวอ “สุดยอด”
จากนั้นเธอก็กระโดดกอดเจนสันเหมือนหมีโคอาล่า “โอ้โห ร็อบบี้น้อย ทักษะการต่อสู้ของนายพัฒนาขึ้นอีกแล้วนี่”
ร็อบบี้น้อยเหรอ?
สีหน้าเจนสันเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม แล้วเขาก็เหวี่ยงเธอลงพื้นอย่างไม่ปรานีเลย
เซ็ตตี้น้อยลงไปนั่งกองกับพื้นแล้วมองมาที่เจนสันด้วยสีหน้าเสียใจ “ฉันเป็นน้องสาวนายนะ ทำไมถึงผลักฉันลงไปกับพื้นไปนั้นกัน?”
เจนสันก้มตัวลงไปหาแล้วชี้หน้าตัวเอง “ฉันเป็นใครแน่?”
เซ็ตตี้น้อยใช้ทั้งสองมือประคองหน้าของเจนสันแล้วมองอย่างใกล้ชิด ก่อนพูดอย่างคลางแคลงใจว่า “อืม ทั้งประหลาด ใจร้าย พูดน้อยแล้วก็เย็นชา ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ต้องกำลังมองเจนสันอยู่แน่ ๆ แต่ว่าเจนส์ต่อสู้ไม่เป็นนี่นา? ร็อบบี้น้อยต่างหากที่ต่อสู้ได้ไม่ใช่เหรอ?”
เจนสันลุกขึ้นยืนและดึงให้เซ็ตตี้น้อยลุกขึ้น
จากนั้นเขาก็พูดเสียงเย็น “กลับบ้านกันเถอะ”
เซ็ตตี้น้อยบอกว่า “รอเดี๋ยวนะ”
เซ็ตตี้เข้าไปเตะบรรดาเด็กชายที่นอนตัวงออยู่บนพื้นทีละคน เป็นการเหยียบซ้ำตอนพวกเขาล้มที่แท้จริง “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าแฟนฉันน่ากลัวแค่ไหน? รีบกลับไปบอกลูกพี่ของพวกนาสเลยนะว่าให้อยู่ห่าง ๆ ฉันเอาไว้”
เมื่อเจนสันเห็นว่าเซ็ตตี้น้อยแกล้งทำเป็นใจกล้า มุมปากเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มงดงาม
เล่นละครเก่งจริงนะแม่สาวน้อย
จากนั้นเซ็ตตี้ก็เข้ามาในรถโรสรอยซ์ เธอทั้งดีใจและแปลกใจที่ได้เจอกับพี่น้องจนเริ่มพูดไม่หยุด
“ฉันรู้ว่าพี่คือพี่ใหญ่เจนสันใช่ไหมล่ะ?”
“เธอรู้ได้ยังไง?”
เซ็ตตี้น้อยทำหน้าเชิด “ก็ฉันฉลาดไง”
หลังจากที่ชำเลืองมองดวงตาเย็นชาสีดำสนิทของเจนสันแล้วเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจจะซักไซ้อะไรต่อ เซ็ตตี้น้อยจอมช่างพูดก็เริ่มที่จะคุยกับตัวเอง
“ตอนนี้พี่ยิ่งเหมือนคุณพ่อเข้าไปทุกทีแล้วนะ หน้าพี่เหมือนฉาบไว้ด้วยหิมะแผ่นหนาเตอะ เหมือนอย่างที่เขาว่ากันแหละ พี่น่ะเป็นตู้เย็นเดินได้ มีแค่เจนสันเท่านั้นที่แผ่รังสีเย็นชาขนาดนี้ออกมาได้ ส่วนร็อบบี้น้อยน่ะ เขาอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์เลย เขาชอบหัวเราะแล้วมีรอยยิ้มที่เยียวยาหัวใจที่แหลกสลายได้เลยนะ”
เจนสันดวงดามืดครึ้มลง เมื่อเธอพูดถึงร็อบบี้น้อย ภาพของการพบกันครั้งแรกของเขากับร็อบบี้ก็ปรากฏขึ้นในหัว
เซ็ตตี้น้อยพูดถูก ร็อบบี้น้อยนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ยามเช้า แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตที่มืดมนและหม่นครึ้มของเขา
แล้วร็อบบี้น้อยแสนน่ารักคนนั้นหายไปได้อย่างไรกัน?
“ที่ผ่านมาไม่มีข่าวของร็อบบี้น้อยบ้างเลยเหรอ?” จู่ ๆ เจนสันก็ถามขึ้นมาอย่างขมขื่น
เซ็ตตี้น้อยที่กำลังร่าเริงอยู่พลันเศร้าหมองทันที “คุณแม่ส่งคนออกไปหาเขาทั่วทุกมุมโลกแล้ว แต่ว่าจนตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ทุกครั้งที่คุณแม่พูดชื่อร็อบบี้น้อยขึ้นมา คุณแม่ก็จะร้องไห้ไม่หยุด เพราะอย่างนั้นพวกเราเลยไม่มีใครกล้าพูดชื่อร็อบบี้น้อยอีกแล้ว”