ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1199
เมื่อเจนสันขับรถมุ่งไปขึ้นทางด่วน เขาก็เห็นว่ามีตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ เจนสันจึงขับรถไปต่อท้ายรถคันอื่น ๆ อย่างสงบ
แต่ทางเซ็ตตี้น้อยนั้น เธอกระวนกระวายอย่างมาก “พี่ยังอายุไม่ถึง 18 เลย นี่มันถือว่าขับรถอย่างผิดกฎหมายนะ”
เจนสันยกใบขับขี่ขึ้นมาทำให้เซ็ตตี้ทำตาโตอย่างตกใจ บนบัตรระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ‘เจนสัน อาเรส อายุ 18 ปี’
เห็นชัด ๆ ว่านี่เป็นใบขับขี่ปลอม!
แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังคงกังวลใจ “ใครมันจะไปเชื่อลงว่าพี่อายุ 18?”
เจนสันตอบ “เดี๋ยวเราก็รู้”
ตอนนั้นเองตำรวจจราจรก็เดินเข้ามาและเคาะที่กระจกรถด้านเจนสัน
“ขออนุญาตตรวจดูใบขับขี่หน่อยครับ”
เจนสันส่งใบขับขี่ให้ตำรวจนายนั้น ตำรวจจราจรมองเจนสันก่อนกวาดตามองไปทั่วภายในตัวรถ เมื่อไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขาก็โบกมือให้สัญญาณเจนสันขับรถไปต่อได้
“ไปได้ครับ”
เซ็ตตี้น้อยถึงกับอึ้งไป
รถโรสรอยซ์ขับขึ้นไปบนทางด่วนอย่างนิ่งสงบ แต่เซ็ตตี้น้อยก็ยังตะลึงไม่หาย
เธอถอนใจ “ต้องเป็นเพราะหน้าแสนเย็นชาของพี่แน่เลย ทำให้พี่ดูแก่กว่าอายุจริง พี่ถึงหลอกให้คนอื่นเชื่อได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
เจนสันแค่นเสียง “ไม่ใช่เพราะความสูงของฉันหรอกเหรอ? ฉันว่านั่นต่างหากที่หลอกคนอื่นได้ว่าฉันเป็นผู้ใหญ่”
คำพูดของเขาทำให้เซ็ตตี้รู้สึกท้อแท้
เรื่องของควาามสูงเป็นสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเซ็ตตี้น้อย
ทั้งที่เธอและเจนส์เป็นแฝดสามกัน แต่ตอนนี้เจนส์สูงห้าฟุตหกนิ้วแล้ว ขณะที่เธอนั้นสูงเพียงสี่ฟุตห้านิ้วเท่านั้น
เจนสันชำเลืองมองเซ็ตตี้น้อยที่มีท่าทีเชื่องซึมผ่านกระจกมองหลังก่อนพูดว่า “อย่าเศร้าไปเลย ความสูงของเธอไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเทียบกับของพวกฉันได้แต่แรกอยู่แล้ว”
เซ็ตตี้รู้สึกสะเทือนใจเสียจนทิ้งตัวลงบนเบาะหลังอย่างแรง
แม้ว่าคำพูดของเจนสันจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องจริง
ถึงเธอจะมีหน้าตาดี แต่ก็เทียบอะไรกับเจนสันและร็อบบี้น้อยไม่ได้เลยสักนิด
เธออาจจะฉลาดและรักการเรียนรู้ แต่เธอก็ไม่อยู่ในระดับอัจฉริยะเหมือนเจนสันกับร็อบบี้น้อยด้วย
เจนสันพูดอีก “อีกอย่าง คนธรรมดาอย่างเธอแค่จำเป็นต้องเรียนรู้การอยู่อย่างเข้มแข็งเท่านั้นแหละ”
เซ็ตตี้น้อยพูดเสียงระโหย “ถึงพี่ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่าพี่โง่หรอกนะ”
เจนสันพูดอย่างเย็นชา “ก็ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น ฉันก็ไม่สนใจจะมาพูดให้ฟังหรอก”
เซ็ตตี้ยกมือทัดผมไว้ข้างหู “อย่างนั้นฉันควรจะต้องรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณพี่ทั้งที่เพิ่งโดนพี่หยามหรือไง?”
“มันก็ควรต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
เซ็ตตี้น้อยร้องครวญคราง
เมื่อทั้งสองพี่น้องมาถึงสวนบันทึกรัก พวกเขาก็เห็นคนงานหลายคนถือบันไดยืนอยู่หน้าป้าย พวกเขากำลังยืนถกเถียงปรึกษาบางอย่างกันอยู่
เจนสันและเซ็ตตี้น้อยพากันก้าวออกจากรถ
เซ็ตตี้มองพวกคนงานอย่างสงสัยพร้อมถามว่า “พวกคุณลุงมาทำอะไรกันคะ?”
“เรามาเปลี่ยนป้ายน่ะ”
“ทำไมล่ะคะ? สวนบันทึกรักก็ฟังดูเพราะดีไม่ใช่เหรอ?”
เจนสันมองป้ายชื่อใหม่ที่ถูกแกะสลักไว้บนไม้เป็นคำว่า “สวนไร้กังวล”
เจนสันบอก “สวนไร้กังวลฟังดูดีกว่านะ”
“สวนไร้กังวลเหรอ? เชยสะบัด” เซ็ตตี้น้อยเม้มปาก
เจนสันตบหัวของเซ็ตตี้ “เธอคิดว่าพ่อจะตั้งชื่อเชย ๆ แบบนี้เหรอ?”
“ก็มันเชยจริง ๆ นี่นา! ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ พ่อถึงเปลี่ยนชื่อล่ะ?” เซ็ตตี้น้อยถามอย่างสงสัย
เจนสันตอบว่า “จากนี้ไปคนที่จะก้าวเข้ามาที่นี่ ต้องมีแต่ข่าวดีมาให้เท่านั้น”
เซ็ตตี้น้อยตระหนักถึงความจริงในทันใด “เอ๋? ไร้กังวลมันหมายความว่าอย่างงั้นเหรอ?”