ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1265
เกรย์สันนั้นสุภาพอย่างยิ่งยวดเมื่อเขาพูดกับเชอร์ลีย์ “พี่ครับ ให้ผมอุ้มนะครับ”
เชอร์ลีย์ยังคงอ่อนแออยู่ ดังนั้นเธอก็ไม่พยายามแสร้งทำว่าตัวเองแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นเธอจึงตกลง
เซย์นร้องครางหงิง ๆ เมื่อได้เห็นเช่นนั้น แค่เดินเองเขาก็หอบแฮ่กแล้วแต่เขายังต้องมาคำนึงถึงศักดิ์ศรีตัวเองด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดกับโจเซฟินว่า “ที่รัก ให้ฉันอุ้มนะ”
โจเซฟินเห็นหน้าเซย์นซีดเผือดไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่หนาวเย็นหรือว่าเพราะความอ่อนแอของเขา เธอจึงตอบว่า “ฉันเดินเองได้ แค่ไม่ต้องให้ฉันอุ้มนายก็พอ”
เซย์นนั้นซาบซึ้งใจมาก “ชีวิตนี้ฉันได้แต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ แบบนี้คงเพราะชาติที่แล้วฉันทำบุญมาเยอะแน่”
เจย์นั้นชิงชังความทึ่มทื่อของเซย์นมากและสวนกลับไปทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นการที่โจเซฟินต้องมาลงเอยกับนายก็คงเป็นเพราะชาติก่อนเธอทำบาปมามากแน่ ๆ”
โจเซฟิน “…”
เซย์น “…”
เมื่อผู้นำทางหญิงได้พาพวกเขาลงมาที่ถนนบนเขาที่ค่อนข้างเรียบแล้ว พวกเขาก็มาถึงทางแยกที่ลงเขา ผู้นำทางได้หยุดก่อนที่จะหันมาถามว่า “ถนนทางซ้ายนี้ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าได้คร่าชีวิตคนไปถึง 382 คนแล้ว ส่วนทางขวาก็มีนักท่องเที่ยวตายไปประมาณ 283 คน พวกคุณอยากเลือกไปทางไหน?”
เมื่อได้ยินที่เธอเซย์นก็สั่นสะท้าน “ทำไมที่นี่ถึงมีคนตายเยอะจัง?”
“พวกเขาพลัดตกเขาแล้วก็ตายไปค่ะ”
เซย์นตัวสั่นละบอกว่า “งั้นพวกเขาไปทางขวาแล้วยัง มีคนตายน้อยกว่า”
มุมปากของผู้นำทางยกยิ้มและบอกว่า “ฉันมาส่งพวกคุณได้เท่านั้น ตราบใดที่พวกคุณเดินต่อไปทางนี้เรื่อย ๆ เมื่อพวกคุณเดินไปถึงกลางเขา พวกคุณก็จะเจอป้ายของป้อมตระกูลยอร์กเองค่ะ”
เมื่อผู้นำทางพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป
เจย์ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะบอกว่า “ไปทางซ้ายกันแทนดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?” เซย์นงุนงง
เจย์อธิบาย “ถนนที่เราเดินผ่านมาก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกว่า ‘เส้นทางมืดมนและฉายฉาน’ คำที่แตกต่างกันทั้งสองคำนี้มันก็แสดงถึงชีวิตและความตาย หากวันนี้เราเลือกเส้นทางผิดพลาดพวกเราทั้งกลุ่มต้องพากันตายอยู่ในภูเขาป่าลึกนี้แน่”
เซย์นจ้องเจย์อย่างทึ่ง ๆ “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
เจย์ตอบว่า “ก็แค่เดาน่ะ”
ความจริงก็คือเจย์รู้ความลับนี้จากการดูแผนที่ซึ่งโคลอี้แม่ของเขาทิ้งเอาไว้ให้
ในป้อมตระกูลยอร์ก
โคลพาคาร์สันมาด้วยกันขณะที่เขารีบเร่งมาที่ห้องโถงรับแขกของป้อมตระกูลยอร์ก
ในห้องโถงหัวหน้าของตระกูล สเปนเซอร์ ยอร์กกำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างสบาย ๆ พร้อมคาบไปป์ไว้ในปาก แม้ว่าเขาจะอายุเกือบ 60 แล้วแต่เขาก็ยังดูเยาว์วัยกว่าอายุมาก
เขาดูเหมือนชายอายุ 40 ที่สง่าและดูดี
มีสาวงามที่เป็นภรรยาเล็ก ๆ ของเขาหลายคนยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเธอดูเหมือนกำลังอยู่ในช่วงวัยสาวและดูนุ่มนวลละมุนละไมจนคนที่พบเห็นต้องห้ามใจไม่ให้เย้าแหย่พวกเธอ ทุกคนต่างก็โดนจับมากักขังไว้และความงามของแต่ละคนนั้นต่างก็สวยจนราวกับนางฟ้านางสวรรค์
โคลยืนอยู่ต่อหน้าสเปนเซอร์อย่างเกรี้ยวกราด ก่อนเอ่ยถาม “ตาแก่ พ่อส่งกระบองเพชรมาให้ผมทำไม? อยากจะบอกว่าผมมันเป็นแค่เศษขยะเหรอ?”
สเปนเซอร์พูดย้อนช้า ๆ “แกก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมมีลูกสืบสายตระกูลยอร์กอีก ฉันเรียกแกว่าขยะก็ยังเบาไป”
โคลพยักหน้าให้คาร์สันผู้อารักขาส่วนตัว และคาร์สันก็รีบเอากระบองเพชรออกมาวางบนโต๊ะในห้องโถง