ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1274
สเปนเซอร์โมโหมากจนเกาหัว ชายคนนี้ยังคงใจเย็นอยู่ได้แม้ว่าต้องเจอเรื่องเจียนตาย เขาสงสัยว่ามีปีศาจจากนรกตัวไหนมาสิงร่างหมอนี่หรือเปล่า ทำไมถึงได้ใจกล้าขนาดนี้?
“โอ้เหรอ ขี้กลัวงั้นเหรอ? ถ้านายไม่อยากทำให้เธอกลัว ตอนที่ฉันถลกหนังนายทั้งเป็นก็อย่างส่งเสียงดังแล้วกัน”
สเปนเซอร์โบกมือและคนของเขาที่อยู่ด้านหลังก็รีบเข้ามาล้อมเจย์และคนอื่นไว้ทันใด
เกรย์สันเข้ามายืนขวางหน้าเจย์ไว้รวดเร็วปานสายฟ้าเพื่อปกป้องเจ้านายของเขาให้อยู่ด้านหลัง
สเปนเซอร์อึ้งเมื่อได้เห็นดังนั้น “มีศิลปะป้องกันตัวเหรอ?”
ดวงตาเหยี่ยวของเขามืดมนลง “จับพวกมันทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันต้องการจะสอบปากคำพวกมันทุกคนให้กระจ่าง”
ยามของป้อมตระกูลยอร์กนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มและเป็นพวกระดับล่าง อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ที่ทำให้พวกเขาจัดการพวกคนนอกไม่ได้
เพียงเกรย์สันคนเดียวก็สามารถคว่ำทุกคนลงไปกองกับพื้นได้
สเปนเซอร์นิ่วหน้าและตะโกนด่าลูกชายอกตัญญู “โคล ไอ้ลูกเวร ไหนมันบอกว่านักท่องเที่ยวหกคนนี้มีตาบอดคนหนึ่ง ป่วยคนหนึ่ง แล้วก็คู่รักขี้กลัว ส่วนอีกสองถึงจะดูเข้าท่าหน่อยแต่ก็มัวแต่ลากเพื่อนภาระที่เหมือนหมูเอาไว้? ตอนนี้แค่มันคนเดียวก็จัดการคนของเราได้แล้ว รีบไปเรียกไอ้เด็กเวรนั่นมาแล้วให้มาจัดการปัญหานี่ซะ”
คาร์สันอึ้งไป
“นายท่าน ถ้านายท่านให้ผมไปรบกวนนายน้อยที่กำลังเมาปลิ้นอยู่เพราะเรื่องเล็กแบบนี้ เขาต้องแล่ผมทั้งเป็นแทนแน่เลยครับ” คาร์สันพูดด้วยสีหน้าขมขื่น
สเปนเซอร์หงุดหงิดเมื่อได้ยินคำว่า ‘เมาปลิ้น’ ลูกชายของเขากลายเป็นพวกไม่เอาไหนตั้งแต่ที่กลับมาจากภารกิจเมื่อสามปีก่อน
สเปนเซอร์พูดอย่างคิดไม่ถึง “นี่แกโง่หรือไง? ไม่รู้จักพูดจาใส่สีใส่ไข่บ้างเหรอ? แก… แกไปบอกเขาสิว่ามีสองคนที่มีศิลปะป้องกันตัวแล้วแข็งแกร่งมากจนอัดพ่อเขาร่วงในฉาดเดียว”
คาร์สันอึ้งนิ่งไป
คำโกหกนั้นมันเกินจริงไปมาก… ฝีมือการต่อสู้ของนายท่านนั้นเทียบชั้นปรมาจารย์ได้เลย และเขาเป็นวีรบุรุษที่บุกเดี่ยวข้ามเขตศัตรูมาได้โดยจัดการทหารไปนับพันนายด้วยซ้ำ
ระดับศิลปะป้องกันตัวของเขานั้นสูงส่งเกินขั้นไปมากแล้ว
“ไอ้ห่วย แกยังรออะไรอยู่อีก?” สเปนเซอร์ตะโกนอย่างโมโห
คาร์สันไม่กล้าโอ้เอ้อีกต่อไปและรีบเข้าไปเรียกโคลมาสู้
สเปนเซอร์มองคนของตัวเองที่นอนเจ็บอยู่บนพื้นและทนไม่ไหวอีกต่อไป “ฉันบอกพวกนายให้ฝึกให้มันเยอะ ๆ ใช่ไหม แต่พวกนายก็เอาแต่หาลูกไม้กับข้ออ้างโน่นนี่ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ใครมันโดนอัดจนเละ?”
“นายท่าน ทักษะของเขาดีมากเกินไป นายน้อยเองก็อาจจะเอาชนะเขาไม่ได้”
“ถุย นายคิดว่าฉันตาบอดเหรอไง? ไอ้คนรู้ศิลปะป้องกันตัวครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้จะไปสู้กับนายน้อยได้ยังไง?”
สเปนเซอร์ยืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มรู้สึกง่วง เขาสั่งคนรับใช้ว่า “ไปเอาเก้าอี้เอนหลังฉันมา ฉันจะนั่งเฝ้าประตูแล้วรอให้โคล ยอร์กมาจัดการเรื่องวุ่นวายนี่”
หลังจากที่คนรับใช้ยกเก้าอี้เข้ามา เขาก็นั่งบังประตูทางไปสวนไว้ ท่าทางของเขานั้นบ่งบอกว่าเป็นคนคุมเกม
โจเซฟินกระซิบถามเจย์ “พี่ชาย เราจะทำยังไงกันดี?”
เจย์พูดดังขึ้น “ไหน ๆ พวกเขาก็มีน้ำใจต้อนรับ เราก็อยู่ที่นี่แหละ”
สเปนเซอร์สะอึกกับความมองโลกในแง่ดีของเจย์ เขาเล่นตามคำพูดเจย์และบอกว่า “ใช่ ๆ พักที่นี่แหละ คืนนี้จะมีโชว์เชือดหมูด้วย พวกเธอจะได้อยู่ดูไง”
หากมีคนอยากจะมาแข่งกับเจย์เรื่องปากคอเราะราย บางทีคนนั้นอาจจะเบื่อชีวิตแล้วอยากตายก็เป็นได้
เจย์พูดอย่างรังเกียจ “ในภูเขานี้น่าจะมีหมูหลายพันธุ์เลย เบิร์กเชียร์ส หมูป่าภูเขา และอาจจะมีพวกยอร์กเชียร์ด้วย ผมก็สงสัยว่าพันธุ์ไหนจะรสชาติดีที่สุดนะ?”
สเปนเซอร์เกือบพ่นชาออกมา
เขาจ้องเจย์อย่างโหดร้าย “ไอ้หนู นายมันบ้าไปแล้ว”
เจย์ตอบ “ขอบคุณที่ชม”
เจย์นั้นสงบนิ่งและยังต่อปากต่อคำกับสเปนเซอร์อีกหลายยกแต่แองเจลีนกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก