ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!! – บทที่ 6 หมู่บ้านต้องสาป อิสรัน (1)

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

 

 

 

จากที่ผมได้ลองอ่านแผ่นที่มาแล้ว ดูเหมือนว่าที่ดินของตระกูลเจเนซิสจะกว้างขวางมากเป็นพิเศษ โดยดินแดนนี้จะแบ่งเป็นโซน เหนือ ใต้ ออก ตก และกลาง ส่วนกลางคือคฤหาสน์ของตระกูล และทั้ง 4 ทิศหลักก็จะเป็นเมืองที่อยูใต้อาณัติของเจเนซิส ระหว่างทางก็มีหมู่บ้านอยู่บ้างประปราย

 

 

คาดการณ์ระยะเวลาการเดินทางแล้ว ด้วยรถม้าที่โคตรเร็วของตระกูลคงจะไปกลับเมืองเหล่านี้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินเท้าคงจะใช้เวลาอย่าต่ำ 12 ชั่วโมง.. 

 

 

รถม้าตระกูลเรามันติดสปีดรึไงฟระ.. 

 

 

เอาเถอะ ที่ที่ผมจะไปต่อคือทางตอนเหนือของคฤหาสน์ งั้นก็คงเป็น…

 

 

“ที่เราต้องไปคือเมืองท่าออลการ์ดหรอ? หลังจากนั้นก็ต้องต่อเรือไปที่ฟากราฟ ส่วนจุดหมายคือที่ที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่.. คงจะเป็นอัฟฟาตรงนั้น ”

 

 

“ว่าไปแล้วพวกญาติของแม่นี่คือเอล์ฟหมดเลยสินะ ถ้าไปถึงแล้วจะต้องทักทายยังไงดีวะเนี่ย ”

 

 

ผมเกาหัว ก่อนจะสายหัวไปมา ตอนนี้เวลาใกล้คจะค่ำเต็มทีแล้ว และผมเองก็ออกจากบ้านมานานมากแล้วด้วย จำได้ว่าข้างหน้านี่มีหมู่บ้านที่ชื่อว่าอัสรันอยู่ เป็นหมู่บ้านทางผ่านไปสู่เมืองออลการ์ด

 

 

เมื่อผมได้เริ่มออกเดินทาง ผมสังเกตเห็นว่าถนนของดินแดนนี้ทำออกมาได้เป็นระเบียบมาก ในตอนที่ผมเดินไปผมก็สามารถเลียบทางเดินไปตามถนนได้เลย บางครั้งก็จะมีรถม้าผ่านมาบ้างประปราย ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางเข้าออกตระกูลเราค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ

 

 

ผมรู้สึกดีนะ ที่ได้ค่อยๆซึมซับบรรยากาศการเดินทางในต่างโลกแบบนี้ แม้มันจะพึ่งเริ่มต้นขึ้นก็ตาม

 

 

ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในเขตของหมู่บ้าน ผมก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และดูเหมือนว่าข้างในเองก็ดูจะไม่ค่อยมีคนด้วย..

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านนี้กันเนี่ย?

 

 

บรรยากาศข้างในค่อนข้างวังเวงพอสมควร บวกกับช่วงเวลาที่ใกล้ค่ำแบบนี้แล้วมันยิ่งหลอนยิ่งขึ้นไปอีก ในบ้านภายในหมู่บ้านนี้ ไม่มีที่ไหนเปิดไฟเลยเว้นแต่โรงเตี๊ยมที่หนึ่งที่ยังมีไฟสว่างอยู่ เห็นดังนั้นผมจึงรีบเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมเพื่อขอจองห้องพักทันที

 

 

“ สวัสดีครับ ”

 

 

ข้างในสภาพค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากนัก ที่ชั้นแรกจะเป็นร้านอาหาร ส่วนชั้นสองจะเป็นห้องพักเล็กๆ ทันทีที่ผมเข้ามาภายใน ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายกับของตก

 

 

เมื่อผมมองไปยังเคาท์เตอร์ต้อนรับท่เป็นเสมือนบาร์เหล้าไปในตัว ก็ต้องพบกับคุณลุงวัยกลางคนที่สวมผ้าปิดตาข้างซ้าย เขามองมาที่ผมด้วยความตกใจ จนทำให้เขาเผลอทำแก้วเบียร์ที่กำลังเช็ดอยู่ตกลงพื้น 

 

 

ทำเอาเขาต้อนรับแทบไม่ทัน

 

 

“ ย- ยินดีต้อนรับครับ! ฮ่าๆๆ ” อลัน

 

 

“ ต้องการห้องพัก หรือทานอาหารดีครับ ” อลัน

 

 

ผมกวาดตามองรอบๆ ดูจากสภาพแล้วมันไม่ค่อยจะมีคนมาที่นี่สักเท่าไหร่ มีฝุ่นเล็กน้อย ผมเมินสิ่งพวกนั้นก่อนจะไปนั่งตรงหน้าเจ้าของที่บาร์

 

 

“ ห้องพัก 1 ห้องครับ ”

 

 

“ สักครู่นะครับ ” อลัน

 

 

ระหว่างที่เขากำลังหยิบกุญแจห้องให้นั้น จังหวะนั้นผมก็ได้ถามในสิ่งที่สงสัยออกไป

 

 

“ ขอถามหน่อยนะครับ.. คือว่าที่นี่ คนหายไปไหนหมดหรอครับ? ”

 

 

เมื่อผมได้ถามคำถามออกไป ก็มีลมเย็นพัดมาจากข้างนอกซึ่งภายนอกนั้นได้มืดลงไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน สายลมกรรโชกได้พัดเข้ามาอย่างรุนแรง ในอีกทางหนึ่งผมก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรที่น่ากลัวกำลังมาทางนี้ ลางสังกรณ์นั้นทำเอาผมเหงื่อตกเลย

 

 

เจ้าของโรงเตี๊ยมที่รู้ดีว่าอะไรกำลังมา เขารีบวิ่งไปปิดล็อคประตูหน้าต่างพร้อมกับใบหน้าและท่าทางที่แตกตื่นเป็นอย่างมาก

 

 

เพียงชั่วอึดใจที่เขาปิดประตูกับหน้าต่างไปนั้น เมื่อผมมองลอดผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกใสในบางส่วนออกไป ผมเห็นเป็นตัวประหลาด ที่มีหัวเป็นกวางมูส ดวงตาสีแดงก่ำส่องแสงในที่มืด มันยืนสองขา ทั้งร่างกายมันที่คลายคลึงกับมนุษย์นั้น ยังเป็นร่างที่เน่าเปื่อยอีกด้วย

 

 

เจ้าสิ่งที่อธิบายไม่ได้นั่น มันทำเอาผมขนลุกไปหมดเลย

 

 

‘ นั่นมันเหมือนกับ.. เวนดิโก้!! ’

 

 

โคตรน่ากลัวเลยวุ้ย

 

 

ผมมองไปยังคุณเจ้าของที่พิงอยู่หลังประตู เขาเอานิ้วชี้มาแตะที่ปาก เป็นสัญญาณบอกว่าห้ามผมส่งเสียงใดๆเด็ดขาด จนกว่ามันจะหายไป ผมที่พอเข้าใจในเรื่องนั้นดีจึงพยักหน้าให้กับคุณเจ้าของ

 

 

ไม่นานนัก ลมแรงข้างนอกก็หายไป ก่อนตัวมันจะจากไปก็ปิดท้ายด้วยเสียงครางของมันในลำคออ่อนๆ แต่มันดังซะจนเสียงสามารถเข้ามาภายในร้านได้เลย

 

 

พอเหตุการณ์สงบลงแล้ว คุณเจ้าของก็กลับมาที่บาร์ก่อนจะวางกุญแจห้องไว้ต่อหน้าผม

 

 

“ ผมจะตอบคำถามที่คุณถามครับ ”อลัน

 

 

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆ โดยเริ่มจากชื่อของตัวเองก่อน

 

 

“ก่อนอื่นเลย ผมชื่อ อลัน สปริงส์ อย่างที่คุณเห็น หมู่บ้านนี้มันไม่มีใครอื่นอีกแล้ว นอกจากพวกผม ”อลัน

 

 

พวกผม.. แสดงว่ายังมีคนอื่นอยู่อีกสินะ แต่ว่าการที่ชาวบ้านคนอื่นๆออกไปเนี่ย เป็นเพราะไอ้ตัวเมื่อกี้ด้วยรึเปล่า? 

 

 

มันก็… น่ากลัว น่าสยดสยองจริงๆนั่นแหละ

 

 

 

 

 

 

[ เมเดียร์ ]

 

 

 

ทันทีที่บี๋เดินออกไป ฉันก็รู้ดีอยู่หรอกว่าทางที่ไปนั่นน่ะมีปัญหา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเขาน่าจะผ่านมันไปได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ ในส่วนตอนนี้ฉันต้องมาต้อนรับมาเกรฟเอเลโอแทนพ่อและแม่ที่กำลังยุ่งอยู่

 

 

ผ่านไปสักพัก ฉันก็เริ่มเห็นรถม้าของมาเกรฟเอเลโอเข้ามาใกล้คฤหาสน์มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

จนได้มาหยุดที่หน้าบ้านของฉัน คนที่ลงมาก็คือพานาร์ เอเลโอ และ… ใช่ มีแค่เธอคนเดียว ดูเหมือนว่าวันนี้เธอแค่อยากจะมาเที่ยวที่บ้านฉันเฉยๆ

 

 

“ สวัสดีค่ะคุณบี๋ เอ๊ะ? หรือว่าฉันควรเรียกคุณว่าเมเดียร์ตามเดิม?”พานาร์

 

 

“ เรียกบี๋นั่นแหละ ตอนนี้บี๋ไม่อยู่ ”เมเดียร์

 

 

“ เขาไปไหนหรอคะ? ”พานาร์

 

 

“ ดิฉันมาที่นี่เพื่อพบเขาโดยเฉพาะเลยนะคะ ”พานาร์

 

 

“ หยุดบ้า และเข้ามาในบ้านสักที ”เมเดียร์

 

 

ฉันเดินนำยัยบ้าผู้ชายนี่เข้าบ้าน ระหว่างทางที่เดินไปเธอก็เอาแต่พล่ามนู่นพล่ามนี่ไม่หยุด ฉันล่ะรำคาญมันจริงๆ

 

 

“เธอรู้ไหมเมเดียร์ ตั้งแต่ตอนที่ฉํนได้พบกับเธอจากอีกโลกครั้งแรกน่ะ มันทำเอาฉันใจเต้นสุดๆไปเลยล่ะ ”พานาร์

 

 

“ก็แหม~ ดูแววตาที่เขามองมาที่ฉํนด้วยความสุขุมและสับสนนั่นสิ่ มันน่าประทับใจสุดๆไปเลย~ ”พานาร์

 

 

ถึงจะเห็นมันบ้าผู้ชายอย่างนี้ก็เถอะ แต่ฝีมือในด้านเวทมนตร์ของมันเองก็อยู่อันดับท็อปๆของสถาบันเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้เวทน้ำแข็งที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในหมู่พวกปี 2 เลย

 

 

“ อาร่า~ คุณหนูพานาร์เองหรอจ๊ะ? ”วิเวียน

 

 

“ สวัสดีค่ะคุณนายเจเนซิส! ”พานาร์

 

 

“ นี่แม่ รู้ป่ะว่ายัยนี่เอาแต่พูดเรื่องเกี่ยวกับบี๋ของเราตลอดเวลาที่เดินมากับหนูเลยล่ะ ”เมเดียร์

 

 

“ อาร่า~ พานาร์จัง มีปัญหาอะไรกับลูกชายของแม่งั้นหรอจ๊ะ? ”วิเวียน

 

 

“ ค่ะคุณแม่! เขาเท่มากเลยค่ะ! ”พานาร์

 

 

“ แม่ชอบนะจ๊ะ ที่หนูเป็นคนซื่อสัตย์ แต่กับเมเดียร์ของแม่นี่ไม่ไหวเลยนะ ชอบเอาเรื่องของเพื่อนมาเล่าให้แม่ฟังตลอดเลย นิสัยเสียจัง~ ”วิเวียน

 

 

“ ใช่ไหมล่ะคะ! ”พานาร์

 

 

แม้ว่าตอนแรกฉันจะเผาเรื่องของพานาร์ที่เธอทำเมื่อสักครู่ให้แม่ฟัง แต่สุดท้ายแล้วก็โดนแก้เผ็ดโดยการเผาคืน โดยท่านแม่เอง

 

 

นี่ฉันจะไม่มีวันที่จะเอาชนะแม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย

 

 

หลังจากนั้นคุณแม่ก็ไปทำธุระต่อ ที่ครัว.. ส่วนพวกเราก็มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น

 

 

“แล้วเมื่อไหร่เขาจะกลับหรอคะ? ”พานาร์ 

 

 

“เปิดเรียนนู่นแหละ เห็นว่ามันไปตามหาอาวุธอะไรของมันนี่แหละ ”เมเดียร์

 

 

ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อหรืออะไรนักหรอก แต่มันก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าจะไปรอดรึเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะได้นามแท้มา แต่ประสบการณ์การต่อสู้เขาก็ไม่ได้มีมากถึงขนาดนั้น ฉันเลยแอบกังวลอยู่เหมือนกัน

 

 

“ ไปทางตอนเหนือของเขตเจเนซิสน่ะ แถวๆนั้นเองก็ไม่ได้ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ”เมเดียร์

 

 

“ ทำไมหรอคะ? ”พานาร์

 

 

“ แถวนั้นน่ะมีอยู่หมู่บ้านนึง ที่โดนคำสาปเล่นงาน แม้เราจะช่วยมันก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน มันเหมือนกับว่ามันติดเงื่อนไขบางอย่างในการเอาคำสาปนั่นออก หวังว่าเขาจะหลีกเลี่ยงทางนั้นนะ ”เมเดียร์

 

 

“ ถึงคุณจะพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่.. แต่ก็เป็นห่วงเขาเหมือนกันนี่คะ! ”พานาร์

 

 

“อะไรเล่า!เพ้อเจ้อ! ”เมเดียร์

 

 

 

 

 

 

[ บี๋ ]

 

 

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง

 

 

“ เมื่อหลายปีก่อนหมู่บ้านนี้ถูกสาปครับ จากหมอผีคนหนึ่งที่ปัจจุบันน่าจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณน่าจะมาเป็นวีโกร์ฟ .. วีโกร์ฟก็คือไอ้ตัวที่คุณเห็นเมื่อสักครู่นั่นแหละ เจ้าตัวนั่นมันฆ่า และกินคนในหมู่บ้านเรา ไม่เพียงแค่นั้นมันยังเอาคนที่มันกินหรือฆ่าไปแล้วมาเป็นบริวารของมันอีก.. ตอนนี้หมู่บ้านนี้หมดทางเยียวยาแล้วล่ะครับ ”อลัน

 

 

“ คนที่เหลืออยู่ก็ย้ายออกไปหมด เหลือกันแค่ผมกับภรรยา และลูกๆอีก 2 คน.. ”อลัน

 

 

“ ทำไมพวกคุณถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ? ไม่กลัวจะโดนมันกินบ้างหรอ? ”

 

 

เขาส่ายหน้า 

 

 

“ ข้างนอกนั่นยังมีลูกชายของผมอยู่ เขาออกไปล่าวีโกร์ฟมาสักพักแล้วล่ะ ”อลัน

 

 

ทันทีที่คุณอลันพูดจบ ก็มีชายคนหนึ่งอายุพอๆกับผมเปิดประตูเข้ามาและปิดกลับอย่างแรง ร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด มือข้างขวาถือดาบที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำ ส่วนมือข้างซ้ายก็ถือหัวของวีโกร์ฟตัวหนึ่งอยู่ ไม่แน่ใจว่าใช่ตัวที่โผล่มาเมื่อสักครู่รึเปล่า

 

 

“ แฮ่ก… แฮ่ก… พ่อ ผม…  ยังหาอีซ่าร์ไม่เจอเลย.. ” นาร์

 

 

“ ไม่เป็นไร มากินอะไรก่อนสิ ”อลัน

 

 

เขาวางหัวของวีโกร์ฟตัวนั้นลง ก่อนที่จะมานั่งข้างผม เขาทักทายผมด้วยอัธยาศัยที่ดี ผมถามเขาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องที่เขาเดินเข้ามาจากด้านนอก

 

 

“ ผมเป็นนักล่าครับ ผมล่าพวกวีโกร์ฟพวกนั้นแทนพ่อของผมที่เฝ้าแม่กับน้องที่อยู่ชั้นบน ”นาร์

 

 

“ แม่กับน้องสาวเป็นอะไรหรอครับ? ”

 

 

“ พวกเขาโดนคำสาปของวีโกร์ฟน่ะ พลังชีวิตของพวกเขาจะยิ่งลดลงเมื่อวีโกร์ฟยังอยู่ เพราะฉะนั้นนาร์ที่เป็นลูกชายของผมจึงอาสาไปล่ามันแทนผม แต่… ไม่ว่าจะล่าพวกมันไปกี่ตัว มันก็ไม่มีทีที่ว่าจะจบลงเลย ”อลัน

 

 

“เพราะแบบนั้น อีกทางหนึ่งที่จะทำให้พวกเขาหายคือต้องไปหาเห็ดปาฏิหาริย์อีซ่าร์ในป่าต้องห้ามข้างหมู่บ้าน… อีกอย่างคือ ที่นั่นเป็นถิ่นของพวกวีโกร์ฟด้วยนี่สิ ”นาร์

 

 

“ มันไม่ได้ตัวเดียวหรอ? ”

 

 

“ มันมีเป็นสิบเลยครับ เพราะมันเอาชาวบ้านที่ตายแล้วของเราไปเป็นพวกมันด้วย ตอนนี้มันจึงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆเลย แล้วก็นะครับคุณนักเดินทาง เวลากลางคืนคุณจะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้จนกว่าจะเช้า เพราะงั้น… ถ้าคุณอยากออกไปล่ะก็ คุณต้องรอเช้าก่อน ”นาร์

 

 

“ แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกวีโกร์ฟมันไม่บุกมาสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะครับ ”นาร์

 

 

ผมค่อนข้างเชื่อในคำพูดของเขาพอสมควร จึงหยิบกุญแจห้องที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสอง

 

 

ทว่า…

 

 

ลารรรรรรร์…

 

 

รารรรรรรร์!!

 

 

เสียงครวญครางในลำคอของวีโกร์ฟดังขึ้นเรื่อยๆ นี่มันจะไม่บุกเข้ามาจริงๆใช่ไหม?..

 

 

ปัง!! ปัง!!!! ปัง!! ปัง!!!

 

 

ไม่เพียงแค่เสียงครวญของมันเท่านั้น มันยังทุบประตูโรงเตี๊ยม และพยายามที่จะเข้ามาด้านใน ทั้งนาร์ และคุณอลันก็เริ่มที่แตกตื่น ไม่นานที่พวกเขาตั้งสติได้ ทั้งคู่ก็หยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมาเตรียมรอเอาไว้แล้ว

 

 

ดูเหมือนว่า.. ค่ำคืนนี้มันจะยามนานซะแล้วสิ

 

 

รารรรรรรร!!!!!!!!!

 

 

‘ นี่มันนิยายต่างโลก… หรือหนังผีวะเนี่ย!!?? ’

 

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

Status: Ongoing
อยู่มาวันหนึ่ง ผมก็หลุดไปในอีกจักรวาลที่เรียกว่ามิติคู่ขนาน เรียกสั้นๆว่า ต่างโลกผมได้รู้ว่าที่นั่นเป็นโลกที่มีเวทมนตร์ทุกอย่างที่แฟนตาซี!แล้วก็ผมได้พบกับตัวเองที่นั่นที่เป็นผู้หญิงและใช่เธอแม่งบ้าาาา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท