“ …. ” ลูซิเฟอร์
ที่นี่มันมีแต่ดอกไม้กับแสงสว่าง มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน?
ข้ามาอยู่ที่ไหนกัน? ครั้งล่าสุดที่ข้าได้สติ ข้าจำได้ว่าข้าจูบกับไอ้เวรนั่นก่อนจะถูกผนึกไป
น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้กัดปากเจ้านั่นให้สะใจก่อนถูกผนึกเช่นนี้ ไม่งั้นข้าคงจะดีใจกว่านี้ที่ตัวเองแพ้
ชิ- ถ้าไอ้เวรนั่นมันไม่มีลองกินุสข้าคงฆ่ามันไปได้ตั้งนานแล้ว แกนะแกมิคาเอล ชอบเข้ามาแส่ไม่เข้าเรื่องทุกที
“ ข้าคิดว่าท่านจะอารมณ์เสียกว่านี้เสียอีกนะท่านพี่ ”มิคาเอล
“ เจ้าเองก็อยู่ที่นี่รึ? แล้วที่นี่คือ? ”ลูซิเฟอร์
“ ที่นี่คืออีเดน สรวงสวรรค์ของพวกเราไงท่านพี่ ”มิคาเอล
“ อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ข้าทำลายอีเดนไปแล้ว ”ลูซิเฟอร์
“ อย่างน้อยที่นี่ก็ดูคล้ายคลึงกับอีเดนมิใช่รึ ”มิคาเอล
ก็จริงอย่างที่มันพูด ที่นี่เต็มไปด้วยสรรพสัตว์และพืชพรรณที่สวยงามนานาชนิด มีแม้กระทั่งศาลากลางสวน หรือแม้แต่ไอ้นั่น ที่นี่ก็มี
“ ท่านไม่อยากลองชิมมันหน่อยรึ แอปเปิ้ลลูกนี้น่ะ ”มิคาเอล
“ ผลไม้แห่งปัญญา? เหอะ ข้ากินมันมามากเสียจนรสชาติของมันยังติดริมฝีปากข้าอยู่ทุกช่วงเลย ”ลูซิเฟอร์
“ สรุปแล้วที่นี่มันยังไงกันแน่? ”ลูซิเฟอร์
“ … ท่านนี่ไม่สนุกเอาซะเลยนะท่านพี่ ”มิคาเอล
“ ที่นี่คือโลกภายในตัวของคนที่สู้กับท่าน เป็นโลกที่พวกเราถูกผนึกอยู่ภายในอักขระที่อยู่บนร่างของบี๋ ”มิคาเอล
“ เจ้าดูไม่แปลกใจกับสถานการณ์เช่นนี้เลยนะมิคาเอล ”ลูซิเฟอร์
มันแปลกจริงๆที่เจ้ามิคาเอลรู้เรื่องภายในโลกแห่งนี้ดีนัก ทั้งๆที่มันน่าจะพึ่งเข้ามาเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับข้า
นางเมินเฉยกับคำพูดของข้า แล้วหันหลังกลับ เดินตรงไปที่ศาลาที่สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนกลางสวนดอกไม้ที่ราวกับอีเดนแห่งนี้ มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง
“ ท่านรู้รึไม่ ว่าเราสามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์ภายนอกได้เพียงจ้องมองลงไปยังบ่อน้ำแห่งนี้ ”มิคาเอล
มันก็เป็นเพียงแค่บ่อน้ำที่มีอยู่ล้อมรอบศาลาแห่งนี้ก็เท่านั้น แต่ความวิเศษของมันคือ มันทำให้ข้าสามารถเห็นถึงมุมมองของเจ้าวายร้ายที่มาฉกฉวยริมฝีปากอันแสนมีค่าของข้าไปได้
ไม่ว่าข้าอยากจะลืมเรื่องเมื่อครานั้นเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งคิดถึงมันและลืมมันไม่ลงทุกที ข้าไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
มันทำให้ข้าดูอ่อนแอ
“แล้วเจ้าออกจากผนึกมาช่วยเจ้าเปรตนี่ตอนที่ข้ากำลังจะฆ่ามันได้ยังไง? ”ลูซิเฟอร์
“ ฟุฟุ มันคือความรักเจ้าค่ะท่านพี่ ”มิคาเอล
“ ? ”ลูซิเฟอร์
พูดอะไรไม่เข้าใจเลยแฮะ ยัยน้องบ้านี่
เอาเถอะ ยังไงซะข้าก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนแต่ก่อนล่ะนะ…
“ … ”มิคาเอล
“ ดูเหมือนข้าจะได้คู่แข่งเพิ่มซะแล้วสิ ฟุฟุ ”มิคาเอล
ยัยบ้านี่… คงจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆสินะ มองไปที่บ่อน้ำวิเศษเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มแสยะออกมา แกมันไม่ควรจะเป็นทูตสวรรค์ว่ะมิคาเอล
“ แต่ว่า… อีเดนงั้นรึ? มันเป็นนรกขุมไหนกัน ที่ให้ข้ามาอยู่ในที่ที่ข้าทำลายไปแล้ว ”ลูซิเฟอร์
“ ช่างโหดร้ายเสียจริง ”ลูซิเฟอร์
…
วันที่… 26 ของการเดินทาง
วันที่ 26 เมษายน ปีสักการะเทพีที่ 2567
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงขนาดใหญ่ ภายในห้องที่หรูหรา ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั้นหลับไปนานเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆคือหลังจากการต่อสู้นั้นเข่าผมก็ทาุดลงกับพื้นแล้วหลับลงไป
ข้างๆเตียงที่ผมนอนอยู่มีร่างของหญิงสาวตัวสูงใหญ่ สวมเกราะเตรียมพร้อมรบตลอดเวลากำลังฝุบหลับอยู่ข้างๆผม
ผมรู้ได้ในทันทีว่าเธอต้องเป็นวิกตอเรีย เพราะมีไม่กี่คนในอาณาจักรที่มักจะสวมเกราะตลอดเวลาอย่างเธอ ทำให้ผมนั้นจำเธอได้ดีเลยล่ะ แล้วยิ่งเป็นวิชาดาบที่แข็งแกร่งด้วยแล้วทำให้ผมรู้ได้เลยล่ะว่าคนตรงหน้าผมนั้นมันเจ๋งขนาดไหน
แต่ไหงเธอถึงมานอนสลบสไลอยู่ตรงนี้ได้เนี่ย?
ขณะที่สมองของผมกำลังประมวณผลอยู่นั้น ประตูก็ได้เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี.. ล่ะมั้ง
“ ตื่นแล้วนี่ ไอ้หนู ”กอร์
“ คุณกอร์? ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็ด้วยนะ ”โกรุม
“ คุณทวด? ”
ทั้งสองคนเข้ามาพร้อมกัน ก่อนที่จะหยิบเก้าอี้ไม้มานั่งด้านหน้าเตียงของผม
“ ตอนนี้เด็กจากวาคิวเรียแคลนกำลังรับรางวัลจากฮากะอยู่น่ะ เธอคงจะไม่ได้เสียใจใช่ไหมที่ไม่ได้อะไรจากการเข้าร่วมเลย? ”โกรุม
“ หืม? เอ่อ… ก็ จริงๆก็ไม่ได้อะไรนะครับ ดีแค่ไหนแล้วที่ผมรอดมาจากเกตนั่นได้น่ะ ”
“ แต่เหลือเชื่อเลยแฮะ ที่เธอรอดออกมาจากเกตอันแรงก์นั่นได้หลังจากที่ถูกยึดพลังไปแล้วน่ะ ”โกรุม
“ เอ๊ะ? รู้ด้วยหรอครับ? ”
“ แน่นอน ก็ไอ้หน้าต่างบ้านี่มันแจ้งกับข้าว่าอย่างนั้น แต่ก็ยินดีด้วยนะหลานชาย ที่แกฟื้นตัวดีแล้ว ”กอร์
ฟื้นตัวดีแล้ว? อ้อ… งั้นก็แสดงว่าวีเป็นคนพาผมมาที่นี่เองสินะ ถึงได้มานอนอยู่ข้างๆแบบนี้
แต่เธอยังไม่ตื่นเลยแฮะ หลับลึกจัง
“ ผมหลับไปประมาณกี่วันหรอครับคุณกอร์? ”
“ สิบวันเห็นจะได้ ”กอร์
“ ใช่แล้วเจ้าหลับเป็นตายมาตลอดสิบวันเลย เรื่องที่เจ้าพบเจอมาในเกตอันแรงก์มันคงจะหนักหนาสาหัสจริงๆ”โกรุม
“ แล้วหลังจากที่ผมเข้าเกตไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างหรอครับ? ”
แกร๊ก-
อ่ะ เธอตื่นพอดีเลยแฮะ
เกราะเหล็กของวิกตอเรียกระทบกันจนเกิดเสียงดัง นั่นทำให้ทั้งผมและคุณทวดทั้งสองคนมองไปที่เธอกันทั้งหมด
“ … งืม~ ”วี
วิกตอเรียเงยหน้าขึ้นมาทั้งหมวกเกราะด้วยความสะลึมสะลือ
ทันทีที่เธอรู้สึกตัว ก็ต้องสะดุ้ง ดูท่าเธอจะอายแบบสุดขีดแล้วล่ะตอนนี้ คุณกอร์กับคุณโกรุมถอนหายใจเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังเอ็นดูสาวคนนี้อยู่
“ หลังจากที่พวกเจ้าเข้าไปในเกต วิกตอเรียก็ออกมาจากเกตในเวลาต่อมา ในตอนนั้นก่อนที่ข้าจะพบกับพวกนางที่มาหาเจ้าหลังจากที่จัดการกับสัตว์นรกจนหมด ข้าพบกับจอมเวทมนตร์ดำระดับ 8 หลังจากที่ข้าจัดการเจ้าระดับ 6 นั่นไปแล้ว ”กอร์
“ ข้าจับพวกมันกลับมาสอบปากคำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ”กอร์
“ ข้าคิดว่าเหตุผลที่พวกมันมาที่นี่ เพราะจะมาเอาเรโมดิชไป ”โกรุม
“ แต่พวกมันไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเจ้าได้เอามันไปแล้ว เลยพลาดเรโมดิชไป รวมถึงบาฮามุธที่ข้าทำให้มันสงบสติอารมณ์ลงเช่นกัน สรุปคือในการรุกรานครั้งนี้พวกมอนเทียสไม่ได้อะไรเลย ”โกรุม
“ แต่ที่สามารถเลี่ยงหายนะมาได้ เราต้องขอบคุณเจ้าเลยที่จัดการสิ่งที่อยู่ในเกตนั้นให้ มิเช่นนั้นเราคงจะตายกันหมด ”โกรุม
“ …. ออ ครับ ”
คงจะหมายถึงลูซิเฟอร์นั่นสินะ อย่างที่คุณทวดพูดนั่นแหละถ้าหากยัยนั่นอยากจะทำลายโลกล่ะก็ก็คงจะทำได้สบายเลย พวกเราไม่มีทางทำอะไรเธอได้เลยหากปราศจากลองกินุส
ผมสังเกตร่างกายของตัวเอง รอยสักทั้งสองอย่างยังคงอยู่ แต่ทั่วทั้งตัวกลับเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ทำให้ผมในอตนนี้ดูคล้ายกับมัมมี่เลยล่ะ
“ จริงสิ มีเรื่องแปลกบางอย่างที่ข้าจะบอกเจ้าด้วย ”กอร์
“ ร่างของเจ้ามันต่อต้านเวทมนตร์อย่างกู่ไม่กลับเลยล่ะ ไม่สามารถใช้เวทรักษาเบื้องต้นได้ แม้แต่เวทรักษารดับสูงร่างของเจ้าก็ยังปฏิเสธมัน มันคงจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับรอยสักบนแขนทั้งสองข้างของเจ้าใช่ไหม? ”กอร์
“ อ่ะ- ใช่ครับ ”
“เราจึงใช้โพชั่นรักษาให้เจ้าแทนน่ะ “โกรุม
” ขอบคุณนะครับ “
จริงๆเลย ตราบใดที่มยังถือครองลองกินุสอยู่แบบนี้ผมคงจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์อะไรได้เลยแน่ และก็ดูเหมือนว่าเวทมนตร์เองก็เข้าไม่ถึงตัวผมเหมือนกัน
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ในเมื่อข้างขวาของผมคือความศักดิ์สิทธิ์สัมบูรณ์ บางทีอาจจะมีทางที่จะทำให้ผมใช้เวทมนตร์ได้ก็ได้
“ เจ้ายังจะมัวนอนเล่นอยู่ที่นี่อีกรึ ในเมื่อตื่นแล้วทำไมไม่ไปหาเด็กๆที่ปกป้องเมืองไว้สักหน่อยล่ะ ”กอร์
“ เอาหน่าท่านพี่ เขาต้องการการพักผ่อนนะ ”โกรุม
“ เหอะ ถ้าเป็นข้าเมื่อสมัยก่อนน่ะนะ ข้าไม่เคยจะได้นอนเลยล่ะจะบอกให้- ”กอร์
“ ฮ่าฮ่าฮ่า นิสัยคนแก่อีกแล้ว ”โกรุม
“ คือว่านะครับคุณกอร์ เรื่องเรโมดิชน่ะ.. ”
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมยังจะคู่ควรกับมันอยู่รึเปล่า เพราะพลังของกอร์ส่วนใหญ่ก็กลับคืนสู่เจ้าของหมดแล้ว แถมผมยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเทวทูตอีก คือ..มันก็น่าเห็นใจเรโมดิชอยู่นะ ที่อยู่ๆก็ถูกอาวุธที่ไหนไม่รู้มาแทนที่น่ะ อีกอย่างผมเองก็อยากจะคืนมันให้กับคุณกอร์ด้วย
คือผมพึ่งมาตระหนักได้ว่ามันใช้งานลำบากเกินไปสำหรับผมน่ะ ผมไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเป็นกระบวนการและซับซ้อนสักเท่าไหร่
“ เช่นนั้นรึ? ได้สิ ข้าจะเก็บมันเอาไว้ ”กอร์
“ หืม? ได้เวลาแล้วหนิ ท่านพี่เราไปกันเถอะ ”โกรุม
“ อา ”กอร์
“ แกก็รีบๆตามมาล่ะไอ้หนู ”กอร์
“ ? ”
ผมได้ขอให้คุณกอร์เก็บมันเอาไว้ เขารับมันไว้อย่างยินดีก่อนที่คุณทวดจะมองเวลาที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่งตรงข้ามกับเตียงของผม หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงผมกับวิกตอเรีย
“ คือว่า.. พวกเขาไปไหนกันน่ะ? ”
“ เอ่อ…. เอิม… พวก- พวกเขาไปงานเลี้ยงกันน่ะค่ะ.. ”วี
ให้ตายสิ เธอประหม่ามากกว่าที่ผมคิดไว้อีกแฮะ
“ เฮ้อ.. เหนื่อยจัง ”
ผมถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้น-
กร๊อบ-
อึ่ก- ไม่ไหวแฮะ กระดูกลั่นไปทั้งตัวเลยอ่ะ
ทันทีที่ผมกำลังจากตกจากเตียง วิกตอเรียเข้ามารับผมด้วยความรวดเร็ว คือผมก็รู้นะว่าเธอประสาทสัมผัสไวน่ะ แต่ไม่ยักกะรู้ว่าจะไวมากถึงขนาดนี้
แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อผมมองไปที่หมวกเกราะของเธอผมถึงยังสามารถมองเห็ฯใบหน้าที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงของเธอได้อยู่อีก?
“ ค- คือ..อยากเปลี่ยนชุดหรอคะ?.. ”วี
“ อืม นิดหน่อย ”
ก็ถูกของเธอ ที่ผมจะลุกขึ้นนี่เป็นเพราะว่าผมต้องการจะเปลี่ยนชุดและตกแต่งตัวเองสักเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนที่จะเข้าไปในงานเลี้ยงน่ะ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงหว่า?
“ เอ่อ.. ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอวี? ”
“ … สี่ทุ่มสี่สิบเจ็ดนาทีค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะอัลเลียน? ”วี
“ ฉันอยากไปงานเลี้ยงน่ะ ช่วยทีสิ ”
“ ค่ะ! ”วี
…
พอผมมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง ก็ต้องตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมัน ไม่เพียงแต่ราชวงศ์กับตระกูลหลักๆเท่านั้นที่ได้เข้าร่วม ทว่าคนทุกๆชนชั้นนั้นสามารถเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่นี้ได้เลย
ผมเข้ามายังส่วนกลางของงานด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ และได้พบกับคุณกอร์และราชันย์ภูติลมที่นั่น สำหรับผม ผมพึ่งเคยเห็นเขาใส่สูทที่ดูเป็นทางการเป็นครั้งแรกเลยล่ะ ส่วนคุณราชาภูติ ก็ยังคงอยู่ในชุดเดิมของเธอ
พวกเขาดูจะพอใจกับงานเลี้ยงนี้มากเลยนะนั่น
“ … ”
“ อยากทานอะไรหน่อยไหมคะ? ”วี
“ อื้ม ”
ไม่รู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่กันแน่ เมื่อผมได้เดินเข้ามาในงานแล้วมันดูแตกต่างจากความรู้สึกของผมตอนนี้ไปหมด ผู้คนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเริงร่าของความยินดี กับผู้คนที่กำลังเพลินเพลินไปกับอาหารตรงหน้า
ผมมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับงานเลี้ยงฉลองฮีโร่นี้เลยสักนิด แม้ว่ามันจะถูกจัดขึ้นมาเพื่อร่วมยินดีในเรื่องที่เมืองนี้ไม่ได้ถูกทำลายก็เถอะนะ แต่ขณะที่ทุกคนกำลังปกป้องเมืองอยู่ ผมกลับต่อสู้ในเรื่องที่ไร้สาระแถมยังทำเอาตัวเองเกือบตายอีก นี่มันแย่ชะมัด
ไม่สิ จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้ ถ้าหากผมไม่สู้ล่ะก็ผมเองนี่แหละที่ต้องตาย อืออ เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างวะเนี่ย! มึนตึ๊บไปหมดเลยแฮะ!
ผมเลยได้ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ เฮ้อ ”
“ ตัดพ้ออะไรขนาดนั้นกันเล่า มาสนุกด้วยกันเถอะ! ”ครูว์
ทันใดนั้นครูว์ในชุดประจำตัวตอนออกรบของเธอ ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าผมอย่างไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว จนทำเอาผมสะดุ้งไปชนกับคนข้างหลังเลย
แต่ลืมไปเลยแฮะว่าผมกำลังบาดเจ็บอยู่
แกร๊บ-
“ อูยย ”
เสียงกระดูกลั่นดังเป็นครั้งที่สองของวันแล้วนะเนี่ย
แต่ว่า.. ใครที่มารับผมไว้กันล่ะเนี่ย? ถ้าจำไม่ผิด ไม่น่าจะมีใครอยู่ด้านหลังของผมนะ..
“ เดินระวังๆหน่อยเซ่ ”เร็กซ์
เร็กซ์?
“ อาการหนักเลยนะ ”มาน็อค
มาน็อค? มาจากไหนกันเนี่ย?
“ เจ็บมากไหมคะ? ”เรีย
“ อืม! รุ่นพี่ยังอยู่ดีสินะคะ! ”แวร์
รู้สึกว่าการพบเจอกันในคราวนี้มันค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย เหมือนกับว่าเรื่องนี้ถูกจัดฉากเอาไว้แต่แรกเลยแฮะ?
ในขณะที่ผมกำลังเดินเล่นอยู่ภายในงานนั้นก็ได้บังเอิญมาเจอกับฮีโร่ผู้ปกป้องเมืองเอาไว้ หรือก็คือแคลนวาคิวเรียตี้นี้นั่นแหละ พวกเธอรุมล้อมผมจากทุกทิศทำเอาผมประหม่าไปหมดเลย
อีกทั้งวิกตอเรียยังกอดแขนผมแน่นมากๆอีก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
“ ฟุฟุ ก็หมายความว่านายเนื้อหอมไงล่ะ ”ครูว์
ยัยนี่ ยังนิสัยเสียชอบอ่านใจคนอื่นไม่เปลี่ยนเลยนะครูว์
“ ฟุฟุฟุ ก็เพราะว่าเป็นนายไงล่ะฉันถึงได้ยอมเปิดใช้ความสามารถนี้น่ะ! ”ครูว์
เธอทุบอกดัง ตุบ อย่างภาคภูมิใจ เมื่อผมได้มองไปที่ครูว์ก็ต้องทำหน้าตายออกมา เพราะอกเธอมันแบนโพ้ด
ขณะที่คนอื่นนั้น…
“ เสียมารยาทนะยะเจ้าทึ่ม!! ”ครูว์
ฮ่าๆ หลังจากพักฟื้นก็มีเรื่องสนุกๆแบบนี้อีกสินะ ดีจริงๆเลยแฮะ
ผมชักจะอยากขอบคุณพวกเธอแล้วล่ะที่ทำให้ผมไม่เหงาน่ะ
“ ฮ่าๆๆ ฉันก็พอรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ แล้วก็.. ขอบคุณนะที่ช่วยวีน่ะ ”เร็กซ์
ขณะนั้น เร็กซ์ที่เห็นเราสองคนทะเลาะกันก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกล่าวขอบคุณผม
คือ.. ผมอยากจะบอกว่าผู้หญิงแต่ละคนที่นี่มันจะสวยไปไหนวะครับ คือมันแบบไม่ว่าจะทำอะไรแม่งก็ดูสวย เท่ น่ารักไปหมด สมกับที่เป็นอิเซไกจริงๆ
จนบางทีผมก็คิดเลยล่ะว่าถ้าหากพวกหล่อนเผยรอยยิ้มออกมามากกว่านี้ผมอาจจะตายได้เลยก็ได้อะไรประมาณนี้น่ะ ซึ่ง.. มันโคตรจะอนาถเลย!!
“ ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน่ะ ”
รอยยิ้มอันแสนงดงามของยัยเร็กซ์ทำเอาผมหน้าแดงแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางเลยล่ะ ทว่าผมกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายของผมมันอึดอัดๆยังไงก็ไม่รู้
“ .. แล้วทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบไหนกันหรอถึงได้ตัวติดกันแบบนั้น? ”ครูว์
“ ก็ไม่อะไรหรอก แค่เพื่อนน่ะ ถามไม? ”
“ เปล๊า แค่เห็นวีเกาะแขนนายมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเลยคิดว่าน่าจะมีซัมติง ”ครูว์
“ คิดมากค่ะ! ”วี
ยัยนี่… ปล่อยแขนตูทันทีที่ครูว์ทักเลยนะ
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยแลกเปลี่ยนกันเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่จะแยกกัน คือพวกเธอยังต้องไปทักทายชาวเมืองอีกสักหน่อยน่ะนะ ส่วนวิกตอเรียเองก็ยังคงอยู่กับผมไม่ห่าง คอยพยุงตัวผมไม่ให้ทรุดไปอีกครั้ง
แม้ว่าผมจะขยับร่างกายได้แล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยังไม่มีแรงมากพอที่จะยืนด้วยตัวเองแบบเต็มแข้ง เลยต้องยืมมือวิกตอเรียมาช่วย ถึงผมจะไม่ได้ขอแต่ดูเหมือนเธอจะเต็มใจช่วยผมอยู่แล้วนะ
จนถึงขั้นที่ผมแอบคิดไปเลยว่าเธอแอบคิดอะไรกับผมรึเปล่าอะไรแบบนี้
แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้คิดไปเองหรอกนะ เลยได้ถามเธอไปตรงๆ
“ คือว่านะวี เธอมีอะไรกับฉันรึเปล่า? ถึงได้ช่วยฉันมากขนาดนี้? ”
“ คือ!- คือไม่ได้ว่าอะไรนะ! แค่สงสัยน่ะ! ”
ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งด้านหลังงานเลี้ยงกันน่ะ ผมค่อนข้างเหนื่อยหลังจากที่เดินมาเยอะเลยมานั่งพักตรงนี้ก่อนน่ะนะ
เธอไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าผม เธอถอยห่างออกไปประมาณ 2 ก้าวจากที่ผมนั่งอยู่ ผมมองตามเธอด้วยความสงสัย ก่อนที่วิกตอเรียจะคุกเข่าลงและถอดหมวกเกราะของเธอออก
มันเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่ผมเคยเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอมีผิวที่ขาวซีดราวกับศพ ทั้งสีผมและขนตาของเธอล้วนขาวบริสุทธิ์เหมือนดั่งหิมะ อีกทั้งเธอยังมีดวงตาสีฟ้าท้องทะเลที่ยังงดงามมากๆอีกด้วย
แม้ว่าผมจะเคยเห็นเธอถอดหมวกเกราะออกมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ก็เถอะ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดอะไรมากนัก ทว่ามาตอนนี้ที่ผมพึ่งมาสังเกตหน้าตาเธอชัดๆ เธอสวยมากกว่าคนในปาร์ตี้เธอทั้งหมดมามัดรวมกันซะอีก
เอ่อ.. ขอโทษนะเร็กซ์กับคนอื่นๆที่ต้องพูดไปแบบนั้น.. เพราะผมเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นหรอกนะ!
“ นี่คือ? จะทำอะไรหรอ? ”
“ นี่คือเกียรติแห่งอัศวินของฉันค่ะ ”วี
“ จากเรื่องเมื่อวันนั้น ทำให้ฉันได้สาบานไว้กับตัวเองว่าจะถวายดาบนี้ให้กับคุณตั้งแต่ที่คุณลืมตาตื่นขึ้นมาเลยค่ะอัลเลียน ”วี
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?.. เธอทำผมขนลุกไปหมดเลยนะ!
“ โปรดรับมัน และทำให้ฉันเป็นอัศวินของคุณแต่เพียงผู้เดียวด้วยเถิดค่ะ ”วี
แกร๊ก-
วิกตอเรียชักดาบของเธอออกมา แล้วยกมันขึ้นเหนือหัวของเธอเพื่อเป็นการบอกว่าเธอจะยกย่องผมเป็นนายของเธอตั้งแต่วินาทีที่ผมได้จับดาบเล่มนั้น
ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องตกลง เพราะผมคิดว่าผมคงจะสู้ความดื้อรั้นและแน่วแน่ของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แน่ๆล่ะ
หมับ
ผมหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมา มันเป็นดาบที่หนักเอาการเลยล่ะ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงจะสามารถกวัดแกว่งดาบที่มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสิบกิโลเล่มนี้ได้ เหลือเชื่อจริงๆ
“ ฉันแค่ต้องทำแบบนี้ใช่ไหม? ”
ผมวางดาบไว้บนไหล่ของวิกตอเรีย เธอยิ้มขึ้นเล็กๆ ก่อนจะกล่าวคำสัตย์
“ ด้วยเกียรติของข้าวิกตอเรีย แฟงก์ บุตรีคนรองแห่งตระกูลบารอนแฟงก์ จะขอเป็นอัศวินของท่านผู้เป็นนายไปชั่วชีวิต ”วี
“ ไม่ว่าจะยามทุกข์ สุข ลำบากยากเข็ญเพียงใด ข้าจักผ่านมันไปให้ได้เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอัศวินอันเข้มแข็งของท่าน ”วี
เดี๋ยวนะ ทำไมคำสัตย์มันแปลกๆวะมันเหมือนกับคำขอแต่งงานเลยอ่ะ
แย่ล่ะสิ ผมชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ ว่าทำแบบนี้ไปจะดีรึเปล่า จะเป็นการบังคับวิกตอเรียมากเกินไปรึเปล่าอะไรทำนองนี้
“ ขอบคุณนะ วี ”
ยังไงซะ ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเรื่องนั้น ในเมื่อเธอเต็มใจ ผมก็ไม่ขัดศรัทธาล่ะนะ
“ ค่ะ! ”วี
อ่าาห์~ รอยยิ้มของเธอทำเอาผมแทบละลายเลยล่ะ นี่มันดีต่อใจจริงๆ
ตัดจบตอน
ปักธงล่ะ