วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~ – ตอนที่ 42 ได้โปรดให้ผมเรียกคุณว่าอาจารย์ได้ไหมครับ

วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~

 

มีการระเบิดขนาดใหญ่ที่ปกคุมร่างกายของโทรลล์คิงจนหมด

ทำให้คลื่นความร้อนส่งมาถึงตรงนี้เลย

 

“ร้อน!?”

“หวา!”

“อ-โอ้ยร้อน!”

 

ผู้โดยสารบางคนปลิวไปตามแรงระเบิด

 

อืม โทษทีนะ

ดูเหมือนว่าควรจะปรับทิศทางการระเบิดให้ดีกว่านี้

ผมคิดว่าผู้โดยสารน่าจะไม่มีใครตายนะ

 

เมื่อฝุ่นในบริเวณที่ระเบิดจางลง ที่บริเวณนั้นมีรูขนาดใหญ่เกิดขึ้น

ในตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้ ก็พบชิ้นเนื้อที่ไหม้เกรียมกระจายไปทั่ว

โทรลล์คิงนั้นตายแน่นอน

 

“มันน่าจะดีกว่าถ้าจะลดพลังลงกว่านี้”

 

เห็นได้ชัดเลยว่ามันแรงเกินไป

ดูเหมือนว่าผมจะทำเกินไปหน่อยนะ นั่นก็เพราะว่ามีมอนสเตอร์ที่เหมาะเป็นเป้าให้ลองสกิลปรากฏออกมา

 

“น-นาย…ด เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้…นายทำอะไรลงไปน่ะ…?”

 

เด็กผู้ชายถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่น

 

“นายเพิ่งปล่อยหนึ่งในเวทสีแดง <เอ็กซ์โพลชั่น> ใส่โทรลล์คิงไปงั้นเหรอ?”

“ถ้าพูดถึง <เอ็กซ์โพลชั่น> มันเป็นเวทมนตร์ขั้นสูงสุดของสีแดงนี่? มันเป็นเวทมนตร์ที่สามารถใช้ได้โดยอาชีพระดังสูงอย่างราชาจอมเวทไม่ใช่เหรอ?”

 

ฉันเห็นแบบนั้นนะ

ฉันคิดว่ามันเป็นเวทมนตร์ที่ทรงพลังทีเดียวเลย

ในกรณีของผม ผมสามารถเรียนเวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงสกิล ดังนั้นผมจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันมากนัก

 

“มันคงเป็นเรื่องโกหกสินะที่นายบอกว่าไร้อาชีพ…”

“แต่จริงๆแล้วนายคงจะเป็นนักเวทที่มีชื่อเสียง…”

“ไม่ใช่ ผมไร้อาชีพจริงๆ ผมก็แสดงใบรับรองอาชีพของผมให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

ผมอธิบายไปแล้ว แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นบอกว่า “มันเป็นของปลอม” “ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องปกปิดด้วยเหตุผลบางอย่างแน่เลย…”

 

แล้วก็

 

“ผ-…”

“หืม”

 

เด็กผู้ชายคุกเข่าลงข้างหน้าผมทันที

 

“ผมขอโทษจริงๆๆๆ!”

แล้วขอโทษผมอย่างเสียงดัง

 

“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ และผมก็ขอโทษที่หยาบคายด้วยครับ! โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”

“ผมก็บอกไปแล้วนิ ว่าผมไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วก็ ได้โปรดให้ผมเรียกคุณว่าอาจารย์ได้ไหมครับ นับตั้งแต่นี้! ผมอยากเป็นนักเวทเหมือนกับคุณ”

 

…….อย่างไรก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก

 

ผมคิดว่า ทางที่ดีผมน่าจะเอาชนะมันด้วยดาบน่าจะดีกว่า

 

 

หลังจากนั้นการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น

จนในที่สุดก็เห็นเมืองแห่งเวทมนตร์ สภาพอากาศตอนที่เดินทางนั้นไม่มีปัญหา

 

“เห็นแล้ว ถึงผมเคยได้ยินมา แต่ว่ามันเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว”

 

เมืองแห่งเวทมนตร์ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือทะเลสาบ

มีสะพานที่สร้างจากดินและทรายตามธรรมชาติ เชื่อมระหว่างเกาะกับฝั่งนี้

 

“อาจารย์! ดูเหมือนว่าสะพานนี้เขาจะใช้เวทมนตร์ในการบำรุงรักษา มิฉะนั้นมันจะหายไปในไม่ช้า เป็นไปตามคาดเลยนะเมืองแห่งเวทมนตร์เนี่ย!”

 

เด็กผู้ชายชื่อไคท์อธิบายผมด้วยความตื่นเต้น

 

ตั้งแต่ที่ผมจัดการโทรลล์คิงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็เปลี่ยนท่าทางและเป็นอย่างนั้นมาตลอด

 

“ไคท์จอมทะเล้นนั้นอยู่ๆก็เชื่อง เหมือนสุนัขที่ส่ายหางเข้าหาเจ้าของเลย”

“ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน…”

 

เด็กผู้หญิงที่มาด้วย มองดูด้วยใบหน้าที่คาดไม่ถึง

อย่างไรก็ตามคนที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งคือคูฟา และคนที่ขี้อายดูเหมือนจะเป็นคอลเล็ต

 

ดูเหมือนว่ารถม้าจะข้ามสะพานมาไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องเดินข้ามมาเอง

วันนี้นั้นอากาศดีแทบจะไม่มีลมเลย แต่ผมได้ยินมาว่าเมื่อมีพายุซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของพื้นที่แถบนี้เกิดขึ้น จะไม่สามารถเข้าและออกจากเกาะได้

 

ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองเวทมนตร์

 

เมืองแห่งนี้มีทั้งหมดหกสถาบัน

ในแต่ละสถาบันจะทุ่มเทให้กับการสอนและงานวิจัยในสายของตัวเองเท่านั้น

 

นั่นก็คือ

 

สถาบันสีแดง : เวทสีแดง (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับไฟและความร้อน)

สถาบันสีน้ำเงิน : เวทสีน้ำเงิน (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับน้ำ น้ำแข็ง ไอเย็น และเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับอากาศเย็น)

สถาบันสีเขียว : เวทสีเขียว (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับอากาศและสภาพอากาศ)

สถาบันสีเหลือง : เวทสีเหลือง (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับดินและโลหะ)

สถาบันสีขาว : เวทสีขาว (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับแสงและชีวิต)

สถาบันสีดำ : เวทสีดำ (เวทมนตร์จะเกี่ยวกับความมืดและความตาย)

 

นี่คือทั้งหมดหกสถาบัน

 

“อาจารย์!”

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“อาจารย์จะเข้าสถาบันสีแดงใช่ไหมครับ! ดูเหมือนว่าจะต้องตรงไปทางนั้น! พวกเราไปด้วยกันเถอะครับ!”

 

ไคท์พูดออกมาอย่างมีความสุข

 

“งั้นก็ลากันตรงนี้ล่ะ ของฉันคือสถาบันสีน้ำเงิน”

“ข-ของฉันคือสถาบันสีเขียว…”

 

คูฟามีสกิลของเวทสีน้ำเงิน ส่วนคอลเล็กมีสกิลของเวทสีเขียว

 

“โอ้ ไว้เจอกันนะ! อย่าสอบตกแล้วกลับไปอยู่บ้านนอกนะ อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นล่ะ!”

“ฉันขอคืนคำนั้นให้เลย”

 

ขณะที่พูดแบบนั้น ทั้งสามคนก็แยกไปคนละทางกัน

 

ส่วนผมก็ถูกบังคับให้ไปสถาบันสีแดงด้วยกันกับไคท์

 

“เอ่อ อาจารย์ก็ต้องสอบเข้าเหมือนกัน!?”

“ถ้าสอบไม่ผ่าน ก็จะไม่สามารถเข้าได้”

“ถ้าอย่างนั้นแล้วท่านอาจารย์เรียนเวทมนตร์มาจากที่ไหนกัน?”

 

ถึงแม้ว่าจะมีสกิลก็ตาม แต่ว่ากันว่าจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่หากปราศจากความรู้ในสูตรดำเนินการเวทมนตร์

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเวทหลายคนมาเข้าสถาบัน หรือบางคนก็มาเพื่อศึกษาตามบรรพบุรุษของพวกเขา

 

“ผมเรียนมาจากพ่อน่ะ”

“ฮี่ๆๆ ผมแน่ใจว่าท่านต้องน่าทึ่งมากแน่ๆเลย”

 

เขานั้นดูเหมือนชายชราธรรมดามากกว่านะ

 

“อา อาจารย์มาทางนี้เร็ว! ที่ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็นสถาบันสีแดงนะ”

 

หลังจากนั้นไม่นานผมก็เห็นประตูที่สวยงาม

ด้านหลังเป็นอาคาร คล้ายสถานศึกษา

 

ต่อไปก็เป็นการสอบเข้าสินะ

ผมไม่อยากถูกเตะออกจากประตูเหมือนกิลด์ในเมืองแห่งดาบนะ

 

 

วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~

วีรบุรุษไร้อาชีพ ~ถึงจะไม่มีสกิลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร~

Status: Ongoing
“อาชีพ” จะได้รับเมื่ออายุครบ 10 ขวบ และการที่มีหรือไม่มี “ทักษะ” จะส่งผลต่อชีวิตอย่างมาก อาเรลลูกชายของ “เจ้าหญิงดาบ” ฟาร่า และ “ราชาแห่งเวทมนตร์” ลีออน ถูกตราหน้าว่าเป็น “ไร้อาชีพ”… แต่ถึงแม้จะไม่มีงานทำหรือทักษะใดๆ อาเรลเชื่อว่าเขาสามารถได้ทักษะเหล่านั้นผ่านความพยายามได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท