พอฉันพูดไปแบบนั้น นัชชาหน้าบึ้ง หันไปหาอาธิปงอแงว่า “พี่อาธิปคะ เมื่อคือหนูทำตัวไม่ดี ไม่ควรมารบกวนพี่อาธิปกับพี่ดารัณที่นี่เลย พี่อาธิปบอกให้พี่ดารัณอยู่ทานข้าวเช้ากับเราได้ไหมคะ ถือว่าเป็นการขอโทษของหนูดีไหมคะ”
อี….
เหอะเหอะ ไม่แปลกเลย บางคนไม่ต้องทำอะไรเลย แค่งอแงนิดหน่อยก็ชนะไปทุกอย่าง
จริง ๆ อาธิปเขาไม่สนใจกับที่ฉันมาโผล่ตัวอยู่ตรงนี้หรอก แต่พอนัชชาขอเขา เขาเลยพูดขึ้นมาว่า “มากินด้วยกัน” น้ำเสียงเฉยชาแบบเชิงบังคับ
เจ็บไหมเหรอ ชินแล้วแหละ
ฉันยิ้มแบบทำอะไรไม่ได้ พยักหน้า พูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
สำหรับอาธิป ฉันคงทำไม่ได้ว่าปฏิเสธโดยเด็ดขาดได้ คนที่เรารักตั้งแต่แรกพบ ชีวิตนี้ก็คงจะลืมเขาไม่ได้
รู้สึกโชคดีมากที่ได้มีโอกาสกินอาหารเช้าที่ที่โดยอาธิปเป็นครั้งแรก ไข่เจียว ข้าวต้มถั่วเขียว อาหารเช้าสองอย่างแบบง่าย ๆ แต่ไม่ธรรมดา ฉันคิดมาตลอดว่า ผู้ชายแบบอาธิป เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกเพื่อบริหารโลกภายนอก ไม่ควรโผล่ตัวอยู่ในห้องครัวแบบนี้
“พี่ดารัณลองชิมไข่เจียวที่พี่อาธิปทำสิ หอมอร่อยมากเลยนะ ตอนที่หนูคบกับพี่อาธิป พี่อาธิปจะทำให้หนูกินบ่อย ๆ นัชชาพูดไป และพร้อมคีบไข่เจียวให้ฉันไปด้วย แล้วก็หันไปยิ้มให้อาธิปแบบหวาน ๆ พร้อมคีบให้อาธิปด้วย เธอพูดขึ้นมาว่า “พี่อาธิปรับปากหนูแล้วนะว่าจะพาหนูไปดูงานดอกไม้ที่เจียงหนาน พี่อาธิปห้ามผิดคำพูดนะคะ”
“อืม” อาธิปพูด เขาทานอาหารเช้าด้วยท่าทีสง่างาม ปกติเขาก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่สำหรับนัชชา เหมือนเขาจะตอบรับเธอทุกคำถาม และตอบสนองเธอทุกคำขอ
คุณกวินเหมือนจะชินกับบรรยากาศแบบนี้ไปแล้ว เขาก็ทานอาหารเช้าไปด้วยท่าทีสง่างามเช่นกัน ไม่พูดไม่จา นั่งดูเราสามคนแบบไม่อยากเกี่ยวยุ่งเข้ามาด้วย
ฉันหลิ่วตาลง ขมวดคิ้วตาโดยห้ามไม่ได้ วันนี้เป็นวันจัดงานศพของอาก๋ง ถ้าอาธิปไปกับนัชชา แล้วงานศพอ่ะ…..
อาหารเช้ามื้อนี้ เป็นใครก็ไม่มีอารมณ์กิน ฉันก็กินนิดเดียว เห็นอาธิปเดินขึ้นห้องจะเปลี่ยนชุด ฉันก็ลุกขึ้นตามขึ้นไปด้วย
ที่ห้องนอน
อาธิปรู้ตัวว่าฉันตามขึ้นมา ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีอะไร”
พูดไป และเปลี่ยนชุดไปเหมือนไม่มีอะไร หุ่นร่างกายที่ฟิตแข็งแรงของเขาเปิดมาโดยไม่ปกปิดอะไรเลย ด้วยสัญชาตญาณในตัวฉัน ฉันเลยหันหลังให้เขา และกล่าว่า “วันนี้งานศพของอาก๋งนะคะ”
ข้างหลังตัวฉันมีแต่เสียงเปลี่ยนเสื้อ และเสียงรูดซิปเข็มขัด ตามด้วยก็คือคำพูดด้วยเสียงเฉยชาว่า เธอไปจัดการก็แล้วกัน”
ฉันขมวดคิ้วตา กล่าวว่า “อาธิปคะ นั่นเป็นปู่ของคุณนะคะ” อาธิปเป็นหลานชายคนโตในครอบครัวตระกูลฟู่ งานแบบนี้ถ้าเขาไม่ไปร่วมงาน จะให้คนอื่นคิดยังไงกับเขา
“เรื่องฝังอาก๋ง ฉันสั่งการเฉินยี่เรียบร้อยแล้ว มีอะไรคุณก็คุยกัลเฉินยี่แล้วกัน” เขาพูดมาแล้วเฉยมาก เหมือนสั่งงานงานเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญ
เห็นเขากำลังจะเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือ ฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาทำมาก เลยพูดเสียงดังว่า “อาธิปคะ นอกจากนัชชาแล้ว จะไม่มีใครสำคัญในสายตาคุณเลยเหรอคะ คุณเห็นคนในครอบครัวเป็นอะไรคะ”
เขาหยุดเดิน หันหน้ามามองฉัน เขาหลิ่วตาเล็กน้อย ท่าทีดุดัน พูดว่า “เรื่องของครองครัวฉัน เธออย่ามาเสือก”
เขาหยุดพูดแป๊บ และพูดด้วยความประชดประชันว่า “เธอไม่มีสิทธิ์”
คำพูดสั้น ๆ แต่เจ็บจี๊ดถึงใจ
ยืนมองเขาเดินออกไป ฉันเจ็บยิ้มไม่ออก
ฉันไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง
เหอะเหอะ
สองปีแล้ว ฉันก็ไม่สามารถทำให้เขาเปลี่นใจได้เลย
“ทีแรกฉันแค่คิดว่าเธอหน้าด้าน แต่ไม่คิดเลยว่าเธอนี่ชอบเสือกอีกด้วย” ข้าง ๆ มีเสียงพูดประชดส่งมา
ฉันหันหน้าไป เห็นนัชชาพิงกับประตู ไม่รู้เขาเดินขึ้นมาเมื่อไร ความน่ารักที่มีอยู่ในห้องครัวนั้นไม่มีเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ มีแต่ความร้ายกาจ